ไทยพบผู้ติดเชื้อเริ่มลดลงอยู่ที่ 17,784 ราย แต่ยอดดับยังแรงอยู่ที่ 126 ราย “ธนกร” เผยนายกฯ กำชับยังต้องเข้มมาตรการป้องกัน สั่ง สธ.ลดผู้เสียชีวิต กำชับเจ้าหน้าที่ปราบผู้ลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมาย
เมื่อวันอาทิตย์ที่ 24 เม.ย. ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ในไทย ว่าพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 17,784 ราย เป็นการติดเชื้อในประเทศ 17,666 ราย มาจากระบบเฝ้าระวังและระบบบริการ 17,631 ราย, มาจากการค้นหาเชิงรุก 35 ราย, มาจากเรือนจำ 40 ราย เป็นผู้เดินทางมาจากต่างประเทศ 78 ราย หายป่วยเพิ่มขึ้น 22,846 ราย อยู่ระหว่างรักษา 183,154 ราย อาการหนัก 1,929 ราย ใส่ท่อช่วยหายใจ 899 ราย เสียชีวิตเพิ่มขึ้น 126 ราย เป็นชาย 65 ราย หญิง 61 ราย เป็นผู้เสียชีวิตที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป 92 ราย มีโรคเรื้อรัง 30 ราย โดยมียอดผู้ติดเชื้อสะสมยืนยันตั้งแต่ปี 2563 จำนวน 4,165,874 ราย มียอดหายป่วยสะสมตั้งแต่ปี 2563 จำนวน 3,954,945 ราย ยอดผู้เสียชีวิตสะสมตั้งแต่ปี 2563 จำนวน 27,775 ราย
สำหรับ 10 จังหวัดที่มีผู้ติดเชื้อสูงสุด ได้แก่ กทม. 3,200 ราย, ขอนแก่น 767 ราย, สมุทรปราการ 686 ราย, ชลบุรี 608 ราย, นนทบุรี 510 ราย, นครปฐม 476 ราย, บุรีรัมย์ 447 ราย, ศรีสะเกษ 443 ราย, นครราชสีมา 431 ราย และร้อยเอ็ด 404 ราย
นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ย้ำให้ประชาชนและทุกภาคส่วนยังคงต้องเข้มข้นในการปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโควิด-19 อย่างเคร่งครัด เพื่อลดอัตราการติดเชื้อที่อาจจะเพิ่มขึ้น แม้ผู้ติดเชื้อในประเทศส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มอาการสีเขียวที่สามารถรักษาได้ในรูปแบบ Home Isolation (HI), Community Isolation (CI) และแบบผู้ป่วยนอก เจอ แจก จบ ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขได้กำหนดแนวทางการรักษาผู้ป่วยโควิด-19 แบ่งเป็น 4 กลุ่ม ดังนี้ 1.กลุ่มที่ไม่มีอาการ ไม่ต้องกินยาต้านไวรัส อาจให้ยาฟ้าทะลายโจร ขึ้นกับดุลยพินิจของแพทย์ 2.กลุ่มที่มีอาการไม่รุนแรง ไม่มีปอดอักเสบ ไม่มีปัจจัยเสี่ยง พิจารณาให้ฟาวิพิราเวียร์เร็วที่สุด 3.กลุ่มที่มีปัจจัยเสี่ยงต่อโรครุนแรงหรือกลุ่มที่มีปอดอักเสบ แต่ยังไม่ต้องให้ออกซิเจน พิจารณาให้ยาต้านไวรัสเร็วที่สุด โดยประเมินจากประวัติวัคซีนและปัจจัยเสี่ยงต่อโรครุนแรง และ 4.กลุ่มที่มีอาการปอดอักเสบต้องได้รับการรักษาด้วยออกซิเจน พิจารณาให้ยาเรมเดซิเวียร์อย่างเร็วที่สุด
“สธ.ยังได้ดำเนินการตามนโยบายและข้อสั่งการนายกฯ ที่ให้ความสำคัญในการลดจำนวนผู้เสียชีวิตให้น้อยที่สุด โดยเน้นการดูแลผู้ป่วยกลุ่มสีเหลืองและสีแดง ที่มีความเสี่ยงอาการรุนแรงและเสียชีวิต และเร่งรณรงค์ให้ประชาชนมารับการฉีดวัคซีนโควิด-19 ทั้งเข็มปกติและเข็มกระตุ้นด้วย” นายธนกรกล่าว
นายธนกรกล่าวอีกว่า พล.อ.ประยุทธ์พอใจผลการดำเนินงานการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ของศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง (ศปม.) ในส่วนต่างๆ ซึ่ง ศปม.ได้รายงานในที่ประชุม ศบค.ครั้งที่ 7/2565 เมื่อวันที่ 22 เม.ย.2565 โดยนายกฯ ชื่นชม ขอบคุณกำลังพลฝ่ายความมั่นคงที่ปฏิบัติหน้าที่อย่างเข้มแข็ง เสียสละเพื่อประชาชนไทยและประเทศชาติตลอดช่วงเวลาการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 พร้อมกำชับให้คุมเข้ม เฝ้าระวัง จับกุมแรงงานต่างด้าวลักลอบเข้าประเทศไทยโดยผิดกฎหมายอย่างเข้มงวด
นายธนกรกล่าวว่า การปฏิบัติของ ศปม.ในพื้นที่ชายแดนในการจับกุมสอบสวนแรงงานต่างด้าวลักลอบเข้าราชอาณาจักรโดยผิดกฎหมาย ตั้งแต่วันที่ 1- 20 เม.ย. มียอดรวม 13,405 คน แบ่งเป็นพื้นที่ตอน ใน 919 คน ติดชายแดน 12,486 คน โดยในจำนวนนี้เป็นผู้นำพา 110 คน นอกจากนี้ ศปม.ได้มีการสนับสนุนศูนย์ปฏิบัติการ (เฉพาะกิจ) เพื่อติดตามและกำกับดูแลผู้เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร โดยจัดกำลังร่วมปฏิบัติในการติดตามและกำกับดูแลผู้เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร ให้เป็นไปตามมาตรการป้องกันควบคุมโรคที่กำหนดอย่างเคร่งครัด กำหนดเส้นทางและจุดรับ-ส่งผู้เดินทางจากท่าอากาศยานไปยังโรงแรมที่พัก ตรวจสอบและกำกับการเดินทางให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ประสานการปฏิบัติในการแก้ไขปัญหาในกรณีที่ผู้เดินทางหลบหนีหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรการที่กำหนด รวมทั้งบูรณาการและประสานความร่วมมือกับ ศปก.กก. และภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง
"นายกฯ พอใจการดำเนินงานการป้องกันการแพร่ระบาดเชื้อโควิด-19 ของ ศปม. พร้อมให้กำลังใจกับทุกการทำงานเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดโควิด-19 โดยได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง ทหาร ตำรวจ คุมเข้ม เฝ้าระวัง จับกุมแรงงานต่างด้าวลักลอบเข้าประเทศไทยอย่างเข้มงวด ตามเส้นทางตลอดแนวชายแดน และเส้นทางในการลักลอบเข้าสู่พื้นที่ตอนใน ซึ่งนายกรัฐมนตรีย้ำว่าหากพบมีเจ้าหน้าที่เข้าไปเกี่ยวข้องในขบวนการลักลอบ หรือปล่อยปละละเลยการปฏิบัติหน้าที่ จะต้องถูกลงโทษอย่างเด็ดขาด" นายธนกรกล่าว.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
กฤษฎีกายี้กม.เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์
จับตา ครม.ถกร่าง กม.เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ 13 ม.ค.นี้
กสม.ตบปากทักษิณ ซัดปราศรัยเหยียดเชื้อชาติ/‘พท.’ชง‘ลูกอิ๊งค์’คุยพ่อลดดีกรี
"ประธาน กกต." ลั่นพร้อมดูแลเลือกตั้งนายก อบจ. 1 ก.พ.แล้ว
ชทพ.ย้ำห้ามแตะสถาบัน สว.ค้านหั่นเสียง‘สภาสูง’
ชาติไทยพัฒนายันแก้รัฐธรรมนูญห้ามแตะต้องหมวด 1 และ 2 เด็ดขาด “สว.” ย้ำไม่เอาแน่หากเสนอตัดเสียงสภาสูงออก
นายกฯสั่งดูแล คนไทยในสหรัฐ เหตุไฟป่า‘L.A.’
“แพทองธาร” บอกเช็กแล้วไม่มีคนไทยในสหรัฐบาดเจ็บหรือเสียชีวิตจากไฟป่า
คึกคักจัดงานวันเด็กแห่งชาติ
หลายจังหวัดคึกคัก จัดงานวันเด็กแห่งชาติ เหล่าทัพจัดเต็มแสดงอาวุธยุทโธปกรณ์
‘ภรรยาลิม’โอด ช่วงสามีถูกยิง! ไร้‘ผู้ช่วยเหลือ’
ผกก.สน.ชนะสงครามยันออกหมายจับมือยิง “ลิม กิมยา” แค่ 2 คน “เมียอดีต สส.ฝ่ายค้าน”