ปชป.รับปมฉาว "ปริญญ์" กระทบเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. วอนคนกรุงแยกแยะไม่เกี่ยว "ดร.เอ้" สกลธียันส่งทนายฟ้อง 2 พิธีกรวอยซ์ทีวีศุกร์นี้ "ชัชชาติ" ชูวาระด่วนทางม้าลายปลอดภัย "ศิธา" ดันกรุงเทพฯ เป็น "Regional Hub" จับมือเอกชนจัดมหกรรมกีฬานานาชาติ
เมื่อวันที่ 21 เมษายน น.ส.ดรุณวรรณ ชาญพิพัฒนชัย รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะรองผู้อำนวยการศูนย์ฝ่ายการสื่อสารการเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และ ส.ก.ของพรรคประชาธิปัตย์ ยอมรับว่า กรณีนายปริญญ์ พานิชภักดิ์ อดีตรองหัวหน้าพรรค ตกเป็นผู้ต้องหาคดีล่วงละเมิดทางเพศ กระทบการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. เพราะนายปริญญ์เป็นอดีตผู้อำนวยการการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ของพรรค แต่เชื่อมั่นว่าความตั้งใจของนายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. หมายเลข 4 ที่ต้องการอาสาเข้ามาเปลี่ยนกทม.ด้วยใจจริง ทั้งแนวนโยบาย รวมถึงการลงพื้นที่ร่วมกับผู้สมัคร ส.ก.ทั้ง 50 เขต จึงอยากให้ประชาชนแยกแยะว่าเป็นความผิดของตัวบุคคล ไม่เกี่ยวข้องกับผู้สมัครของพรรค
สำหรับการสรรหาผู้อำนวยการการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.คนใหม่นั้น เชื่อว่าผู้บริหารของพรรคจะเลือกผู้ที่เหมาะสมเข้ามาเป็นแทนในเร็ววันนี้ พร้อมยืนยันว่าการทำงานของรองผู้อำนวยการการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ในส่วนที่เหลือยังเดินหน้าต่อไปได้ ไม่มีผลกระทบ เพราะได้แบ่งงานไว้ชัดเจน
ด้านนายสกลธี ภัททิยกุล ผู้สมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. หมายเลข 3 กล่าวถึงการเตรียมฟ้องร้องนายวิโรจน์ อาลี กับ น.ส.ลักขณา ปันวิชัย หรือ คำ ผกา สองพิธีกรวอยซ์ทีวี หลังวิจารณ์ด้อยค่าอุดมการณ์ทางการเมืองว่า อยู่ในแวดวงการเมืองมา 16 ปี ไม่เคยคิดฟ้องสื่อ หรือใคร เพราะเข้าใจว่าตนเป็นคนสาธารณะ เพราะปกติตามสื่อต่างๆ ก็ถูกแซะถูกว่าอยู่ตลอด แต่ปล่อยผ่านไป แต่กรณีนี้คิดว่าเกินไป ด้วยความเป็นสื่อมวลชนด้วย ควรจะมีวิจารณญาณในการวิพากษ์วิจารณ์มากกว่านี้ ถ้าเป็นเรื่องปกติจะไม่สนใจ แต่ตอนนี้เป็นการนำเสนอในช่วงของการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. และคำพูดที่ใช้ก็เป็นลักษณะการด้อยค่าและหยาบคาย ซึ่งแน่นอนเป็นการดิสเครดิตตน ไม่เคยปฏิเสธว่าอดีตเคยมีอุดมการณ์ทางการเมืองที่ออกไปชุมนุม ยืดอกรับ ทั้งนี้ ในวันศุกร์ที่ 22 เม.ย.นี้ได้ให้ทนายความฟ้องร้องต่อทั้ง 2 คน และหากเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นมาอีกก็จะฟ้องต่อ ให้ไปสู้กันในชั้นศาล
วันเดียวกัน นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. หมายเลข 8 ลงพื้นที่หาเสียงย่านสำนักงานขนาดใหญ่ สี่แยกสาทร-นราธิวาส และได้ทดลองข้ามทางม้าลายบนถนนนราธิวาสราชนครินทร์ พบปัญหารถยนต์และรถจักรยานยนต์จอดพาหนะทับทางม้าลาย บางส่วนขับขี่ด้วยความเร็วสูงโดยไม่สนใจสัญญาณไฟจราจรคนข้ามถนน โดยระบุว่า กทม.จำเป็นต้องปรับปรุงทางม้าลายให้มีมาตรฐานความปลอดภัย เพื่อคุ้มครองสิทธิพื้นฐานในการเดินเท้าของประชาชนทุกคน ด้วยการทาสีแถบทางข้ามให้ชัดเจน เห็นได้จากระยะไกล กำหนดเขตชะลอและหยุดรถ ติดตั้งแสงสว่าง สัญญาณไฟกะพริบ กล้อง CCTV และป้ายกำหนดความเร็วรถ ส่วนจุดที่มีคนข้ามถนนหนาแน่นควรติดตั้งสัญญาณไฟทางข้ามชนิดปุ่มกด เป็นต้น ปัจจุบัน กรุงเทพฯ มีทางข้ามประมาณ 4,160 แห่ง โดยทางข้ามกว่า 3,000 แห่ง หรือประมาณ 74% ไม่ได้ติดตั้งสัญญาณไฟ
จากนั้น นายชัชชาติยังได้เดินสำรวจโครงการปรับปรุงภูมิทัศน์คลองช่องนนทรี พร้อมกล่าวว่า กทม.จำเป็นต้องกระจายการพัฒนาพื้นที่สีเขียวใกล้บ้านใกล้ชุมชน ครอบคลุมทุกเขตทั่วกรุงเทพฯ เพื่อส่งเสริมสุขภาวะทางร่างกายและจิตใจ เป็นพื้นที่พักผ่อนหย่อนใจของคนกรุงเทพฯ ตลอดจนส่งเสริมสิ่งแวดล้อมดีและเมืองน่าอยู่สำหรับทุกคน
ที่สนามฟุตบอล soccer pro บางนา น.ต.ศิธา ทิวารี ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. หมายเลข 11 พรรคไทยสร้างไทย พร้อมด้วย นายดลสุข รุ่งเรือง ผู้สมัคร ส.ก., นายปณิธาน ประจวบเหมาะ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.บางนา ร่วมกันแถลงเปิดนโยบายสนับสนุนการกีฬาของกรุงเทพฯ ว่า จะสนับสนุนการพัฒนาด้านกีฬา การเพิ่มพื้นที่สาธารณะของกรุงเทพฯ เพื่อให้ครอบคลุมทั่วถึง เท่าเทียม สามารถมาทำกิจกรรมด้านการกีฬาได้อย่างมีประสิทธิภาพ ขณะเดียวกันจะสนับสนุนงบประมาณ พร้อมจัดตั้งกองทุนพัฒนากีฬา หรือขอความร่วมมือจากภาคเอกชนเพื่อสนับสนุนการพัฒนากีฬาในมิติต่างๆ เพื่อยกระดับให้กรุงเทพฯ เป็น Regional Hub ในการจัดมหกรรมกีฬานานาชาติ เช่น Events การแข่งขันกีฬาระดับโลก โดยนํา Rugby 7s world series หรือ Formula One Grand prix มาจัดเป็น Event ประจำปีที่กรุงเทพฯ ซึ่งเป็นการฟื้นฟูการท่องเที่ยวสร้างรายได้เข้าประเทศ นอกจากนี้จะสนับสนุนกีฬาอีสปอร์ตและเอ็กซ์ตรีมสปอร์ตด้วย
น.ต.ศิธากล่าวว่า กทม.จะเพิ่มพื้นที่สาธารณะของประชาชน เพื่อการออกกําลังและทำกิจกรรมต่างๆ โดยสํานักงานเขตทั้ง 50 เขต สำรวจสภาพลานกีฬาในพื้นที่ เบื้องต้นมีจำนวนรวมกว่า 1,200 ลาน โดย กทม.ต้องพัฒนาพื้นที่สีเขียวให้เป็น Multi Purpose และในบางแห่งอาจพิจารณาเปิดถึงช่วงเที่ยงคืนตามความต้องการของประชาชน
ขณะที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ประธานมูลนิธิมวลมหาประชาชนเพื่อการปฏิรูปประเทศไทย (มปท.) กล่าวในรายการ “คุยกับลุง” EP 25 ว่า ในปัจจุบัน การใช้โซเชียลมีเดียมีความหมายมีความสำคัญสำหรับการหาเสียงเลือกตั้งเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งเป็นเรื่องที่ขึ้นอยู่กับเทคนิค วิธีการนำเสนอของแต่ละคน ที่มีทุนและความสามารถที่ไม่เท่าเทียมกันย่อมมีความได้เปรียบและเสียเปรียบอยู่บ้างเป็นธรรมดา สังเกตดูว่าผู้สมัครหลายคนที่เป็นผู้สมัครอิสระ เขาก็อิสระจริงๆ แต่ว่าผู้สมัครบางคนอ้างว่าสมัครอิสระ แต่แอบมีพรรคการเมืองหนุนหลังอยู่ คงหลอกคนกรุงไม่ได้ แต่ตนยังเอาใจช่วยทุกคน ใครมีความคิดมีนโยบายที่ดี ก็นำเสนอต่ออย่างตรงไปตรงมา เพื่อให้คนกรุงเทพฯ สามารถที่จะใช้ดุลยพินิจในการตัดสินใจเลือกได้ถูกต้อง.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ตั้งกก.สอบผกก.บางซื่อ ทนายปาเกียวเล็งทิ้งตั้ม
“ดีเอสไอ” เตรียมสรุปสำนวนคดี 18 บอสดิไอคอนเสนออัยการคดีพิเศษภายใน 20 ธ.ค.นี้
นิกรหักเพื่อไทย เตือนส่อผิดกม. ให้กมธ.ตีความ
“นิกร” หักข้อเสนอ “ชูศักดิ์” เลยช่วงเวลาแปลงร่างประชามติเป็นกฎหมายการเงินแล้ว
‘สนธิ’ลั่นการเมืองใกล้สุกงอม!
“อุ๊งอิ๊ง” เมินปม กกต.สอบครอบงำต่อ เด็ก พท.ยันเป็นการดำเนินการตามปกติ
จ่อส่งคดีหมอบุญให้DSI
ตร.สอบปากคำอดีตภรรยา-ลูกสาว “หมอบุญ” เพิ่มเติม
ทักษิณรอดคลุมปี๊บ! ส้มเหลวปักธงอุดรธานี ‘คนคอน’ตบหน้า‘ปชป.’
เลือกตั้ง อบจ. 3 จังหวัด “เพชรบุรี-อุดรธานี-นครศรีธรรมราช” ราบรื่น
‘ยิ่งลักษณ์’ กลับคุก ‘บิ๊กเสื้อแดง’ รู้มา! ว่าไปตามราชทัณฑ์ไม่ใช้สิทธิพิเศษ
“เลขาฯ แสวง” ยันเดินหน้าคดี “ทักษิณ-เพื่อไทย” ล้มล้างการปกครองต่อ เพราะใช้กฎหมายคนละฉบับกับศาล รธน. "จตุพร" ลั่นยังไม่จบ! ต้องดูสถานการณ์เป็นตอนๆ ไป