ศบค.ชุดใหญ่จ่อปรับมาตรการลดกักตัวกลุ่มเสี่ยงสูงเหลือ 5 วัน นายกฯ ปลื้มศูนย์ป้องกันโรคสหรัฐยกเลิกคำเตือนห้ามเข้าไทยพร้อมกับ 89 ประเทศ สัญญาณท่องเที่ยวบวก ด้านผู้ติดเชื้อยังสูงถึง 2 หมื่นราย ตายพุ่ง 128 คน
เมื่อวันที่ 20 เม.ย.2565 ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) รายงานสถานการณ์โควิด-19 ในประเทศไทยว่า พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 20,455 ราย ติดเชื้อในประเทศ 20,226 ราย มาจากระบบเฝ้าระวังและระบบบริการ 20,208 ราย, มาจากการค้นหาเชิงรุกในชุมชน 18 ราย, มาจากเรือนจำ 135 ราย เป็นผู้เดินทางมาจากต่างประเทศ 94 ราย หายป่วยเพิ่มขึ้น 25,933 ราย อยู่ระหว่างรักษา 191,743 ราย อาการหนัก 2,049 ราย ใส่เครื่องช่วยหายใจ 902 ราย เสียชีวิตเพิ่มขึ้น 128 ราย เป็นชาย 66 ราย หญิง 62 ราย อายุ 60 ปีขึ้นไป 105 ราย มีโรคเรื้อรัง 22 ราย สำหรับ 10 จังหวัดที่มีผู้ติดเชื้อมากที่สุดได้แก่ กทม. 3,332 ราย, ชลบุรี 885 ราย, ขอนแก่น 693 ราย, สมุทรปราการ 671 ราย, ศรีสะเกษ 661 ราย, สมุทรสาคร 532 ราย, บุรีรัมย์ 499 ราย, ฉะเชิงเทรา 485 ราย, อุบลราชธานี 459 ราย และ สกลนคร 449 ราย
นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม จะเป็นประธานการประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 ครั้งที่ 7/2565 ในวันที่ 22 เม.ย.นี้ เพื่อติดตามการประเมินสถานการณ์ช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่ผ่านมา ซึ่งมีการรายงานว่ามีเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจจากภาคการท่องเที่ยวดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ประกอบกับสถิติผู้ติดเชื้อจากต่างประเทศมีจำนวนน้อย ส่วนจำนวนผู้ติดเชื้อในประเทศอยู่ในระดับที่สามารถควบคุมได้ จึงอาจมีการพิจารณาปรับรูปแบบและมาตการป้องกันในระดับต่างๆ เพื่อให้เศรษฐกิจเดินหน้าต่อไปได้ด้วยดี โดยคาดว่าจะมีวาระสำคัญเตรียมความพร้อมเปิดภาคเรียน และการปรับมาตรการการเข้า-ออกประเทศทั้งทางอากาศ ทางบก และทางน้ำ พร้อมพิจารณามาตรการในแต่ละพื้นที่ให้เหมาะสม
น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีมีความยินดีที่ได้รับทราบกรณีที่ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (Centers for Disease Control and Prevention : CDC) สหรัฐอเมริกา ยกเลิกคำเตือนห้ามประชาชนเดินทางมายังประเทศไทยและอีก 89 ประเทศ โดยเป็นการปรับลดคำเตือนจากกลุ่มประเทศที่มีความเสี่ยงจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ระดับสูงสุด ระดับ 4 มาอยู่ในระดับ 3 ซึ่งเป็นระดับที่มีคำแนะนำให้ฉีดวัคซีนโควิด-19 ก่อนเดินทางเท่านั้น ทั้งนี้นายกรัฐมนตรีเห็นว่าการยกเลิกคำเตือนห้ามเดินทางของสหรัฐดังกล่าว เป็นปัจจัยบวกและสนับสนุนต่อภาคการท่องเที่ยวของไทย เนื่องจากนักท่องเที่ยวสหรัฐเป็นหนึ่งในกลุ่มนักท่องเที่ยวที่สำคัญ ซึ่งตั้งแต่ต้นปีถึงสิ้นเดือน มี.ค. ซึ่งเป็นช่วงที่สหรัฐ ยังมีคำเตือนประชาชนห้ามเดินทางมายังประเทศไทย แต่นักท่องเที่ยวจากสหรัฐ ยังติด 1 ใน 5 ประเทศที่เดินทางเข้ามาในไทยมากที่สุด รองจากสิงคโปร์ เยอรมนี สหราชอาณาจักร และฟิลิปปินส์
ด้านนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า หลังจากกระทรวงสาธารณสุขได้มีการหารือกันในที่ประชุม EOC เพื่อวางมาตรการควบคุมป้องกันโรคโควิด-19 ที่สอดรับกับสถานการณ์ และเตรียมเสนอต่อ ศบค. ในเรื่องของการปรับการตรวจหาเชื้อในผู้เดินทางเข้าประเทศไทย จากที่เคยกำหนดให้ตรวจ RT-PCR ก็จะปรับมาเป็นการตรวจด้วย ATK ส่วนเสนอเรื่องการลดวันกักตัวกลุ่มสัมผัสเสี่ยงสูงให้ลดน้อยลงนั้น เห็นว่าการกักตัวกลุ่มเสี่ยงสูง 5-7 วันก็น่าจะมีเหตุผลเพียงพอ ทั้งนี้ ในการประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ เมื่อวันที่ 12 เม.ย.ที่ผ่านมา ได้มีมติให้ลดวันกักตัวกลุ่มสัมผัสเสี่ยงสูงเหลือเพียง 5 วัน และ สังเกตตัวเองต่ออีก 5 วัน (5+5) โดยจะมีการเสนอเข้าที่ประชุม ศปก.ศบค. ก่อนเสนอ ศบค.ต่อไป
ศูนย์จีโนมทางการแพทย์ คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล ได้เผยแพร่ข้อมูลการระบาดของไวรัสโควิด-19 โดยระบุว่า โอมิครอนในประเทศไทยจากข้อมูลรหัสพันธุกรรมทั้งจีโนมที่ถอดมาต่อเนื่อง บ่งชี้ว่าดำเนินมาสู่ช่วงขาลง แต่สมาชิกสำคัญในกลุ่มคือ BA.1 ลดระดับลงจนสูญพันธุ์ไปแล้วในประเทศไทย BA.2 มีจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ลดลงอย่างต่อเนื่อง แต่ที่ต้องระวังสมาชิกอื่นอย่างมากเช่นกันคือ “BA.2.12” ที่กำลังแพร่ระบาดในไทยเพิ่มขึ้น หากเกิดการกลายพันธุ์ในส่วนโปรตีนหนามอีกเพียงตำแหน่งเดียวคือ “L452Q” อาจกลายพันธุ์เป็น “BA.2.12.1” ที่สามารถแพร่ระบาดได้อย่างรวดเร็วเหมือนกับที่เกิดขึ้นที่นิวยอร์กในขณะนี้
สำหรับสถานการณ์ในต่างจังหวัด ที่ จ.บุรีรัมย์ โรงพยาบาลพลับพลาชัยได้ประกาศผ่านเพจของโรงพยาบาล พร้อมติดป้ายด้านหน้าตึกและประชาสัมพันธ์ผ่านช่องทางต่างๆ เพื่อแจ้งให้ประชาชนรับทราบว่า ทางโรงพยาบาลพลับพลาชัย ได้งดให้บริการแผนกผู้ป่วยนอกเป็นการชั่วคราว เนื่องจากเจ้าหน้าที่คิดโควิด-19 และเสี่ยงสูงจำนวนมาก จึงมีเจ้าหน้าที่ไม่เพียงพอต่อการปฏิบัติงาน โดยได้งดให้บริการคนไข้ทั่วไปทุกกรณี ยกเว้นผู้ป่วยที่มีความจำเป็นวิกฤต-ฉุกเฉิน รวมถึงผู้ป่วยที่มีนัดทำแผลและฉีดยาต่อเนื่อง ยังสามารถเข้ามารับบริการได้
ทั้งนี้ จากข้อมูลพบว่ามีเจ้าหน้าที่ภายในโรงพยาบาลติดเชื้อโควิด-19 แล้วมากกว่า 60 คน จากจำนวนบุคลากรทั้งหมดเกือบ 200 คน ส่วนที่เหลือก็อยู่ในภาวะเสี่ยงสูง ซึ่งต้องตรวจหาเชื้อทุกวัน สำหรับผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัว เช่น ความดัน เบาหวาน และโรคอื่นๆ ที่เคยมีการนัดรับยาตามกำหนดนั้น ทางโรงพยาบาลจะทำการจัดส่งยาไปให้กับทาง รพ.สต.ใกล้บ้าน จากนั้นทาง รพ.สต.จะประสาน อสม.เพื่อนำยาไปจ่ายให้กับผู้ป่วยตามบ้าน เพื่อลดการเดินทางเข้ามาแออัดในโรงพยาบาล ทั้งเป็นการลดความเสี่ยงของผู้ป่วยเองด้วย อย่างไรก็ตาม หากมีการเปลี่ยนแปลง จะแจ้งให้ประชาชนและผู้ป่วยที่จะเข้ามาใช้บริการได้รับทราบอีกครั้ง.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
กกต.หายห่วง! ชูเลือกตั้งอบจ. รู้สึก ‘ปลอดภัย’
"แสวง" ปลุกเจ้าหน้าที่ กกต.! ยันไม่ได้รู้สึกถึงความไม่ปลอดภัยหลังจากที่ได้ลงตรวจเยี่ยมการสมัครรับเลือกตั้งที่ปราจีนบุรี ไม่คิดว่าผู้สมัครนายก อบจ.คนไหนจะสร้างความรุนแรง
ประเดิม 10 วันอตร. ตาย 52
ประเดิม 10 วันอันตราย เกิดอุบัติเหตุ 322 ครั้ง ผู้บาดเจ็บ 318 คน ผู้เสียชีวิตแล้ว 52 ราย สาเหตุส่วนใหญ่ขับรถเร็ว
เปิดของขวัญปีใหม่ แพทองโพยแจกยับ
รัฐบาลคืนความสุขให้ประชาชน หลังเครียดกับเศรษฐกิจและการเมือง ขุดของเก่ารวมของใหม่ เหมารวมเป็นของขวัญปีใหม่แต่ละกระทรวง ลดแลกแจกแถมไม่อั้น
สวมบท'อินฟลูอาเซียน' จุดเสี่ยงใช้ประเทศเดิมพัน?
ยืนยันชัดเจนจาก นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย หลังโพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว Anwar Ibrahim พร้อมรูปภาพคู่กับ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี
ไม่กลัวรัฐประหาร ‘ภูมิธรรม’ ลั่น! จัดการได้รัฐบาลอยู่ครบเทอมแน่
“ภูมิธรรม” โวยเอ็มโอยู 44 ถูกปลุกปั่นไปไกล แทบจะออกนอกอวกาศอยู่แล้ว ไม่กังวลใจกับคำถามที่ว่าในปี 2568 สถานการณ์การเมืองจะวุ่นวายและโดนรัฐประหาร
บิ๊กต่อแจงบ้านลอนดอน รมว.ดีอีดีดรับพ่อนายกฯ
ป.ป.ช.เปิดขุมทรัพย์ “บิ๊กต่อ” หลังพ้นเก้าอี้ ผบ.ตร. ทรัพย์สิน 209 ล้าน