แกนนำ พปชร.ถกเครียดมูลนิธิป่ารอยต่อฯ สุดท้าย "บิ๊กป้อม" ทุบโต๊ะขออุ้ม "ธรรมนัส" นั่งเลขาฯ พรรคต่อ วงหารือเดือด! ก๊วนไล่ผู้กอง จี้ต้องเปลี่ยน กก.บห. หวั่นบิ๊กตู่ชิ่งตั้งพรรคใหม่ “ประวิตร” ควันออกหู สวนเดือดถ้าอย่างนั้น “ก็เลิกเล่นการเมือง” วงแทบแตกขู่ “ไม่เลิกทะเลาะกูออก” บีบหนักให้กรอกแบบสอบถาม จะเอาใคร-ไม่เอาใคร สรุป หน.-เลขาฯ ยังคู่เดิม “เฮ้ง-ชัยวุฒิ” เก้าอี้ร้อน ลูกพรรคบ่นกลางวง ส่วน พท. "ชลน่าน" จ่อนั่ง หน.พรรคคนใหม่ ถีบสมพงษ์เข้ากรุคนแก่
ในวันที่ 28 ต.ค.นี้ สองพรรคการเมืองใหญ่จากปีกพรรครัฐบาลและพรรคฝ่ายค้าน คือพรรคพลังประชารัฐและพรรคเพื่อไทย ตกอยู่ในความสนใจของแวดวงการเมืองกับกระแสข่าวการจัดทัพใหม่ เปลี่ยนแปลงกรรมการบริหารพรรค เพื่อรีเซตอำนาจของบางกลุ่มการเมืองในสองพรรคดังกล่าว
เริ่มกันที่พรรคพลังประชารัฐก่อน โดยเมื่อวันที่ 27 ต.ค. มีความเคลื่อนไหวคือ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ได้ลงนามนัดประชุมคณะกรรมการบริหารพร้อมทั้งหัวหน้าภาคของพรรค ในวันพฤหัสบดีที่ 28 ตุลาคมนี้ เวลา 12.30 น. ที่ที่ทำการพรรค อาคารรัชดาวัน
"หัวหน้าพรรคมีความเป็นห่วงในกระแสข่าวต่างๆ ที่คลาดเคลื่อนในขณะนี้ จึงเรียกประชุมคณะกรรมการบริหารพรรค พร้อมทั้งหัวหน้าภาคด้วยในคราวเดียวกัน เพื่อทำความเข้าใจที่ตรงกัน" แหล่งข่าวระบุ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับหนังสือนัดประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคดังกล่าว ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ได้ทำหนังสือถึง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้า พปชร.ให้ลงนาม โดยมีใจความว่า
"ด้วยมีพระราชกฤษฎีกาเรียกประชุมรัฐสภาสมัยประชุมสามัญประจำปี ครั้งที่ 2 พ.ศ.2564 ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย.2564 ประกอบกับฝ่ายทะเบียนมีเรื่องการจัดตั้งตัวแทนพรรคพรรคการเมืองประจำจังหวัดจะรายงานให้คณะกรรมการบริหารทราบ ในการนี้จึงเห็นควรให้มีการประชุมคณะกรรมการบริหารในวันพฤหัสบดีที่ 28 ต.ค.2564 เวลา 12.30 น. ณ ห้องประชุมชั้น 5 ที่ทำการการพรรคพลังประชารัฐ เลขที่ 547 อาคารรัชดาวัน แขวงจันทรเกษม เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร ทั้งนี้ เพื่อให้หัวหน้าภาคได้รายงานความคืบหน้าในการขับเคลื่อนพรรคในพื้นที่ จึงเห็นควรให้หัวหน้าภาคทุกภาคเข้าร่วมประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคในครั้งนี้ด้วย"
มีรายงานด้วยว่า หลังจากช่วงบ่ายวันที่ 26 ต.ค. ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ เข้าพบ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ที่มูลนิธิป่ารอยต่อฯ เพื่อหารือเรื่องการประชุมพรรคและการปรับโครงสร้างพรรควันที่ 28 ต.ค. จากนั้นช่วงเย็นวันเดียวกัน พล.อ.ประวิตร ได้ต่อสายหา กก.บห.ทุกคนเพื่อไม่ให้เซ็นใบลาออก จนกว่าจะประชุมวันที่ 28 ต.ค. ทำให้มี ส.ส.ที่เซ็นใบลาออกรอไว้แล้วแต่ยังไม่ได้ยื่น ประสานไปยัง 6 รัฐมนตรีเพื่อขอถอนใบลาออก ทำให้เหลือคนที่เซ็นใบลาออกแล้วเพียง 6 คนนั้น
ต่อมาปรากฏว่าล่าสุดเมื่อช่วงเช้าวันพุธที่ 27 ต.ค. ได้มี กก.บห.บางส่วน อาทิ นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม, นายสรวุฒิ เนื่องจำนงค์ ส.ส.ชลบุรี, นายรงค์ บุญสวยขวัญ ส.ส.นครศรีธรรมราช ได้เดินทางไปยังมูลนิธิป่ารอยต่อฯ เพื่อพบและร่วมรับประทานอาหารเช้า ซึ่งเป็นเมนูข้าวต้มหมู กับ พล.อ.ประวิตร
โดยช่วงหนึ่งได้มีการสอบถามความชัดเจนถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น โดยหนึ่งในแกนนำพรรคได้พูดกับ พล.อ.ประวิตร ถึงปัญหาที่เกิดจาก ร.อ.ธรรมนัส พร้อมระบุว่า รัฐบาลและพรรค พปชร.จำเป็นต้องเป็นเนื้อเดียวกัน ถ้าเป็น ร.อ.ธรรมนัส คงทำงานกันลำบาก เพราะนายกฯ ไม่เอา ร.อ.ธรรมนัส จึงควรปรับโครงสร้างให้ทำงานได้ ทำให้ พล.อ.ประวิตรกล่าวสวนไปว่า “พวกคุณไปฟังความข้างเดียวกัน ถ้าไม่เอาธรรมนัสแล้วจะเอาใคร เขาทำงานได้ ทำงานเพื่อพรรค แล้วใครจะทำงาน คนอื่นก็เป็นคู่กรณีของเขา ถ้ายังไม่เลิกทะเลาะกัน กูลาออก ใครอยากมาเป็นก็มาเป็นเลย”
จากนั้น แกนนำพรรคพลังประชารัฐ คนเดิมจึงระบุกลางวงข้าวต้มหมูร้อนๆ ว่า "แต่ถ้ายังเป็น ร.อ.ธรรมนัส ปัญหาจะไม่จบ เพราะนายกฯ อาจไปตั้งพรรคใหม่" ทำให้ พล.อ.ประวิตรตอบอย่างมีอารมณ์ว่า “ถ้านายกฯ ตั้งพรรคใหม่ ผมก็เลิก ไม่เล่นแล้วการเมือง”
รายงานข่าวแจ้งอีกว่า ตอนหนึ่งยังมีการพูดถึงข้อสรุปในวงหารือระหว่าง พล.อ.ประยุทธ์, พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย, พล.อ.ประวิตร กับ 6 รัฐมนตรีเกี่ยวกับการปรับโครงสร้างพรรค เมื่อวันที่ 25 ต.ค.ที่ผ่านด้วย โดย พล.อ.ประวิตรระบุว่า วันดังกล่าวไม่ได้มีข้อสรุปอะไร ตนเพียงนั่งรับฟังเฉยๆ “ก็วันนั้นพวกคุณรุมผม”
วงถก"พปชร."ร้อนฉ่า!
ต่อมาในช่วงบ่ายวันเดียวกัน บรรดาแกนนำและ ส.ส.หลายคนได้ทยอยเข้าพบ พล.อ.ประวิตรอย่างพร้อมเพรียง อาทิ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรค, นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.การคลัง และนายชัยวุฒิ รมว.ดีอีเอส เป็นต้น
โดย พล.อ.ประวิตรได้เปิดโอกาสให้สมาชิกสะท้อนปัญหาที่เกิดขึ้นว่า “ใครมีความในใจอะไรก็พูดออกมาเลย คุยกันตรงๆ” ซึ่งมี ส.ส.ภาคใต้บางคนกล่าวว่า จริงๆ แล้วพวกเราไม่มีอะไร เป็นเรื่องที่ผู้ใหญ่ทะเลาะกันเอง ทำให้ พล.อ.ประวิตรตอบกลับไปว่า “ที่เป็นปัญหาอาจมีบางคนทะเลาะ และมีเด็กไปบอกนายกฯ จึงทำให้เป็นปัญหา เอาเป็นว่าต่อไปนี้ขอให้รักกัน พูดคุยกัน และให้จบตรงนี้ ไม่เป็นไร ถ้าที่ผ่านมีอะไรที่ผิดพลาด หรือผมอาจจะดูแลทุกคนไม่ดีพอ ก็ขอโทษ แต่ยืนยันว่าผมรักสมาชิกทุกคน”
จากนั้น ร.อ.ธรรมนัสได้ถือโอกาสอธิบายว่า “ผมไม่มีอะไร ที่ผ่านมาทำงาน ใจถึงพึ่งได้ พร้อมช่วยทุกคน แต่เรื่องที่เกิดขึ้น มีบางคนที่ไม่ชอบผมเอาไปพูดนอกพรรค ทำให้สับสน ขอให้มาพูดกัน” พร้อมกันนี้ ร.อ.ธรรมนัสยังเสนอให้ ส.ส.กลุ่มต่างๆ มาที่นั่งฟังจะได้รับทราบไปพร้อมกัน จะได้ไม่ต้องไปประชุม กก.บห.วันที่ 28 ต.ค.อีก ให้มันจบกันวันนี้
ทั้งนี้ เมื่อ ร.อ.ธรรมนัสพูดเสร็จบรรยากาศได้ตึงเครียดขึ้นเมื่อนายชัยวุฒิ ได้พูดสวนไปว่า “ให้เอาความจริงมาพูดกัน เมื่อครั้งที่จะโหวตสวนผมและนายกฯคืออะไร” ร.อ.ธรรมนัสจึงตอบว่า “ที่ผ่านมาก็ขอโทษ ส่งข้อความและชี้แจงไปหมดแล้ว” ทำให้นายชัยวุฒิย้ำอีกครั้งว่า “ให้เอาความจริงมาพูดกันจะดีกว่า”
นอกจากนี้ ในการหารือครั้งนี้ได้มีการแจกกระดาษที่เป็นลักษณะแบบสอบถามประมาณ 7-8 ข้อ เป็นใบละ 1 คำถามให้กับสมาชิกไปเขียนด้วยลายมือ ไม่ต้องระบุชื่อ เช่น สอบถามว่าต้องการให้ใครเป็นหัวหน้าพรรค ต้องการให้ใครเป็นเลขาธิการพรรค และอนาคตอยากให้พรรคเป็นอย่างไร รวมถึงให้แสดงความรู้สึกที่มีต่อรัฐมนตรีในสังกัดพรรค
จากนั้น พล.อ.ประวิตรได้อ่านผลการกรอกแบบสอบถามด้วยตัวเอง โดยมีสีหน้ายิ้มแย้มตลอดเวลาว่า ทั้งหมดพร้อมใจกันยืนยันให้ พล.อ.ประวิตรเป็นหัวหน้าพรรคต่อไป ส่วนเลขาธิการพรรคประมาณ 80% ยังไว้วางใจ ร.อ.ธรรมนัส รองลงมาคือนายอนุชา น้อยที่สุดคือชื่อของนายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน
"ขณะที่การแสดงความเห็นต่อรัฐมนตรีของพรรค ส่วนใหญ่แสดงความเห็นไปในทิศทางเดียว คือไม่พอใจต่อการปฏิบัติตัวของรัฐมนตรี 2 กระทรวงคือ กระทรวงแรงงานและกระทรวงดีอีเอส ทั้งนี้ ผลการตอบแบบสอบถามดังกล่าวจะมีการนำไปรายงานให้ที่ประชุม กก.บห.ในวันที่ 28 ต.ค.ทราบ" แหล่งข่าวระบุผลการหารือกันอย่างเคร่งเครียดของแกนนำพลังประชารัฐดังกล่าว ก่อนที่จะมีการประชุมพรรควันรุ่งขึ้น 28 ต.ค.
ด้านนายวิรัช รัตนเศรษฐ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ให้สัมภาษณ์ก่อนหน้านั้นว่า สำหรับกระแสข่าวกรรมการบริหารพรรค พปชร.บางส่วนเริ่มทยอยลาออกนั้น ในช่วงเช้าได้เช็กไปยังนายทะเบียนพรรคและเลขาธิการที่ทำด้านธุรการ แจ้งมาว่ายังไม่ได้รับหนังสือลาออกจากใครเลย อาจจะเก็บไว้กับตัวก่อนหรือเปล่าก็ไม่ทราบ และการประชุมกรรมการบริหารพรรค 28 ต.ค.นี้ จะมีการประชุม กก.บห.พรรค เพื่อที่หากมีอะไรขัดข้องหมองใจกันก็ให้มาพูดคุยกันใน กก.บห.
เมื่อถามว่า แต่ดูแนวโน้มการให้สัมภาษณ์ของ พล.อ.ประวิตรเมื่อวันที่ 26 ต.ค. เป็นในลักษณะปรับเปลี่ยนโครงสร้าง กก.บห. นายวิรัชกล่าวว่า ต้องรอฟังพล.อ.ประวิตร ความชัดเจนทุกอย่างคงจะอยู่ในวันพรุ่งนี้ แต่ได้คุยกับทั้งหัวหน้าพรรคและเลขาธิการพรรคแล้ว
ผู้สื่อข่าวถามอีกว่า ทุกอย่างจบในวันพรุ่งนี้ หมายความว่า กก.บห.จะลาออกใช่หรือไม่ นายวิรัชกล่าวว่า ยังไม่ทราบ ทุกอย่างจะจบวันพรุ่งนี้ แต่ไม่รู้จะจบแบบไหน ไม่มีแผนเอ ไม่มีแผนบี ไม่มีแผนสำรอง อยู่ที่หน้างานจะเป็นลักษณะไหน
นายวิรัชยังกล่าวตอบกรณีถูกถามว่า ปัญหาของ พปชร.จะส่งผลกระทบการทำงานในสภาหรือไม่ เพราะอาจทำให้เกิดสภาล่มหรือการผ่านร่างกฎหมายสำคัญ นายวิรัชกล่าวว่า แยกสัดส่วนกัน การบริหารงานในสภา ในการที่เป็นรัฐบาล เราต้องพยายามทำทุกอย่างให้ดีที่สุด ถ้าไหวก็โหวต ถ้าไม่ไหวก็เลื่อน เหมือนอย่างที่เคยทำมา มันมีเทคนิคหรือแท็กติกมากมาย เราสามารถชะลอได้ ดึงได้ เดินหน้าได้ เอาญัตติอื่นข้ามมาได้ ฉะนั้นตรงนี้ไม่ต้องเป็นห่วง เพราะก็ผ่านมาแล้วตั้ง 2 ปีครึ่ง จากคะแนนเสียงที่ปริ่มๆ เราก็พากันมาจนถึงวันนี้
เมื่อถามต่อว่าจะไม่ถึงขั้นที่กฎหมายไม่ผ่านแล้วนายกฯ สั่งยุบสภาใช่หรือไม่ นายวิรัชกล่าวว่า ไม่มี ยืนยันว่าไม่มี เพราะไม่รู้ว่าจะมีเหตุผลอะไร มันไม่มีเลย เราก็จะพยายามทำหน้าที่ในสัดส่วนที่เขากำหนดให้ดูแลในด้านสภา
ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เมื่อถูกสื่อมวลชนถามถึงการปรับโครงสร้างภายในพรรคพลังประชารัฐในวันที่ 28 ต.ค.นี้ และล่าสุดท่าทีของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรค ยังคงที่จะนั่งในตำแหน่งเลขาธิการพรรคต่อไป โดย พล.อ.ประยุทธ์ได้แต่หันมามองกลุ่มผู้สื่อข่าว แต่ไม่ตอบคำถามแต่อย่างใด
"ชลน่าน"จ่อนั่งหน.เพื่อไทย
ด้านความเคลื่อนไหวของพรรคเพื่อไทย มีรายงานข่าวจากพรรคเพื่อไทยแจ้งว่า ในการประชุมใหญ่สามัญประจำปีของพรรคในวันที่ 28 ต.ค.ที่ จ.ขอนแก่น มีวาระน่าจับตามองคือ การเปลี่ยนหัวหน้าพรรค โดยนายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ที่เตรียมประกาศลาออกจากตำแหน่ง เปิดโอกาสให้คนอื่นขึ้นมาทำหน้าที่แทน โดยก่อนหน้านี้มีชื่อนายสุทิน คลังแสง ประธานวิปฝ่ายค้านและ ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ที่ได้รับแรงเชียร์จากกลุ่ม ส.ส.ภาคอีสานให้ก้าวขึ้นมาทำหน้าที่แทน แต่แกนนำพรรคหลายคนมองว่านายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคและ ส.ส.นครราชสีมา ได้เข้ามามีตำแหน่งสำคัญในกรรมการบริหารพรรคแล้ว จึงเห็นว่า นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน ที่ทำหน้าที่ในสภาได้เป็นอย่างดี ทันเกมการเมืองฝ่ายตรงข้าม ถือว่ามีความเหมาะสม
นอกจากนี้ จะมีการดึงคนในพรรคมาช่วยงานในตำแหน่งรองหัวหน้าพรรค กรรมการบริหารพรรคที่ว่างลง 4 ตำแหน่งให้เข้ามาช่วยงาน ขณะเดียวกัน ในตำแหน่งผู้อำนวยการพรรค แม้จะไม่ใช่ตำแหน่งกรรมการบริหารพรรค จะมีการปรับเปลี่ยนเช่นเดียวกัน โดย นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี ที่ได้รับการสนับสนุนจากกลุ่มแคร์ จะเข้ามาทำหน้าที่ดังกล่าวแทนนายทนุศักดิ์ เล็กอุทัย โดยมีการปรับเปลี่ยนตำแหน่งในกรรมการบริหารพรรคเป็นหลัก แต่จะยังไม่มีการเปิดตัวแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ที่แกนนำพรรคบางคนมองว่ายังไม่ใช่ช่วงเวลา เพราะเปิดตัวเร็ว ไม่ว่าจะเป็นใคร จะถูกฝ่ายตรงข้ามโจมตีแน่นอน รอให้มีการยุบสภาเริ่มเข้าสู่โหมดเลือกตั้งแล้วค่อยเปิดตัว มีความเหมาะสมมากกว่า เหมือนกับโมเดลที่เคยผลักดัน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นนายกฯ ในเวลาเพียง 49 วัน
"การปรับโครงสร้างกรรมการบริหารพรรคในครั้งนี้นั้น เพื่อทำให้พรรคเข้ากับแคมเปญ “พรุ่งนี้เพื่อไทย เพื่อชีวิตใหม่ของประชาชน มีแนวโน้มว่านายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย จะประกาศลาออกจากตำแหน่งหลังดำเนินการวางโครงสร้างภายใต้ยุทธศาสตร์ใหม่แล้วเสร็จ เพื่อส่งไม้ต่อการนำพรรคให้บุคคลที่เหมาะสมมาขับเคลื่อนในช่วงก่อนการเลือกตั้งครั้งต่อไป ผู้ที่จะมาทำหน้าที่ดังกล่าวนั้นคือ นพ.ชลน่าน แต่หัวหน้าพรรคจะไม่ใช่แคนดิเดตนายกฯ ในการเลือกตั้งครั้งต่อไป เพราะแคนดิเดตยังคงต้องมีการหารือกันอีกครั้งช่วงโค้งสุดท้ายก่อนเลือกตั้ง ส่วนกรรมการบริหารพรรคก็จะหลีกเลี่ยงผู้มีบทบาทดูแลพื้นที่ในการเลือกตั้งป้องกันการร้องเรียนยุบพรรค สำหรับเลขาธิการพรรค ยังคงเป็นนายประเสริฐเช่นเดิม" แหล่งข่าวจากพรรคเพื่อไทยระบุ
นพ.ชลน่านได้ตอบคำถามในรายการเจาะลึกทั่วไทยอินไซด์ไทยแลนด์ ท่ามกลางกระแสข่าวถูกวางตัวเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทยคนใหม่ โดยผู้ดำเนินรายการถามว่า ถ้ามีการเสนอชื่อ นพ.ชลน่านเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทย จะปฏิเสธหรือไม่ นพ.ชลน่านตอบว่า เอาตรงๆ ถ้าได้รับโอกาสอย่างนั้น ก็พร้อมที่จะทำหน้าที่เพื่อพรรค เพื่อประเทศชาติบ้านเมือง ถ้าได้รับโอกาส การเสนอชื่อเป็นกระบวนการ ถ้าพรรคให้เกียรติให้โอกาสก็ถือว่าเป็นโอกาสที่จะได้ทำหน้าที่ ได้ทำงานให้พรรค ให้ประเทศชาติบ้านเมือง ตามเจตจำนงที่เราอาสามาทำหน้าที่เป็นผู้แทนของพี่น้องประชาชน
ผู้ดำเนินรายการถามต่อว่า ถ้าได้เป็นหัวหน้าพรรค อย่างแรกที่จะทำคืออะไร นพ.ชลน่านกล่าวว่า เพื่อไทยเป็นพรรคการเมืองขนาดใหญ่ เป็นสถาบันทางการเมือง ต้องเติมเต็มเรื่องการมีส่วนร่วม เรื่องความเป็นเจ้าของพรรคจากประชาชน จากคนทุกกลุ่ม เป็นสิ่งที่เพื่อไทยควรจะต้องทำ จะต้องมีจุดเชื่อมโยงประสานระหว่างภาพในอดีต คนในปัจจุบัน และคนในอนาคตหมายถึงคนรุ่นใหม่ ให้ผสมผสานกลมกลืน
วันเดียวกัน นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ในฐานะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยว่า ในการเปิดประชุมรัฐสภาสมัยสามัญประจำปีครั้งที่ 2 ที่จะเริ่มขึ้นในวันที่ 1 พ.ย.นั้น ตนได้ประสานไปยังผู้ใหญ่พรรคร่วมรัฐบาล เพื่อให้การทำงานฝ่ายบริหารและฝ่ายนิติบัญญัติมีความใกล้ชิดมากยิ่งขึ้น และด้วยสถานที่ที่มีความสะดวก รวมถึงสถานการณ์โควิด-19 เริ่มคลี่คลาย ได้แจ้งวันที่ 8 พ.ย.จะให้มีการประชุมที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล ส่วนวันที่ 1 พ.ย. ยังคงใช้ที่รัฐสภา และวันนั้นตนจะได้แจ้งเป็นทางการอีกครั้ง รวมถึงรายละเอียดต่างๆ และตนได้พูดคุยกับประธานวิปรัฐบาลเรียบร้อยแล้ว อย่างไรก็ตาม มีความเป็นไปได้หลังจากนี้จะใช้ที่ทำเนียบรัฐบาลเป็นที่ประชุมวิปรัฐบาลที่เดียว โดยนายกฯ เห็นด้วย
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมสภาสมัยนี้ มีกฎหมายสำคัญที่เกี่ยวข้องกับรัฐบาลเข้าสู่การพิจารณาในสภาเป็นจำนวนมาก อาทิ กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการปฏิรูปประเทศ รวมถึงการพิจารณาร่างพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ.2558.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ลุยมาเฟียปราจีนฯ ไร้เงาคนสนิทโกทร
นายกฯ อิ๊งค์พร้อมนั่งหัวโต๊ะทีมเฉพาะกิจปราบมาเฟียตามบัญชาพ่อ
พท.ฝัน‘หน่อย’ ชิงอบจ.โคราช ในนามเพื่อไทย
“อนุทิน” ตอกย้ำ “ภูมิใจไทย” ไม่ลงเล่นสนามท้องถิ่น เด็กเพื่อไทยยังหวัง
ตีปี๊บโลกยกย่องนายกฯ ‘แพทองธาร’ไปมาเลย์
“รมต.น้ำ” แห่ตีปี๊บ “ฟอร์บส์” จัดอันดับ “แพทองธาร” ติดอันดับ 29
เชื่อ2วัน‘น้ำท่วมใต้’ลดลง
นายกฯ กำชับ ศปช.เร่งบรรเทาน้ำท่วมใต้ 4 จังหวัดยังหนัก คาด 2 วันคลี่คลาย
อิ๊งค์แก้ต่างแทนพ่อ อ้างพูดให้พรรคร่วมช่วยกัน/อนุทินชี้ดรามาจบแล้ว
“อิ๊งค์” แจง "พ่อนายกฯ" พูดถึงพรรคร่วมในภาพกว้าง ต้องช่วยกัน
‘หนู’ ลั่นฟังแค่ ‘อิ๊งค์’ ยันร่วมรัฐบาลเป็นไฟต์บังคับ ‘ทักษิณ’ พูดไม่นำพา
"อนุทิน" ลั่น! รับสัญญาณจากนายกฯ อิ๊งค์เท่านั้น ยันที่ "ทักษิณ" พูดไม่ได้หมายถึงรัฐมนตรีจากพรรคภูมิใจไทย "ท่านทักษิณพูดถึงพรรคที่ไม่เข้าร่วมประชุม ผมก็ไม่นำพาไปฟังอะไรมาก"