พท.ระอุ!เขี่ยศิธาพ้นไลน์กลุ่ม

“นิกร” ยันเปิดสัปดาห์ กมธ.แก้กฎหมายจะเร่งทำงาน เชื่อปัญหาไพรมารีโหวตจะฉลุยหากแจงให้ ส.ว.เข้าใจความเป็นจริง “ธนกร” หยันฝ่ายค้านหมดมุกอภิปราย เลยหันมาเสี้ยมแทน ไลน์เพื่อไทยเดือด! อัดมีกระแสโหนโทนี่หาเสียง “พิชัย” เขี่ย “ศิธา” พ้นกลุ่มหลังเปิดใจพูดความจริงแต่ไม่ถูกใจขาใหญ่

 เมื่อวันอาทิตย์ มีความเคลื่อนไหวทางการเมืองในหลายด้าน โดยนายนิกร จำนง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) ในฐานะเลขานุการคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. (ฉบับที่…) พ.ศ…. กล่าวว่า ในวันที่ 20-21 เม.ย.นี้ กมธ.จะขยายเวลาการทำงานกันเต็มวันทั้ง 2 วัน เพื่อชดเชยวันหยุดช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมา เชื่อว่าจะมีความคืบหน้ามากพอสมควร โดยในวันที่ 20 เม.ย. จะพิจารณาร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยเลือกตั้ง ส.ส. ในประเด็นการปรับปรุงแก้ไขกฎหมายมาตราต่างๆ ที่เกี่ยวข้องให้สอดคล้องกับการกำหนดให้การเลือกตั้ง ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อใช้เขตประเทศเป็นเขตเลือกตั้ง จากนั้นจะพิจารณาต่อเนื่องเกี่ยวกับการบริหารจัดการเลือกตั้งในหลายมาตราที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เสนอขอแก้ไขให้ดีขึ้น

นายนิกรกล่าวต่อว่า ในวันที่ 21 เม.ย.จะพิจารณาร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง ซึ่งจะพิจารณาร่างแก้ไขของนายอนันต์ ผลอำนวย ส.ส.กำแพงเพชร พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ฐานะรองประธาน กมธ. ในประเด็นการเสนอแก้ไขเรื่องคุณสมบัติของการเป็นสมาชิกพรรคการเมืองที่ไม่เคร่งครัดมาก เช่นเดียวกับคุณสมบัติการสมัคร ส.ส.และเป็นรัฐมนตรี คาดว่าเรื่องนี้ได้พิจารณาเสร็จในวันนั้น ส่วนประเด็นสำคัญในร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง ที่จะถูกนำเข้าสู่การพิจารณาในสัปดาห์ที่จะถึงนี้คือ มาตราที่ขอเสนอแก้ไขเกี่ยวกับตัวแทนพรรคการเมืองประจำจังหวัด ที่กำหนดให้ต้องมีทุกเขตเลือกตั้งที่ต้องการส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งแบบแบ่งเขต จากนั้นก็ให้มีส่วนในการเลือกตั้งเบื้องต้นผู้สมัครเลือกตั้งทั้งสองแบบ หรือไพรมารีโหวต ซึ่งในกฎหมายพรรคการเมืองฉบับปัจจุบันยังมีการบังคับใช้อยู่ทั้งๆ ที่มีปัญหาในเชิงปฏิบัติ

นายนิกรกล่าวอีกว่า ในฐานะเป็นหนึ่งในผู้ลงชื่อเสนอร่างแก้ไขฉบับพรรคร่วมรัฐบาล ซึ่งเป็นร่างหลัก จะใช้โอกาสและประสบการณ์กว่า 20 ปีชี้แจงให้ กมธ.วุฒิสภาได้ทราบปัญหาในเชิงปฏิบัติจริงของพรรคการเมือง ซึ่งปัญหาของกฎหมายฉบับนี้เกิดจากความตั้งใจของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ผู้พิจารณากฎหมายเจตนาจะปรับปรุงแก้ไขให้ดีขึ้น แต่ไม่มีโอกาสได้รับฟังความเห็นจากพรรคการเมืองที่เป็นผู้ใช้กฎหมายนี้ เพราะช่วงที่ออกกฎหมายนั้นไม่มีสภาอยู่ ซึ่งเมื่อได้ทำความเข้าใจกันทุกฝ่าย รวมทั้งพรรคการเมืองด้วยกันที่ยังมีความเห็นต่างกันอยู่ในรายละเอียดบ้าง และน่าจะใช้เวลาอภิปรายและพิจารณากันมากพอสมควร เพราะสำคัญ แต่คงจบลงด้วยการลงมติกันในสัปดาห์ต่อไป และในที่สุดร่างที่เป็นหลักที่รับมาในประเด็นตัวแทนประจำจังหวัดและการสรรหาผู้สมัครรับเลือกตั้งที่สามารถปฏิบัติได้จริงจะได้รับการเห็นชอบจาก กมธ.เสียงข้างมากแน่นอน

ท้าฝ่ายค้านอภิปราย

วันเดียวกัน ยังคงมีประเด็นตอบโต้กันไปมาในเรื่องการอภิปรายไม่ไว้วางใจที่จะเกิดขึ้นในอนาคต โดยนายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีนายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย (พท.) ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) ระบุว่าการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้ คนที่จะหลับหูหลับตายกมือแล้วอุ้มกันไปต้องคิดหนัก เพราะใกล้เลือกตั้งใหญ่ ถ้าพรรคร่วมรัฐบาลยกมือให้ แล้วค้านความรู้สึกประชาชน จะถูกประชาชนลงโทษว่าเมื่อฝ่ายค้านเริ่มหมดหนทางหาข้อมูลมาอภิปรายไม่ไว้วางใจ เพราะรัฐบาลไม่ได้ทำอะไรผิด ก็หันมาใช้วิธีเดิมคือเสี้ยมให้พรรคร่วมรัฐบาลแตกคอกันเอง แสดงให้เห็นว่าฝ่ายค้านหมดมุกแล้วจริงๆ แล้วแบบนี้ประชาชนยังหวังอะไรกับฝ่ายค้านได้อีกบ้าง หรือที่ผ่านมางานสภาไม่ค่อยอยากทำ เอาแต่ออกไปผสมโรงกับม็อบบนท้องถนน พอถึงเวลาต้องทำงานตามหน้าที่ของตัวเองในสภาอย่างจริงจังขึ้นมาบ้าง เลยลืมไปหมดแล้วว่าต้องทำงานกันอย่างไร ซึ่งไม่ว่าฝ่ายค้านจะโหมโรงรายวันขนาดไหน รัฐบาลก็พร้อมชี้แจงเสมอ เพราะไม่ได้ทำอะไรผิด ดังนั้นขอให้ฝ่ายค้านทำการบ้านให้ดี อย่างน้อยก็เพื่อไม่ให้ประชาชนต้องผิดหวังซ้ำแล้วซ้ำอีกกับบทบาทหน้าที่ของฝ่ายค้านในสภา

                    “ที่คุยว่าจะอภิปรายพุ่งเป้าไปที่ความผิดพลาดในการบริหารราชการแผ่นดิน เพื่อให้รู้ถึงความทุกข์ยากของประชาชนที่กำลังประสบอยู่นั้น ก็ควรพูดถึงที่มาที่ไปด้วยว่า ที่วันนี้ประชาชนยังต้องลำบากเพราะรัฐบาลชุดที่แล้วทุจริตกันขนาดไหน อดีตรัฐมนตรีกี่คนแล้วที่ต้องติดคุก อดีตนายกฯ ทิ้งคนอื่นให้เผชิญชะตากรรม แต่ตัวเองรีบหนีไปต่างประเทศ รัฐบาลชุดปัจจุบันจึงต้องเข้ามาแก้ไขปัญหาให้กับประชาชน ที่สำคัญก่อนจะเสี้ยมให้พรรคร่วมรัฐบาลแตกคอกันเองนั้น พรรคเพื่อไทยควรไปจัดการปัญหาภายในของพรรคตัวเองก่อนจะดีกว่า เพราะล่าสุดเห็นอดีตคนในพรรคเดียวกันออกมาแฉว่าถูกดีดออกจากกลุ่มไลน์เพียงเพราะพูดความจริงที่ขัดหูคนในพรรคเข้า แล้วแบบนี้จะให้ประชาชนไว้วางใจได้อย่างไร” นายธนกรกล่าว

น.ส.ตรีชฎา ศรีธาดา รองโฆษกพรรค พท. กล่าวโต้นายธนกรว่า นายธนกรไม่น่าเข้ามาก้าวก่ายการทำงานของฝ่ายค้านที่เข้มแข็งเป็นเอกภาพ ซึ่งแตกต่างจากสภาพของรัฐบาลในตอนนี้ที่สั่นคลอนจนไม่รู้จะอยู่ต่อไปอย่างไรไหว ลำพังการรักษาความสัมพันธ์ระหว่างพรรคร่วมฝ่ายรัฐบาลที่ถูกเขย่าทุกวันก็ยากแสนเข็ญ สมาชิกที่เคยยกมือให้ พล.อ.ประยุทธ์แยกแตกหน่อออกไปหมดแล้ว แถมองครักษ์พิทักษ์ก็เหลือน้อยไร้พลัง จึงอยากให้นายธนกรไปดูการอยู่รอดของ พล.อ.ประยุทธ์ ดีกว่ามายุ่งการทำงานของฝ่ายค้าน ต่างคนต่างทำหน้าที่พิสูจน์ตัวเองให้ประชาชนเป็นผู้ตัดสิน เพราะไม่ว่าอย่างไร ฝ่ายค้านทำจริงไม่พูดเยอะ เห็นได้จากการอภิปรายไม่ไว้วางใจในหลายครั้งที่ผ่านมาที่เปิดโปงการทุจริตมากมายจนสามารถส่งเรื่องไปยังคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อให้ดำเนินการเอาผิดต่อได้

ด้านนายไผ่ ลิกค์ ส.ส.กำแพงเพชร พรรคเศรษฐกิจไทย กล่าวถึงการอภิปรายไม่ไว้วางใจมาตรา 151 จะร่วมยื่นญัตติด้วยหรือไม่ ว่าตอนนี้ไม่ได้มีใครติดต่ออะไรมา และคงไม่ถึงอย่างนั้น ตอนนี้ในพรรครอฟังอยู่ ทั้งนี้เรื่องดังกล่าวเป็นเอกสิทธิ์ของ ส.ส. ตามหลักการแล้วต้องรอฟังก่อนว่าอภิปรายอย่างไร และแก้ไขอย่างไร เพื่อที่จะมาโหวต จะมาเป็นมติพรรคอะไรแบบนี้ไม่ได้ เบื้องต้นจะรอดูก่อน แต่ตอนนี้ยังไม่ทราบว่าจะมีเมื่อไหร่ เพราะต้องใช้เสียง ส.ส.ประมาณ 100 คนจึงยื่นกันลำบาก

เมื่อถามถึงการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2566 จะให้ผ่านหรือไม่ เพราะฝ่ายค้านระบุรัฐบาลชุดนี้อาจจะไม่ได้รับความไว้วางใจให้บริหารงบประมาณ นายไผ่กล่าวว่า เรื่องงบเป็นเรื่องสำคัญ เอาการเมืองเข้ามาอยู่ในเรื่องงบประมาณมากๆ ไม่ได้ สมมติมีการดึงหรืออะไรสุดท้ายก็ยังใช้ได้อยู่ดี แต่เราก็ต้องมาดูและไปทำ ที่ผ่านมาก็อยู่ในคณะ กมธ.งบประมาณมาโดยตลอด และ กมธ.งบฯ ก็ไม่คิดเป็นพรรคกันจะช่วยกันทำงานจะเป็นลักษณะแบบนี้ไม่มีพรรคการเมืองในนั้น

ดีดผู้พันปุ่นพ้นไลน์เพื่อไทย

ขณะเดียวกัน ในกลุ่มไลน์ ECOMA ซึ่งเป็นกลุ่มไลน์ของอดีตแกนนำพรรค พท. สมัยรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ นายภูมิธรรม เวชยชัย ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรค พท. ได้โพสต์เนื้อหาข่าวอ้างว่า นายพชร ธรรมมล หรือฟลุค  เดอะสตาร์ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.พรรคเพื่อไทย ยืนยันพรรคเพื่อไทยไม่มีสาขา และโจมตีผู้ที่แอบอ้างเพื่อเกาะกระแสนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ โดยที่ข่าวดังกล่าวยังไม่มีการเผยแพร่ตามสื่อสาธารณะ

ทั้งนี้ ในกลุ่มดังกล่าว มี น.ต.ศิธา ทิวารี ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.พรรคไทยสร้างไทยรวมอยู่ด้วย ทำให้ น.ต.ศิธาสอบถามนายภูมิธรรมว่า “พี่ลงทุนแชร์ไปทุกห้องแบบนี้ น่าจะมีข้อมูลดี อยากให้พี่บอกให้ชัดๆ ไปเลยว่าใครเป็นคนพูด เจ้าตัวเขาจะได้ชี้แจงถูกว่าได้พูดแบบที่กล่าวหาจริงหรือเปล่า ทุกคนเป็นฝ่ายประชาธิปไตย ที่ไม่เอาเผด็จการด้วยกัน ถ้าผู้ใหญ่ในพรรคเพื่อไทยคิดได้แค่อาศัยมืออดีตนายกฯ ซึ่งเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ของเพื่อไทย ไปบิวต์ท่านให้ข้อมูลผิดๆ กับท่าน ชงเรื่องให้พูดในคลับเฮาส์แล้วให้เด็กเอามาขยายความ เพื่อโจมตีฝ่ายเดียวกัน แขวะพรรคร่วมฝ่ายค้านพรรคโน้นพรรคนี้ไปเรื่อย ถ้าผู้บริหารพรรคเพื่อไทยคิดได้แต่เรื่องแค่นี้  พรรคฝ่ายประชาธิปไตยไม่มีทางชนะเผด็จการได้ พรรคเพื่อไทยควรทำตัวเป็นผู้ใหญ่กว่านี้ เป็นพรรคใหญ่สุด ควรเป็นแกนนำฝ่ายค้าน ที่รวมพลังฝ่ายประชาธิปไตยให้เป็นปึกแผ่นให้ดี ไม่ใช่มองพรรคอื่นที่ไม่เอาเผด็จการเป็นศัตรู จ้องจะแย่งคะแนนกันไปหมด

เมื่อ น.ต.ศิธาแสดงความคิดเห็นไป ยังไม่มีคนในกลุ่มมาแสดงความคิดเห็น แต่นายพิชัย นริพทะพันธุ์ แกนนำพรรคเพื่อไทย ได้ลบ น.ต.ศิธาออกจากกลุ่มดังกล่าวทันที 

น.ต.ศิธาให้สัมภาษณ์อีกครั้งถึงการถูกดีดออกจากกลุ่มไลน์ว่า เพียงถามว่าอยากให้ระบุว่าใคร แต่เขาไม่ยอมพูดแล้วเจ้าตัวจะอธิบายอย่างไร พรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำของพรรคฝ่ายประชาธิปไตย แทนที่จะไปสู้กับฝ่ายเผด็จการ แต่ทุกพรรคที่อยู่ฝ่ายประชาธิปไตยโดนแขวะ แบบนี้หมดแล้วจะชนะฝ่ายเผด็จการได้อย่างไร

เมื่อถามว่า หลังถูกดีดออกมาจากกลุ่มไลน์ได้โทร.เคลียร์กันหรือไม่ น.ต.ศิธาตอบว่า ตั้งแต่ออกมาไม่เคยคุยกันเลย แต่ที่ถามไปก็ควรตอบ แต่นี่ไม่ตอบแล้วเตะออกจากกลุ่มเลย ก็ไม่ได้ว่าอะไร แต่ก็อยากให้บอกมาว่าใครเป็นคนเอาพรรคเพื่อไทยไปอ้างเรื่องอะไรจะได้ชี้แจง

“เป็นเกมการเมืองแบบเก่า มีอะไรควรพูดกันตรงๆ อย่างชัดเจนดีกว่า ซึ่งคนปล่อยข่าวว่ามีอยู่ไม่กี่คน แต่ผมไม่ขอเอ่ยถึง เพียงแต่อยากให้เป็นผู้ใหญ่มากกว่านี้ ไม่ใช่แค่คอยแขวะคนอื่น” น.ต.ศิธาระบุ.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง