แจ็กระวีฟุ้งฆ่ายักษ์‘บัตร2ใบ’

“บิ๊กตู่” ปัดฮั้วฝ่ายค้านลากซักฟอกไป ส.ค. บอกพร้อมชี้แจงทุกวัน ลั่นวันนี้ยังเป็นนายกฯ ของ พปชร. เชื่อ หลังสงกรานต์ทุกอย่างดีขึ้น “หมอระวี” สวมบทแจ็กผู้ฆ่ายักษ์ ยื่นศาลรัฐธรรมนูญตีความ รธน.อีกเฮือก หวังล้มบัตร 2 ใบ มั่นใจสำเร็จแน่ 

เมื่อวันที่ 8 เม.ย. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงกรณีพรรคฝ่ายค้านเลื่อนการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจไปปลายเดือน ส.ค. ว่า “เหรอ ผมยังไม่ทราบ”

ผู้สื่อข่าวถามว่า การเลื่อนเวลาออกไปแบบนี้จะทำให้รัฐบาลสามารถหายใจได้ทั่วท้อง และมีเวลาเตรียมตัวมากขึ้นใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ตอบว่า “ผมหายใจได้ทุกวัน และเตรียมตัวทุกวันอยู่แล้ว ผมทำงานมาทุกวัน ผมก็ชี้แจงข้อเท็จจริงไปว่าได้ทำอะไรแค่นั้น คือจะเมื่อไหร่ก็เมื่อนั้น ผมไม่ได้อะไรทั้งสิ้น”

เมื่อถามว่า มีการมองว่าไทม์ไลน์ดังกล่าวเหมือนมีการพูดคุยระหว่างรัฐบาลกับฝ่ายค้าน เพราะเป็นการอภิปรายหลังกฎหมายลูกเสร็จและผ่านร่าง พ.ร.บ.งบประมาณประจำปี 66 วาระแรก พล.อ.ประยุทธ์บอกว่า เหรอ ไม่รู้สิ ตนไม่ได้ไปคุย ฉะนั้นเรื่องที่ว่ากฎหมายอะไรต่างๆ จะออก หรือแม้กระทั่งการยุบสภาตนก็เห็นมีคนพูดแทนหมด ตนยังไม่ได้พูดอะไรสักคำ ก็แล้วแต่

เมื่อถามอีกว่า ระหว่างที่รัฐบาลบริหารประเทศแก้เศรษฐกิจ ได้มีการประเมินสถานการณ์ทางการเมืองหลังสงกรานต์จะเป็นอย่างไร พล.อ.ประยุทธ์ระบุว่า ทางการเมืองก็เป็นการเมืองแบบนี้แหละ เดี๋ยวมันคงดีขึ้น เข้าใจหรือไม่ ทุกอย่างอยู่กับประชาชนทั้งหมด การเมืองคือการเมืองที่มาจากประชาชน ถ้าประชาชนเข้าใจต้องคุยกัน เพราะประชาชนเป็นคนเลือกผู้แทนเข้ามา และจากผู้แทนเข้ามาเป็นคณะรัฐมนตรี (ครม.) ขึ้นอยู่กับทุกคนจะทำความเข้าใจซึ่งกันและกัน เท่าที่คุยกันอยู่ใน ครม.ไม่เห็นมีปัญหาอะไร

เมื่อถามถึงกรณีพรรครวมไทยสร้างชาติถูกโยงกับนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ซึ่งลาออกจากสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ที่มีข่าวจะเป็นหัวหน้าพรรค นายกฯ ตอบว่า ก็เรื่องของท่าน มันเรื่องอะไรของตน เมื่อถามย้ำว่ามีการมองกันว่าพรรครวมไทยสร้างชาติจะเสนอนายพีระพันธุ์เป็นหัวหน้าพรรค และเสนอชื่อ พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯ นายกฯ ย้อนถามว่าใครมองล่ะ และเขาเสนอได้กี่พรรค พรรคเดียวใช่ไหม วันนี้ตนยังอยู่พรรคไหน ผู้สื่อข่าวตอบว่า พรรคพลังประชารัฐ พล.อ.ประยุทธ์จึงกล่าวตอบว่า “เออ ปัดโธ่ ถามเองก็ตอบเองสิ”

ซักว่ามีข่าวว่า พปชร.อาจจะเสนอบุคคลเป็นนายกฯ มากกว่าหนึ่งชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ตอบว่า “หัวหน้าพรรคเขาบอกว่าเสนอคนเดียวนี่นา” ต่อข้อถามว่ายังอนุญาตให้ พปชร.เสนอชื่อเป็นนายกฯ อยู่ใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า เป็นเรื่องของพรรคการเมือง

นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจเเละสังคม ในฐานะรองหัวหน้าพรรค พปชร. ชี้แจงกรณีมีป้ายอวยพรเทศกาลสงกรานต์ของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรค พปชร. ติดตั้งในหลายพื้นที่ว่า พล.อ.ประวิตรมีความเป็นห่วง และคิดถึงประชาชน รวมทั้งอยากจะสวัสดีปีใหม่ในโอกาสเทศกาลสงกรานต์ที่เป็นช่วงปีใหม่ตามธรรมเนียมไทย ให้คนไทยทุกคนให้มีความสุข สุขภาพดี อยู่ดีกินดี

“แต่อาจจะไม่สามารถลงพื้นที่ไปอวยพรด้วยตัวเองได้อย่างทั่วถึง จึงใช้ป้ายประชาสัมพันธ์สื่อคำอวยพรด้วยความปรารถนาดีไปถึงประชาชนเท่านั้น ไม่มีนัยเเอบเเฝงเเต่อย่างใด” นายชัยวุฒิระบุ

รายงานข่าวจากพรรคภูมิใจไทย (ภท.) แจ้งว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรค ภท. ได้สั่งให้มีการรีโนเวทตึกที่ทำการพรรค ภท.ใหม่ หลังจากใช้งานในการทำกิจกรรมพรรคมาแล้ว 13 ปี   ซึ่งจะเริ่มปรับปรุงตึกตั้งแต่ช่วงเทศกาลสงกรานต์เป็นต้นไป และจะใช้เวลาเพียง 6 เดือน จะได้เห็นโฉมหน้าที่ทำการพรรค ภท.ในรูปแบบใหม่ ในวัยทีนเอจ ที่ก้าวเข้าสู่ปีที่ 14 เพื่อรองรับศึกเลือกตั้งปี 66 และจำนวน ส.ส.ที่จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ด้วย

ที่ อ.เมืองอำนาจเจริญ นายคฑาเทพ เตชะเดชเรืองกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคเพื่อชาติไทย กล่าวภายหลังการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคว่า มีผู้ใหญ่ที่เคารพนับถือ ได้วิเคราะห์การเมืองว่า ถ้ามีพรรคการเมือง 2  พรรค คือ เพื่อไทยและก้าวไกล ถูกยุบทั้ง 2 พรรค คาดว่าบรรดา ส.ส. 2 พรรคจะต้องสมัครเข้าเป็นสมาชิกพรรคเพื่อชาติไทย เพราะเป็นตระกูลเพื่อด้วยกัน รวมถึงประชาชนซึ่งเป็นฐานเสียง ฐานคะแนน จะเทมาสนับสนุนพรรคเพื่อชาติไทย กลายเป็นแลนด์สไลด์ในการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้น ทำให้พรรคเพื่อชาติไทยได้รับการเลือกตั้ง มี ส.ส.เพิ่มขึ้น

“โดยตั้งเป้าไว้ที่ 57 ที่นั่ง เป็นพรรคขนาดกลาง จะเป็นตัวแปรในการจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งพรรคเพื่อชาติไทย ยังคงทำงานร่วมกับพรรคพลังประชารัฐเหนียวแน่นเหมือนเดิม” หัวหน้าพรรคเพื่อชาติไทย กล่าว

วันเดียวกัน ที่สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ นพ.ระวี มาศฉมาดล ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคพลังธรรมใหม่ พร้อมด้วยสมาชิกพรรค เดินทางมายื่นศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อให้พิจารณาเกี่ยวกับบัตรเลือกตั้ง 2 ใบ ขัดรัฐธรรมนูญ โดย นพ.ระวี เปิดเผยว่า มายื่นหนังสือคำร้องเพื่อขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่ารัฐธรรมนูญ 2 ใบ ละเมิดเจตนารมณ์รัฐธรรมนูญปี 60 ทั้ง 3 ประการสำคัญ และรัฐธรรมนูญฉบับ 2 ใบขัดหรือแย้งรัฐธรรมนูญ กับรัฐธรรมนูญหลายมาตราของรัฐธรรมนูญปี 60 โดยครั้งนี้ยื่นเพื่อให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยครั้งสุดท้ายว่ารัฐธรรมนูญทั้ง 2 ใบน่าจะเป็นโมฆะ และไม่มีผลบังคับใช้

นพ.ระวีกล่าวว่า สำหรับเอกสารที่นำมายื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณา ประกอบด้วยคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ จำนวน 9 ชุด รวมต้นฉบับอีก 1 ชุด รวมเป็น 10 ชุด และเอกสารที่ยื่นให้กับผู้ตรวจการแผ่นดินเมื่อวันที่ 14 ก.พ. และเอกสารที่ผู้ตรวจการแผ่นดินวินิจฉัย ก่อนจะส่งกลับมาให้เมื่อวันที่ 31 มี.ค. รวมทั้งร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยพรรคการเมือง และพ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. ที่จะเป็นหลักฐานบ่งชี้ว่าในร่างกฎหมายลูกที่แก้ เป็นไปในทิศทางของพรรคร่วมรัฐบาล หรือพรรคฝ่ายค้านเสนอ ล้วนแล้วแต่เป็นหลักการที่ทำให้เจตนารมณ์ทั้ง 3 ข้อของรัฐธรรมนูญปี 60 ถูกละเมิดไป ส่วนหนังสือที่แสดงเจตนารมณ์รัฐธรรมนูญ 60 ตนได้ถ่ายเอกสารเฉพาะจุดที่เกี่ยวข้องไว้แล้ว และหลักฐานทุกชิ้นตนได้เซ็นชื่อกำกับไว้ทุกใบ

หัวหน้าพรรคพลังธรรมใหม่ระบุว่า ขั้นตอนหลังจากยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญแล้วนั้น เบื้องต้นจะต้องรอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาว่าจะรับวินิจฉัยหรือไม่ ซึ่งจะรับหรือไม่รับขึ้นอยู่กับว่าเราจะใช้มาตรา 27 วรรค 1 ของรัฐธรรมนูญปี 60 กับมาตรา 213 ที่ระบุว่า กลุ่ม ส.ส.พรรคเล็กถูกละเมิดสิทธิเสรีภาพจากรัฐธรรมนูญ 2 ใบ หากศาลเห็นชอบกับคำร้องดังกล่าว และมองว่าฝ่ายพรรคเล็กเป็นผู้เสียหายและเป็นผู้ถูกละเมิดจริงศาลก็จะรับวินิจฉัย แต่หากศาลวินิจฉัยว่าไม่ใช่ ตนและบรรดาพรรคเล็กก็จะจบเรื่องดังกล่าวทันที

"ผมมั่นใจสูงว่าปฏิบัติการแจ็กผู้ฆ่ายักษ์จะประสบความสำเร็จ เพราะได้มีการพูดคุย ปรึกษากับผู้ที่มีความรู้ทางด้านกฎหมายระดับประเทศมาหลายท่านได้แนะนำในการร่างคำร้อง ซึ่งมีเหตุผล มีน้ำหนักระดับหนึ่ง รัฐธรรมนูญฉบับ 2 ใบ ขัดและแย้งต่อเจตนารมณ์หลัก 3 ประการของรัฐธรรมนูญ 2560 คือ เจตนารมณ์ ส.ส.พึงมี คะแนนเสียงไม่ตกน้ำ และระบบจัดสรรปันส่วนผสม และขัดและแย้งต่อรัฐธรรมนูญ 2560 หลายมาตรา" นพ.ระวีกล่าว

หัวหน้าพรรคพลังธรรมใหม่ชี้แจงเพิ่มเติมว่า กระบวนการที่ยื่นต่อผู้ตรวจแผ่นดินนั้นจบแล้ว เนื่องจากผู้ตรวจได้มีหนังสือถึงเราโดยมีความเห็นว่า รัฐธรรมนูญปี 60 ไม่ได้ละเมิดสิทธิเสรีภาพของเรา แตกต่างจากที่ นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม หัวหน้าพรรคไทยภักดี ได้ยื่นเรื่องดังกล่าวก่อนหน้านี้ ซึ่งทางผู้ตรวจฯ ได้ระบุว่าไม่ใช่ผู้ที่ได้รับผลกระทบโดยตรง โดยมีแนวโน้มว่าเราเป็นผู้ที่ได้รับผลกระทบโดยตรงจริง อย่างไรก็ตาม ถ้าศาลรัฐธรรมนูญไม่รับวินิจฉัย หรือรับคำวินิจฉัยแล้วยกคำร้องของเรา จะถือว่าจบกัน เว้นแต่มีช่องทางในการตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญใหม่ ซึ่งอาจจะเป็นสมัยประชุม ส.ส.สมัยหน้า

ขณะที่นายอนันต์ ผลอำนวย ส.ส.กำแพงเพชร พรรค พปชร. ในฐานะรองประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. (ฉบับที่...) พ.ศ.... รัฐสภา ให้สัมภาษณ์ถึงผลการลงมติของ กมธ. ที่ไม่เห็นด้วยต่อการเสนอแก้ไขร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง (ฉบับที่..) พ.ศ.... มาตรา 9 ว่าด้วยการแก้ไขคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของผู้ร่วมจัดตั้งพรรคการเมืองว่า รู้สึกที่คณะ กมธ.มีมติเสียงข้างมากไม่เห็นด้วยกับร่างที่ตนเป็นผู้เสนอ ในเมื่อรัฐสภาลงมติรับหลักการมาเช่นกัน ตนและ ส.ส.ที่สนับสนุนจะสงวนความเห็นไว้ ยืนยันว่าประเด็นที่เสนอแก้ไข เพื่อเปิดโอกาสให้ประชาชนมีส่วนร่วมจัดตั้งพรรคได้มากและกว้างขึ้น ซึ่งเป็นการเสนอด้วยความบริสุทธิ์ใจ ไม่มีส่วนได้ส่วนเสียต่อประเด็นที่มีคนวิจารณ์ว่าจะเปิดช่องให้ฝ่ายการเมืองที่ถูกตัดสิทธิ์การเมืองมีส่วนร่วมตั้งพรรค

“ยอมรับว่าในหลักการที่แก้ไขให้คนที่ถูกศาลจำคุก แต่ให้รอลงอาญาร่วมจัดตั้งได้ เพราะมองว่าไม่ใช่คนชั่วร้ายทำผิดร้ายแรง จึงควรให้โอกาส ทั้งนี้ เสียงคัดค้านประเด็นนี้มาจาก กมธ.ซีก ส.ว. 100% เพราะ ส.ว.ต้องการบทบัญญัติตามฉบับปัจจุบัน ซึ่งผมไม่เข้าใจว่าจะกังวลประเด็นอะไร” นายอนันต์ระบุ

เมื่อถามว่า การยกเลิกคุณสมบัติของผู้ก่อตั้งพรรคตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 98 อาจถูกมองว่าเปิดช่องให้คนโกงเข้าสู่การเมือง รองประธาน กมธ. อธิบายว่า มาตรา 98 ที่กำหนดเป็นคุณสมบัติของผู้ลงสมัคร ส.ส.และรัฐมนตรีที่เขียนไว้แบบครอบจักรวาล ขณะที่การพิจารณาแต่งตั้งข้าราชการการเมือง เช่น ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ผู้ช่วยรัฐมนตรี กฎหมายว่าด้วยการคัดเลือก มีความเข้มข้นน้อยกว่ามาตราดังกล่าว รวมถึงการจัดตั้งพรรคการเมือง ข้าราชการการเมืองใครก็เข้ามาได้ง่ายกว่า ทั้งที่ตำแหน่งเหล่านั้นทำอะไรได้มาก.