จี้ฟันส.ส.ฮุบที่รัฐ บรรทัดฐานเดียว

“ศรีสุวรรณ” ไล่บี้ ป.ป.ช.เร่งสอบสวนวินิจฉัย  18 ส.ส.ถือครองที่ดิน ส.ป.ก.-ภ.บ.ท.5 เพื่อเป็นบรรทัดฐานเหมือนกัน "ปารีณา" ยกคำพิพากษาชี้ชัด ถือครองที่ดินรัฐผิดจริยธรรมร้ายแรงทั้งหมด จี้ ป.ป.ช.เร่งรัดกับทุกคน "นิกร" ยันไม่มีผล "ระวี" ยื่นศาล รธน.ค้านบัตร 2 ใบ กมธ.เร่งปิดจ๊อบให้ทันก่อนเปิดประชุมสภา "ครอบครัวเพื่อไทย" เปิดอีเวนต์เข้าถึงตัว เข้าถึงใจ นำร่องโคราช 12 เม.ย. ก่อนเดินสายตลอด เม.ย.ยัน พ.ค.รับฟังความเห็น ปชช.

ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) วันที่ 11 เมษายน นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย มายื่นหนังสือถึงคณะกรรมการ ป.ป.ช. เพื่อขอให้เร่งรัดการไต่สวนสอบสวนและวินิจฉัย 18 ส.ส.ที่ยึดถือครอบครองที่ดินของรัฐในรูป ส.ป.ก.และ ภ.บ.ท.5 โดยเฉพาะที่ดิน ส.ป.ก.ซึ่งศาลฎีกาได้วางบรรทัดฐานไว้แล้ว กรณีการถือครองที่ดิน ส.ป.ก.ของ  น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ อดีต ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เป็นเหตุให้ต้องตัดสิทธิทางการเมืองตลอดชีวิต

"ทั้งนี้เพื่อไม่ให้เกิดการลักลั่นหรือเลือกปฏิบัติ เพราะยังมี ส.ส.หลายรายที่สมาคมได้ร้องเรียนไปยัง ป.ป.ช.  ซึ่งระยะเวลาไล่เลี่ยกับการร้องเรียนกรณีของ น.ส.ปารีณา  คือครั้งแรกวันที่ 20 พ.ย.62 จำนวน 3 ราย (มี น.ส.ปารีณาด้วย) ครั้งที่ 2 วันที่ 27 พ.ย.62 จำนวน 3  ราย ครั้งที่ 3 วันที่ 4 ธ.ค.62 จำนวน 13 ราย รวม  19 ราย โดยเป็น ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ 5 ราย พรรคเพื่อไทย 4 ราย พรรคภูมิใจไทย 5 ราย พรรคประชาธิปัตย์ 2 ราย พรรคก้าวไกล 2 ราย พรรครวมพลังประชาชาติไทย 1 ราย ซึ่งถือครองที่ดิน ส.ป.ก.จำนวน 6 ราย ถือครองที่ดิน ภ.บ.ท.5 จำนวน 12 ราย แต่เหตุใดกรณีของ  น.ส.ปารีณา ป.ป.ช.จึงวินิจฉัยส่งให้อัยการฟ้องต่อศาลฎีกาได้เร็วกว่า ส.ส.รายอื่น ทั้งที่สมาคมร้องเรียนไปในระยะเวลาที่ใกล้เคียงกัน"

นายศรีสุวรรณกล่าวว่า ดังนั้นเมื่อศาลฎีกามีคำพิพากษาในคดีหมายเลขแดงที่ คมจ.1/2565 ระหว่าง คณะกรรมการ ป.ป.ช. ผู้ร้อง น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ผู้คัดค้าน เรื่องการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรงแล้ว ถือว่าเป็นบรรทัดฐานสำคัญที่ชี้ให้เห็นว่า การที่ ส.ส.ซึ่งเป็นผู้ที่มีรายได้สูง ไม่ได้เป็นคนยากจน ไปถือครองที่ดิน ส.ป.ก. ย่อมเป็นการปิดโอกาสของเกษตรกรรายอื่น ทำให้ไม่สามารถนำที่ดินไปจัดสรรให้แก่ผู้ยากไร้และไม่มีที่ดินทำกินได้ ย่อมเป็นเรื่องที่ ส.ส.ซึ่งควรเป็นแบบอย่างที่ดีแก่ประชาชนทั่วไปไม่พึงปฏิบัติ การกระทำของ ส.ส.ที่ถือครองที่ดิน ส.ป.ก.จึงเป็นการก่อให้เกิดความเสื่อมเสียต่อเกียรติศักดิ์ในการดำรงตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ตามมาตรฐานทางจริยธรรมฯ 2561 ข้อ 3 ข้อ 17 ประกอบข้อ 27  วรรคสอง ส่วน ส.ส.ที่ถือครองที่ดิน ภ.บ.ท.5 แม้  ป.ป.ช.ยังไม่ได้ชี้มูลความผิดเป็นบรรทัดฐาน แต่เมื่อเทียบเคียงกับแนวคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 676/2519 ก็อาจทำให้ ป.ป.ช.วินิจฉัยได้ง่ายขึ้นเพราะ “ผู้ที่มีชื่อในใบเสร็จเสียเงินบำรุงท้องที่เป็นเพียงหลักฐานแสดงว่าผู้นั้นเป็นผู้เสียภาษีเท่านั้น ไม่ใช่หลักฐานแสดงว่าผู้นั้นมีสิทธิ์ครอบครอง"

 “ด้วยเหตุดังกล่าว สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทยจึงมายื่นคำร้องเพื่อขอให้คณะกรรมการ ป.ป.ช.ได้เร่งรัดการไต่สวนสอบสวนและวินิจฉัย ส.ส.อีก 18 รายที่เหลือที่ถือครองที่ดิน ส.ป.ก.และ ภ.บ.ท.5 เพื่อให้เป็นบรรทัดฐานเหมือนกัน โดยไม่มีการเลือกปฏิบัติต่อไป" นายศรีสุวรรณกล่าว

ด้าน น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า "เมื่อคณะกรรมการ ป.ป.ช.บอกว่าต้องดูว่าที่ดินได้มาถูกต้องหรือไม่ และแต่ละเคสมีความแตกต่างกันนั้น แน่นอนว่าทุกเคสมีความแตกต่างกัน แต่คำพิพากษาชัดเจนว่า มิได้สนใจว่าได้ที่ดินมาได้อย่างไร แต่สำคัญว่านักการเมืองไม่สามารถครอบครอง ยึดถือ หรือทำประโยชน์ในที่ดินรัฐได้ ผิดจริยธรรมร้ายแรง และต่อให้ส่งมอบที่ดินคืนให้กับรัฐแล้วก็ยังคงผิดจริยธรรม เนื่องจากจะต้องคืนทันที ที่ได้รับมอบ หรือง่ายๆ ว่าไม่ว่าจะคุณจะได้โดยมรดก ไปซื้อมา หรือก่อนเคยเป็นเกษตรกร แต่หากคุณเป็นนักการเมืองแล้ว คุณจะต้องคืนที่ดินทันทีให้กับรัฐ เพราะคุณขาดคุณสมบัติในการยึดถือ ครอบครอง ทำประโยชน์แล้ว ผิดจริยธรรมร้ายแรง

ส่วนความล่าช้าในการดำเนินคดีนั้น ช้าจริง เพราะตอนนี้ ป.ป.ช.ได้ใช้เวลาประมาณ 1 ปีแล้ว ซึ่งปกติ  ป.ป.ช. จะใช้เวลาประมาณ 180 วันในการพิจารณา จึงขอให้ ป.ป.ช.ได้โปรดดำเนินการเร่งรัด และดำเนินคดีกับทุกคนโดยไม่มีการเลือกปฏิบัติ" น.ส.ปารีณาระบุ

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 10 เม.ย.ที่ผ่านมา นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการ ป.ป.ช.ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าการตรวจสอบการครอบครองที่ดินของ ส.ส. ที่ก่อนหน้านี้มีการร้องเรียนมายัง ป.ป.ช.เพื่อให้เอาผิดข้อหาฝ่าฝืนจริยธรรมร้ายแรง ลักษณะเดียวกับนางสาวปารีณาว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อเท็จจริง เนื่องจากมีการร้องเรียนเข้ามาอยู่หลายรายพอสมควร โดยนอกจากที่นายศรีสุวรรณเคยมายื่นเอาไว้ 19 รายชื่อแล้ว ยังมีคนอื่นมายื่นอีก และมีที่ ป.ป.ช.ตรวจพบจากการยื่นแสดงรายการบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน 50-60 ราย แต่ไม่ได้หมายความว่าทั้ง 50-60 รายจะมีมูลเหมือนกับของนางสาวปารีณาทั้งหมด ต้องพิจารณาเป็นรายๆ ไป

นายนิกร จำนง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) ในฐานะเลขานุการคณะกรรมาธิการ  (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. (ฉบับที่..) พ.ศ. ... กล่าวถึงกรณีที่ นพ.ระวี มาศฉมาดล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังธรรมใหม่ ยื่นศาลรัฐธรรมนูญเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้มีบัตรเลือกตั้ง 2 ใบว่า ขอชื่นชมการต่อสู้ตามความเชื่อของ นพ.ระวี แต่ไม่มีผลให้การทำงานของ กมธ.พิจารณาร่าง พ.ร.ป.ที่เสนอให้แก้ไขร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. และร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง ซึ่งต้องแก้ไขให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญ แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 1) พ.ศ.2564  ต้องชะลอหรือยุติการทำงาน เนื่องจากการทำงานของ กมธ.ต้องปฏิบัติตาม รธน.และข้อบังคับ ที่กำหนดให้รัฐสภาต้องทำร่าง พ.ร.ป.ให้แล้วเสร็จภายใน 180 วัน ทั้งนี้ กมธ.เตรียมเร่งรัดการทำงานวันที่ 20-21 เม.ย. จะประชุมเต็มวัน โดยมีวาระพิจารณาสำคัญทั้งเรื่องไพรมารีโหวต และการคำนวณ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ กำหนดกรอบว่าต้องทำงานให้แล้วเสร็จก่อนเปิดสมัยประชุมสภาช่วงปลายเดือน พ.ค.

นายนิกรเปิดเผยด้วยว่า พรรคชาติไทยพัฒนาเตรียมจัดการประชุมใหญ่สามัญประจำปีในวันที่ 24 เม.ย. ที่โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ กรุงเทพฯ โดยมีวาระสำคัญคือ  น.ส.กัญจนา ศิลปอาชา หัวหน้าพรรค เตรียมเปิดใจและพูดถึงทิศทางการเมืองของพรรคต่อการเลือกตั้งทั่วไปที่จะเกิดขึ้นเร็วๆ นี้ 

ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน  หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยคือบ้านหลังใหญ่ที่มีหัวใจไม่เปลี่ยนแปลง จากพรรคไทยรักไทยสู่พรรคพลังประชาชนและพรรคเพื่อไทย ในวันนี้ที่ประชาชนต้องทุกข์ยากอย่างแสนสาหัสจากความบกพร่องผิดพลาดและไร้ศักยภาพของรัฐบาลนี้ พรรคเพื่อไทยพร้อมที่จะยืนเคียงข้างประชาชน เป็นบ้านหลังใหญ่ดูแลชีวิตความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชนให้กลับมาอยู่ดีกินดีอีกครั้งหนึ่ง พรรคเพื่อไทยมุ่งมั่นที่จะสร้างความเปลี่ยนแปลงเพื่อคืนประชาธิปไตย คืนความหวัง ความฝัน โอกาส และคืนอนาคตให้ประชาชน จึงได้กำหนดให้ตัวแทนของพรรคทั่วประเทศลงพื้นที่รับฟังปัญหาความเดือดร้อนและความคิดความเห็นของประชาชน ภายใต้กิจกรรมครอบครัวเพื่อไทย  บ้านหลังใหญ่หัวใจเดิม เพื่อเป็นการระดมพลังความร่วมมือในการนำไปสู่การสร้างความเปลี่ยนแปลง คืนชีวิตที่ดีกว่าและอนาคตของประชาชน

"จะเป็นการลงพื้นที่ทั่วประเทศตลอดเดือนเมษายนและพฤษภาคม ภายใต้คอนเซปต์ 'เข้าถึงตัว เข้าถึงใจ  ห่วงใยกัน' เริ่มจาก จ.นครราชสีมา ในวันที่ 12 เม.ย. เป็นแห่งแรก จากนั้นก็จะเดินสายจังหวัดในพื้นที่ภาคกลางพร้อมกันกับตัวแทนของพรรคในจังหวัดต่างๆ ก็จะจัดกิจกรรมครอบครัวเพื่อไทยคู่ขนาน เปิดรับฟังปัญหา ความเดือดร้อน สะท้อนความคิดความเห็น และเปิดรับสมัครสมาชิกครอบครัวเพื่อไทยไปพร้อมกันด้วย จึงขอเชิญชวนทุกท่านร่วมเป็นสมาชิกครอบครัวเพื่อไทย มีส่วนร่วมในบ้านหลังใหญ่ในการสร้างความเปลี่ยนแปลง คืนประชาธิปไตย คืนความหวัง ความฝัน คืนชีวิตและอนาคตที่ดีกว่าให้ประชาชนด้วยกัน” นพ.ชลน่านกล่าว

นายประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส.นครราชสีมา ในฐานะเลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การลงพื้นที่ครอบครัวเพื่อไทยในครั้งนี้จะดำเนินการพร้อมกันในพื้นที่ต่างๆ  ทั่วประเทศ โดยแกนนำพรรค, ส.ส., สมาชิกพรรคเพื่อไทย และสมาชิกครอบครัวเพื่อไทยจะลงพื้นที่พบปะประชาชน รับฟังปัญหาพร้อมระดมความคิดเห็นในการเสนอแนะแนวทางแก้ไข พร้อมเยี่ยมเยียนให้กำลังใจและเปิดรับสมัครสมาชิกครอบครัวเพื่อไทย เพื่อให้ประชาชนได้เป็นส่วนหนึ่งในการสร้างความเปลี่ยนแปลง กำหนดอนาคตและชีวิตที่ดีกว่าของตัวเอง.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง