จยย.ครองแชมป์ เซ่น‘เมาแล้วขับ’ 3วันดับ113ชีวิต

ศปถ.แจงยอดอุบัติเหตุสงกรานต์ 3 วัน ดับแล้ว 113 ราย ดื่มแล้วขับ รวมทั้งซิ่งแหลกยังคงสูสีทำสถิติ  อธิบดี ปภ.บอกมอเตอร์ไซค์เสียชีวิตสูงสุด เหตุไม่สวมหมวกกันน็อก กรมคุมประพฤติระบุยอดเมาขับต่ำกว่าปีที่แล้ว

เมื่อวันที่ 14 เมษายน นายบุญธรรม เลิศสุขีเกษม  อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ในฐานะเลขานุการศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน  (ศปถ.) แถลงสถิติอุบัติเหตุวันที่ 3 ของการรณรงค์ “ชีวิตวิถีใหม่ ขับขี่อย่างปลอดภัย ไร้อุบัติเหตุ” ว่าเกิดอุบัติเหตุ  331 ครั้ง ผู้เสียชีวิต 40 ราย ผู้บาดเจ็บ 323 คน โดยสาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ ดื่มแล้วขับ  30.51% ขับรถเร็วเกินกำหนด 30.21% ยานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ รถจักรยานยนต์  81.36% รถปิกอัป 7.10% ส่วนใหญ่เกิดบนถนนกรมทางหลวง 38.97% ถนนใน อบต./หมู่บ้าน  35.95% บริเวณจุดเกิดเหตุเป็นทางตรง 75.53%  ช่วงเวลาที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ ช่วงเวลา  17.01-18.00 น. คิดเป็น 10.27% ผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตอยู่ในช่วงอายุ 20-29 ปี หรือ 22.59%  โดยจังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ กาญจนบุรีและเชียงใหม่ รวม 15 ครั้ง จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสูงสุด ได้แก่  สมุทรสาคร 5 ราย จังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสูงสุด ได้แก่  กาญจนบุรี 15 คน

นายบุญธรรมแถลงอีกว่า เจ้าหน้าที่ได้จัดตั้งจุดตรวจหลัก 1,903 จุด เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงาน 56,270 คน  เรียกตรวจยานพาหนะ 413,877 คัน มีผู้ถูกดำเนินคดี รวม 79,025 ราย มีความผิดฐานไม่มีใบขับขี่  22,297 ราย ไม่สวมหมวกนิรภัย 20,771 ราย ทั้งนี้สถิติอุบัติเหตุทางถนนสะสม 3 วัน (วันที่ 11-13  เม.ย.) เกิดอุบัติเหตุรวม 869 ครั้ง ผู้เสียชีวิต 113 ราย  ผู้บาดเจ็บ 853 คน โดยสาเหตุหลักยังคงเกิดจากการขับรถเร็วและการดื่มแล้วขับ ทั้งนี้ พฤติกรรมเสี่ยงที่ทำให้บาดเจ็บและเสียชีวิตสูงสุด คือ ไม่สวมหมวกนิรภัย จังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสะสมสูงสุด ได้แก่ ขอนแก่นและนครศรีธรรมราช 33 ครั้ง จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสะสมสูงสุด ได้แก่  สมุทรสาคร 6 คน จังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสะสมสูงสุด ได้แก่  นครศรีธรรมราช 36 คน จังหวัดที่ไม่มีผู้เสียชีวิตรวม 27  จังหวัด

“สถิติอุบัติเหตุทางถนนที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตในช่วง 3  วันที่ผ่านมา พบว่ารถจักรยานยนต์เป็นประเภทรถที่เกิดอุบัติเหตุมากที่สุด โดยมีสาเหตุสำคัญจากการขับรถเร็ว และไม่สวมหมวกนิรภัย ส่งผลให้มีอัตราการเสียชีวิต ณ จุดเกิดเหตุค่อนข้างสูง ศปถ.จึงได้เน้นย้ำให้จังหวัดปรับมาตรการและวางแผนจัดตั้งจุดตรวจให้สอดคล้องสถานการณ์ โดยเฉพาะผู้ดื่มแล้วขับและขับรถเร็วในกลุ่มผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์เป็นพิเศษ รวมทั้งการตรวจสอบสภาพอากาศกับกรมอุตุนิยมวิทยา พบว่าประเทศไทยตอนบนอาจมีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้นได้บางพื้นที่ ซึ่งสภาพถนนเปียกลื่นและทัศนวิสัยในการขับขี่ไม่ดีอาจเพิ่มความเสี่ยงอุบัติเหตุ จึงขอฝากเตือนประชาชนเพิ่มความระมัดระวังในการเดินทาง และสวมใส่อุปกรณ์นิรภัยทุกครั้งที่ขับขี่”

ด้านนายวิตถวัลย์ สุนทรขจิต อธิบดีกรมคุมประพฤติ ระบุว่า สถิติคดีที่ศาลสั่งคุมความประพฤติวันที่ 3 ของ 7  วันอันตราย (13 เม.ย.65) มีคดีทั้งสิ้น 1,225 คดี  เป็นคดีขับรถขณะเมาสุรา 1,083 คดี ศาล

สั่งติด EM 7 ราย คดีขับรถประมาท 5 คดี คดีขับเสพ  137 คดี โดย จ.สุรินทร์ยังคงครองคดีเมาขับอันดับหนึ่ง  190 คดี รองลงมา กทม. 131 คดี และอุบลราชธานี  123 คดี ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบสถิติคดีในวันที่ 3 ของ 7  วันอันตรายปี 2564 พบว่า คดีขับรถขณะเมาสุรา  1,398 คดี และปี 2565 จำนวน 1,083 คดี ลดลง  315 คดี หรือ 22.53%

ในส่วนการติดอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ติดตามตัว หรือกำไล EM กับผู้กระทำผิดเมาแล้วขับมีตัวเลขสะสม 3  วันอยู่ที่ 9 ราย โดยมีเงื่อนไขห้ามออกจากที่พักอาศัยในช่วงเวลาตั้งแต่ 19.00-05.00 น. เป็นระยะเวลา 7  วัน ทั้งนี้ สำนักงานคุมประพฤติทั่วประเทศเฝ้าติดตามและควบคุมดูแลผู้กระทำผิดตลอด 24 ชั่วโมง ผ่านศูนย์ควบคุมอิเล็กทรอนิกส์ติดตามตัว พร้อมประสานเครือข่ายภาคประชาชน อาสาสมัครคุมประพฤติ เตรียมพร้อมลงพื้นที่หากมีการผิดเงื่อนไขคุมความประพฤติ

สำหรับยอดสะสม 3 วันของ 7 วันอันตราย  (11-13 เม.ย.65) 2,807 คดี จำแนกเป็นคดีขับรถขณะเมาสุรา 2,334 คดี คิดเป็น 83.15% คดีขับเสพ​ 455 คดี คิดเป็น 16.21% และคดีขับรถประมาท 18 คดี คิดเป็น  0.64%.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

‘จุรินทร์’ เผย8ปัจจัย การเมืองปี68เดือด!

"จุรินทร์" เปิด 8 ปัจจัยการเมืองปี 2568 จับตามีคดีความที่มีผู้ร้องไปยื่นร้องนายกฯ และผู้เกี่ยวข้องไว้ที่ศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระต่างๆ ซึ่งปัจจุบันมีเรื่องที่ค้างอยู่อย่างน้อย

‘จ่าเอ็ม’ ผวาขออารักขา

กัมพูชาส่งตัว "จ่าเอ็ม" ให้ไทยแล้ว นำตัวเข้ากรุงสอบเครียดที่ สน.ชนะสงคราม แจ้งข้อหาฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน เจ้าตัวร้องขอเจ้าหน้าที่คุ้มครองเป็นพิเศษ

เป็นแม่ที่ดีหรือยัง! ‘อิ๊งค์’ เปิดอกวันเด็กสมัยก่อนไม่มีไอแพดโวยถูกบูลลี่

"นายกฯ อิ๊งค์" เปิดงานวันเด็กคึกคัก! เด็กขอถ่ายรูปแน่น พี่อิ๊งค์ล้อมวงเปิดอกตอบคำถามเด็กๆ มีพ่อเป็นต้นแบบ เผยวัยเด็กไม่มีไอแพด โทรศัพท์ ไลน์ พี่มีลูกสองคน

‘บิ๊กอ้วน’ เอาใจทอ. เคาะซื้อ ‘กริพเพน’

ปิดจ๊อบภายในปีนี้! "บิ๊กอ้วน" ไฟเขียว ทอ.เลือก "กริพเพน" มั่นใจคนใช้เป็นคนเลือก รออนุมัติแบบหลังทีมเจรจาออฟเซตกับสวีเดนจบ แจงทูตสหรัฐแล้ว ไทยยันไม่มีนโยบายกู้เงินซื้ออาวุธตามข้อเสนอขายเอฟ