‘ชวน’กรีดสมาชิกอย่าหนีปัญหา

ประชาธิปัตย์เลือดไหลไม่หยุด "กนก วงษ์ตระหง่าน" ลาออกจากรองหัวหน้าพรรค อ้างเหตุด้วยสำนึกทางศีลธรรม ส่วน "ติ่ง มัลลิกา" ไขก๊อกจากเก้าอี้กรรมการบริหารพรรค "ชวน" อบรมชุดใหญ่ วันนี้ต้องดูปัญหาและอย่าไปหนีปัญหา ยอมรับความจริงว่ามันเกิดขึ้นอย่างไร กรีดสมาชิกพรรคหากไม่ทำอะไรที่เป็นประโยชน์กับพรรค ก็อย่าเป็นตัวถ่วงของพรรค

เมื่อวันที่ 25 เมษายน 2565 น.ต.สุธรรม ระหงษ์ ผอ.พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) เปิดเผยว่า นางมัลลิกา บุญมีตระกูล มหาสุข ได้ยื่นหนังสือลาออกจากการเป็นกรรมการบริหารพรรค (กก.บห.) แล้ว โดยในหนังสือลาออกลงวันที่  23 เม.ย.ว่าขอลาออกจากกรรมการบริหารพรรค โดยไม่ได้ให้เหตุผลแต่อย่างใด ทั้งนี้หนังสือลาออกดังกล่าวส่งถึงพรรควันที่ 25 เม.ย. และพรรคลงรับแล้วเพื่อรายงานไปยังคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) รับทราบ ดังนั้นถือว่านางมัลลิกาไม่ได้เป็นกรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ ตั้งแต่วันที่ 25 เม.ย.เป็นต้นไป

ขณะที่นายกนก วงษ์ตระหง่าน รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ โพสต์เฟซบุ๊ก “กนก วงษ์ตระหง่าน (Kanok  Wongtrangan)” เรื่อง “ผมจำเป็นต้องลาออกจาก 'รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์' ด้วยสำนึกทางศีลธรรม” โดยระบุว่า "จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เกี่ยวข้องกับการกระทำของผู้บริหารระดับสูงของพรรคท่านหนึ่ง ที่ถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิด และได้เข้าสู่การพิสูจน์ตามกระบวนการยุติธรรมแล้วนั้น สาธารณชนจำนวนมากแสดงการไม่ยอมรับ และรังเกียจต่อการกระทำตามที่ถูกกล่าวหานั้น ด้วยเห็นว่าเป็นการกระทำที่ผิดต่อศีลธรรมอย่างรุนแรง จนนำไปสู่การตั้งคำถามต่อมาตรฐานความรับผิดชอบทางศีลธรรมของผู้บริหารพรรคโดยรวม และจากการดำเนินการของพรรคต่อเรื่องนี้โดยหัวหน้าพรรค กลับสวนทางกับความคาดหวังของสาธารณชนในเรื่องสำนึกความรับผิดชอบต่อสังคมโดยรวมของพรรค

พรรคประชาธิปัตย์มุ่งมั่นทำงานการเมือง ด้วยการยึดถือประชาชนเป็นใหญ่มาเป็นเวลาช้านาน ตามความหมายของชื่อพรรค คือ 'ประชาธิปัตย์' แต่ในขณะนี้เป็นที่ปรากฏชัดว่า ประชาชนผิดหวังอย่างมากต่อการตัดสินใจของพรรค ที่นำโดยหัวหน้าพรรค ต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ ด้วยสำนึกต่อศีลธรรมที่สำคัญยิ่งต่อการปฏิบัติหน้าที่ของนักการเมือง ผมจึงขอลาออกจากตำแหน่ง 'รองหัวหน้าพรรค' ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป"

ด้านนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ในฐานะอดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีข้อเรียกร้องให้ตนเข้ามาแก้วิกฤตศรัทธาภายหลังเกิดปัญหาในพรรค ปชป.ว่า ยังไม่ได้เดินทางเข้าไปที่พรรคจึงยังไม่มีโอกาสได้ติดตามอะไร เนื่องจากติดภารกิจของรัฐสภา ส่วนกรณีล่าสุดที่นายกนกยื่นลาออกจากตำแหน่งรองหัวหน้าพรรคนั้น ยังไม่ทราบเพราะเป็นเรื่องภายในของพรรค นอกจากติดตามจากข่าวเท่านั้น ซึ่งยังไม่อยากพูดอะไรที่ยังไม่รู้จริง

เมื่อถามว่า หลายคนฝากความหวังไว้ในการแก้ไขปัญหาครั้งนี้ อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ตอบว่า ตนอยู่ในพรรคอยู่แล้ว ซึ่งพรรคจะเป็นอย่างไร ส่วนตัวก็เหมือนในอดีต เช่นเหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519 ที่หลายคนแยกออกไป แต่ตนก็ไม่ได้ไปไหน เพราะหากพรรคจำเป็นต้องหมดไปก็จะเลิกเล่นการเมือง ซึ่งสมัยนั้นก็ยังไม่มีความคิดว่าพรรคประชาธิปัตย์จะต้องยุบหรือเลิกพรรคไป เพราะตนบอกว่าหากเป็นอย่างนั้นก็จะไปสอบเป็นผู้พิพากษา แต่ในที่สุดพรรคก็ยังดำรงมาได้

นายชวนกล่าวว่า ในขณะนี้ก็มาเจอปัญหาซึ่งต้องให้กำลังใจคนทำงาน และพยายามขอร้องสมาชิกพรรคว่า เราเป็นตัวเป็นตนได้ก็เพราะพรรคประชาธิปัตย์ หลายคนได้ประโยชน์จากชื่อเสียงของพรรค ในยามมีปัญหาจะทำอะไรให้คิดหน้าคิดหลังให้ดี อย่าไปมองสถานการณ์เพียงชั่วระยะสั้นๆ ต้องมองไกล ถ้ามีปัญหาเตือนเสมอว่าปัญหากับพรรคการเมืองเป็นของคู่กัน ดังนั้นเมื่ออาสามาทำงานการเมืองแล้วก็อย่าไปกลัวปัญหา เมื่อเจอปัญหาก็ต้องแก้ไข  อย่าไปหนีปัญหา

 “วันนี้ก็ต้องดูปัญหาและอย่าไปหนีปัญหา ยอมรับความจริงว่ามันเกิดขึ้นอย่างไร และก็ต้องแก้ไขกันไป อย่าไปหวั่นไหวเกินไปจนทำให้มีปัญหาตามมา จึงอยากให้สมาชิกที่อยู่ในพรรคและได้ประโยชน์จากพรรค มีตำแหน่ง เป็นสมาชิก เป็น ส.ส. ให้ตระหนักว่าหากมีอะไรก็อย่าไปซ้ำเติม เราต้องช่วยเหลือกัน”

ถามว่า ประชาธิปัตย์จะยังคงสถานะพรรคต่อไปได้  และยังไม่ถึงขั้นวิกฤตสุดที่จะต้องแยกย้ายแตกสลายไปเหมือนที่หลายคนเป็นห่วงใช่หรือไม่ นายชวนตอบว่า ก็เข้าใจคนห่วงใย ซึ่งก็ต้องขอขอบคุณผู้ที่ห่วงใย แต่ขอให้เชื่อว่าเมื่อเราทำงานแล้วเจอปัญหา ก็ขอให้สู้กับปัญหา วันหนึ่งก็ผ่านพ้นไป แต่จะแก้ไขได้มากน้อยเพียงใดก็แล้วแต่เหตุการณ์ ขอให้กำลังใจทุกคนรวมถึงนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรค ซึ่งนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ  อดีตหัวหน้าพรรค และตนช่วยสนับสนุนนายจุรินทร์จนชนะ สมัยที่ตนจะขึ้นเป็นหัวหน้าพรรคก็ต้องผ่านการแข่งขันเช่นกัน แต่สมัยนั้นความขัดแย้งไม่ค่อยมี แต่สมัยนี้แข่งขันกันเยอะ มีหลายกลุ่ม พอกลุ่มที่แพ้ไป บางคนก็หนีออกไป แต่บางคนก็ยังอยู่ แต่ว่าคนที่เป็นหัวหน้าก็จะเหนื่อย  ซึ่งตนรู้สึกเห็นใจและขอเป็นกำลังใจให้ทุกคน

 “ขอร้องสมาชิกพรรคหากไม่ทำอะไรที่เป็นประโยชน์กับพรรค ก็อย่าเป็นตัวถ่วงของพรรค หมายความว่าอย่าคอยวิพากษ์วิจารณ์ตำหนิเพียงอย่างเดียว ต้องพยายามหาทางช่วยเหลือ เพราะแต่ละคนก็ได้ประโยชน์จากการเป็นสมาชิกพรรค เพราะมีตำแหน่ง ขอให้คิดถึงคนที่เขาอยู่ในระบบเลือกตั้งบ้าง และคิดถึงคนที่เขาสนับสนุนพรรคด้วย ความยากลำบากและด้วยความศรัทธา คนเหล่านี้เราต้องคิดถึงให้มาก จึงอยากให้กำลังใจและขอบคุณคนที่ให้กำลังใจ โดยเฉพาะผู้หลักผู้ใหญ่ที่ให้กำลังใจพรรคมาหลายคน”  นายชวนกล่าว

วันเดียวกันนี้ น.ส.รัชดา ธนาดิเรก กรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ ได้แจ้งในไลน์กลุ่มสื่อมวลชน ปชป.ว่า จะมีการแถลงข่าวที่พรรคประชาธิปัตย์ในเวลา 13.30 น.  ท่ามกลางกระแสจะมีคณะกรรมการบริหารหญิงจำนวน 7 คนลาออกจากตำแหน่ง แต่ปรากฏว่าการแถลงข่าวล่าช้ากว่ากำหนดไปหนึ่งชั่วโมงครึ่ง กระทั่งเวลา 15.00 น. น.ส.รัชดาพร้อมด้วยนางเจิมมาศ จึงเลิศศิริ และ น.ส.ผ่องศรี  ธาราภูมิ กรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ ได้ร่วมกันแถลงข่าว ซึ่งทั้งหมดมีสีหน้าเคร่งเครียดอย่างเห็นได้ชัด

โดย น.ส.รัชดากล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่า จากกรณีที่มีกระแสข่าวในโลกออนไลน์ ถือเป็นสถานการณ์ที่ยากลำบาก คณะกรรมการบริหารที่เป็นผู้หญิงจำนวน 7 คน  ประกอบด้วย ตน, นางเจิมมาศ, น.ส.ผ่องศรี, นางศรีสมร  รัศมีฤกษ์เศรษฐ์, น.ส.สุพัชรี ธรรมเพชร, น.ส.พิมพ์รพี  พันธุ์วิชาติกุล และ น.ส.อรอนงค์ กาญจนชูศักดิ์ โดยตลอด 10 วันที่ผ่านมาได้เกิดเหตุการณ์ขึ้นมาจากคนในพรรค  และยังมีเหตุการณ์อื่นซ้อนกัน รวมถึงเกิดกระแสที่มากระทบต่อพรรค ซึ่งเป็นสถาบันการเมืองที่พวกเรารักยิ่ง พวกเรามีความทุกข์ใจ เสียใจ และอยากมีส่วนร่วมรับผิดชอบต่อความรู้สึกของประชาชน พวกเราไม่เคยจะปฏิเสธความรับผิดชอบ และยิ่งเป็น กก.บห.พรรคและเป็นผู้หญิงก็มีความเดือดเนื้อร้อนใจ

 “เราไม่อยากให้สังคมเข้าใจว่าพรรคแตกแยก ดังนั้นพวกเราทั้ง 7 คนจะมุ่งมั่นทำหน้าที่ในฐานะสมาชิกพรรคต่อไป ส่วนตำแหน่ง กก.บห.นั้น เราจะรับผิดชอบในส่วนที่เราทำได้ หากมีการตัดสินใจอย่างใดอย่างหนึ่งจะแจ้งให้ทราบอีกครั้งในเวลาที่เหมาะสม วันนี้ไม่อยากให้สังคมเข้าใจว่าใครๆ ก็เดินออกจากประชาธิปัตย์” น.ส.รัชดากล่าว

ขณะที่ น.ส.อรอนงค์เปิดเผยว่า ได้เขียนใบลาออกจากการเป็น กก.บห. โดยมอบไว้ให้กับเพื่อน กก.บห.กลุ่มผู้หญิงที่มาแถลงข่าว เพราะส่วนตัวมีความคิดที่จะลาออกจาก กก.บห.ตั้งแต่ที่มีข่าวฉาวโยงถึงอดีตรองหัวหน้าพรรคในช่วงต้นๆ อย่างน้อยเป็นจิตสำนึกของความเป็นผู้หญิง ที่เราต่อสู้กับเรื่องสิทธิสตรีและความเท่าเทียมทางเพศมาตลอด แต่ที่ยังไม่ยื่นลาออกเพราะเกรงว่าจะกระทบต่อสนามเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สาเหตุที่ กก.บห.กลุ่มผู้หญิงมาแถลงล่าช้าไปกว่าชั่วโมง เพราะมีหนึ่งในเจ็ดคนเปลี่ยนใจ  หลังจากมีผู้บริหารระดับสูงในพรรคมาเกลี้ยกล่อมขอให้ชะลอการแถลงลาออกจึงเปลี่ยนใจ จนทำให้ภาพที่ออกมาของ กก.บห.กลุ่มผู้หญิงไม่เป็นเอกภาพ.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง