เคาะบัตรเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.-ส.ก.สีต่างกัน เวทีเสวนานโยบายผู้ว่าฯ กทม.ด้านสังคมหนุนกระจายงบฯกลางผู้ว่าฯ กว่า 1.4 ล้านให้เขต ลงพัฒนาชุมชน ขณะที่ "วิโรจน์” ชูเมืองหลวงรัฐสวัสดิการดูแลผู้สูงอายุ “เอ้” งัดนโยบายอินเทอร์เน็ตฟรี ชูญี่ปุ่นโมเดล พร้อมเปิดป้ายหาเสียง 3 มิติ
เมื่อวันที่ 6 เม.ย.65 นายสำราญ ตันพานิช ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำกรุงเทพมหานคร (กกต.กทม.) กล่าวถึงข้อซักถามของผู้สมัครสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (ส.ก.) และผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (ผู้ว่าฯ กทม.) เกี่ยวกับสีของบัตรเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.และ ส.ก. ว่า ยืนยันว่าสีของบัตรเลือกตั้งทั้งสองแบบจะแตกต่างกันแน่นอน โดยเบื้องต้นถ้าผู้สมัครเขตเลือกตั้งใดมีผู้สมัครไม่ถึง 10 หมายเลข ขนาดของบัตรเลือกตั้งจะเท่ากับกระดาษขนาด A5 ถ้ามากกว่านี้จะเป็นกระดาษขนาด A4 ทั้งนี้ จากการตรวจสอบจำนวนผู้สมัคร ส.ก.ในแต่ละเขตเข้าใจว่าจะใช้บัตรเลือกตั้งเป็นกระดาษขนาด A5 ส่วนผู้ว่าฯ กทม.ซึ่งมีจำนวนผู้สมัครรับเลือกตั้งในครั้งนี้ มากถึง 31 หมายเลข ดังนั้นบัตรเลือกตั้งจะเป็นกระดาษขนาด A4
นายสำราญกล่าวว่า ส่วนสีของบัตรเลือกตั้ง เมื่อทาง กกต.กลางประกาศกำหนดแล้ว สามารถเผยแพร่ให้ผู้สมัครรับทราบได้ แต่รายละเอียดของบัตรจะไม่สามารถเผยแพร่หรือเปิดเผยต่อสาธารณะเพื่อความสุจริตและเที่ยงธรรม ขณะเดียวกันทาง กกต.กทม.จะต้องกำหนดตราหรือเครื่องหมายเพื่อประทับลงในบัตรเลือกตั้ง ซึ่งจะกำหนดขึ้นมาเป็นรูปแบบพิเศษเพื่อป้องกันการนำบัตรชนิดอื่นมาใช้แทน อย่างไรก็ตาม คาดว่าในเร็วๆ นี้ ทาง กกต.จะนำเข้าสู่ที่ประชุมเพื่อพิจารณาประกาศสีของบัตรเลือกตั้ง รูปแบบลักษณะ ขนาด และจำนวนบัตรเลือกตั้งที่จะต้องดำเนินการจัดพิมพ์ และขอย้ำว่าการเลือกตั้งท้องถิ่นกฎหมายกำหนดไว้ชัดเจนว่าห้ามบุคคลที่เป็นข้าราชการการเมือง ส.ส. ผู้บริหารท้องถิ่น สมาชิกสภาท้องถิ่น หรือเจ้าหน้าที่อื่นของรัฐ มาช่วยผู้สมัครหาเสียง ดังนั้น อยากให้บุคคลเหล่านี้ระมัดระวังเพื่อป้องกันการทำผิดกฎหมาย
ที่สมาคมผู้บำเพ็ญประโยชน์ จัดเวทีสาธารณะ "เสนอไป เสนอมา...นโยบายสังคม ของผู้ว่าฯ กทม. เสียงผู้หญิง 2.3 ล้าน ชี้ขาด... ใครคือผู้ว่าฯ กทม." โดยนายสกลธี ภัททิยกุล ผู้สมัครผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร หมายเลข 3 กล่าวตอนหนึ่งว่า อุปสรรคสำคัญในการแก้ไขปัญหาสังคม คือการจัดสรรงบประมาณ ย้อนหลังกลับไปช่วง 5-10 ปีที่ผ่านมาสำนักงานพัฒนาสังคมของ กทม.เป็นผู้ดูแลเรื่องสังคม ได้งบประมาณ 200 ล้านบาทต่อปีเท่านั้น ซึ่งไม่ถึงครึ่งเปอร์เซ็นต์จากงบประมาณทั้งหมดที่ กทม.ได้รับ ซึ่งการที่เราดูแลเรื่องสังคมอาจจะไม่ได้เห็นภาพเหมือนเราสร้างตึกสร้างถนน แต่มีผลที่สามารถแปลงเป็นมูลค่าเงินได้ ถ้าตนได้รับเลือกเป็นผู้ว่าฯ กทม. งบประมาณส่วนนี้จะต้องปรับปรุง อีกทั้งบางกิจกรรมสามารถให้ภาคเอกชนทำแทนได้ แต่ติดขัดกฎหมาย งบประมาณ 8 หมื่นล้านบาทดูมากก็จริง แต่ส่วนใหญ่เป็นงบจ้างงาน และไม่สามารถจะเพิ่มค่าจ้างได้
นายสกลธีกล่าวอีกว่า หลายนโยบายของตนจะเอื้อไปทางผู้สูงอายุเป็นหลัก เช่น ศูนย์สาธารณสุขของ กทม. ควรจะปรับให้เป็นสมาร์ทคลินิก โดยใช้ระบบTelemedicine เพื่อทำให้การเดินทางของผู้สูงอายุสะดวกมากยิ่งขึ้น รวมถึงระบบที่จะคอยดูแลผู้สูงอายุติดเตียงที่บ้าน เช่นนาฬิกาที่ติดกับผู้สูงอายุที่จะคอยแจ้งได้ว่าชีพจรปกติตก หรือมีอาการหรือไม่ โดยเจ้าหน้าที่ของ กทม.จะสามารถเข้าหาได้เลย เป็นการช่วยดูแลอย่างใกล้ชิด ไม่ต้องมีคนมาคอยดูแลเสียเวลาทั้งวัน ส่วนการจ้างงานผู้สูงอายุ กทม.สามารถทำเป็นโครงการต่างๆ เพื่อจะเอื้อผู้สูงอายุที่กำลัง สามารถที่จะทำกิจกรรมง่ายๆ ในชุมชน
นายสกลธีกล่าวอีกว่า ส่วนคนพิการตนได้ดำเนินการหลายอย่างเต็มที่ ตาม พ.ร.บ.คุ้มครองคนพิการ หน่วยงานรัฐหรือเอกชน ถ้าไม่อยากส่งเงินเข้ากองทุนต้องจ้างงานคนพิการ 1% ที่ผ่านมาไม่มีหน่วยงานใดที่จ้างเงินถึง 1% สมัยตนเป็นรองผู้ว่าฯ พยายามผลักดันตรงนี้แล้วประสบความสำเร็จ โดยได้ของบจ้างงานคนพิการไปกว่า 300 ตำแหน่ง นอกจากนี้โรงเรียนฝึกอาชีพคนพิการซึ่งเราก็ทำสำเร็จก่อนที่จะลาออกเช่นกัน และสิ่งสำคัญคือเราได้ทำเว็บไซต์หางานให้คนพิการได้สำเร็จเพื่อให้บริษัทต่างๆ รับไว้เข้าทำงาน
ด้าน พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. หมายเลข 6 กล่าวว่า เรื่องผู้สูงอายุเราให้ความสำคัญ ได้ริเริ่มให้มีรถตู้รับ-ส่งผู้สูงอายุ 30 คัน 3 จุด ที่รามคำแหง หนองแขม และพระราม 3 ซึ่งอนาคตจะปรับเป็นรถพลังงานสะอาดส่วนสวัสดิการผู้สูงอายุ นอกจากนี้ มีการส่งยาถึงบ้าน มีระบบพบแพทย์ภายใน 60 นาที ซึ่งทำระบบนี้มาตั้งแต่ 2 ปีที่แล้ว นอกจากนี้เราเพิ่มสวัสดิการการซ่อมแซมบ้านให้กับผู้ที่ประสบภัยต่างๆ ในชุมชน เป็น 3 หมื่นบาท จาก 2 หมื่นบาทต่อหลังคาเรือน ส่วนเรื่องการศึกษาของเด็กที่ผ่านมา กทม.ได้รับเงินวันละ 20 บาทต่อหัว สำหรับค่าอาหารเด็กอนุบาลและเด็กประถม เมื่อตนได้เป็นผู้ว่าฯ กทม. จึงได้เสนอต่อสภา กทม. ขอเพิ่มเป็น 40 บาท ซึ่งจะเป็นแบบนี้ตลอดไป รวมถึงเพิ่มการเรียนหลักสูตร 2 ภาษาให้ทั้งอังกฤษและจีน ทำไปแล้ว 155 แห่ง
ด้านนายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. หมายเลข 1 พรรคก้าวไกลกล่าวว่า ปัญหาใหญ่ของ กทม.คือเราตกอยู่ภายใต้มายาคติบางอย่างที่ไม่เป็นธรรม เช่น ถ้าอยากรวยต้องขยัน แต่ข้อเท็จจริงคือเราเจอคนที่ขยันจนไม่มีเวลาพักผ่อน ขยันยังไงก็ยากจน คนสู้แล้วตายสู้แล้วจนมีเยอะแยะ การปล่อยให้คนจนเมืองต้องดิ้นรนอยู่ภาวะระบบนิเวศที่ไม่เป็นธรรม โอกาสจะงอกเงยมันยากมาก แล้วเมืองนี้ก็หากินกับคนที่สู้แล้วรวยหนึ่งในล้านเอามาโฆษณาเพื่อหลอกให้คนกระโดดลงไปในแม่น้ำ ซึ่งมีคนล้มตายกันหมด ดังนั้นทำไมนโยบายของเราเมืองที่คนเท่ากันจึงเป็นการเพิ่มสวัสดิการ ไม่ว่าจะเป็นสวัสดิการผู้สูงอายุ เราจะเพิ่มจาก 600 เป็น 1,000 บาท หรือเด็กแรกเกิดถึง 6 ปี เราให้เพิ่มเติมจาก 600 เป็น 1,200 บาท
"ถ้าเมืองเมืองนี้ดูแลพ่อแม่เราได้ดีกว่านี้ ผมสามารถวิ่งตามความฝันได้ ผมสามารถทำงานได้ คนที่ทำงานสักวันก็ต้องแก่ ถ้าเรารู้ว่าเมืองเมืองนี้จะดูแลเราในยามแก่ได้ดี ผมวิ่งตามความฝันได้เต็มที่ ซึ่งเป็นจุดเบื้องต้นที่สุดที่จะสร้างเมืองสวัสดิการ ไม่ใช่การสงเคราะห์ และถ้าเราทำได้ มันจะไม่มีผู้ว่าฯ หน้าไหนไปลดสวัสดิการตรงนี้ได้อีก และกดดันให้รัฐบาลทำรัฐสวัสดิการ 3,000 บาทให้กับทุกคน ทุกจังหวัด ถ้าไม่เริ่มที่ กทม.มันไปต่อที่อื่นไม่ได้" นายวิโรจน์กล่าว และว่า เราต้องกระจายงบประมาณรวมศูนย์ และงบกลางผู้ว่าฯ 1.4 หมื่นล้าน เพราะไปที่สำนักงานเขต ถ้ากระจายงบประมาณอย่างถูกต้องเราจะทำโปรเจ็กต์อะไรก็สามารถทำได้ เพราะงบประมาณถูกกระจายลงไปในชุมชนหมดแล้ว ไม่ต้องร้องขอ ถือเป็นกระดุมเม็ดแรกที่เปลี่ยนแปลงสังคม การแก้ไขปัญหาหาบเร่แผงลอยอยู่บนพื้นฐานความไม่ไว้วางใจประชาชน ซึ่งตนไม่ได้หมายความว่าจะขายได้เสรีทั้งหมด แต่ต้องให้ประชาชนคุยกันว่าจะวางกติกากันอย่างไร
ด้านนายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. หมายเลข 4 พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ตนต้องการเปลี่ยน กทม.ให้เป็นเมืองสวัสดิการที่ทันสมัยต้นแบบของอาเซียน นโยบายของตนคือคน กทม.ต้องใช้อินเทอร์เน็ตฟรี เพราะเป็นรากฐานสำคัญของความเท่าเทียม และเป็นจุดเชื่อมโยงของทุกๆ อย่าง วันนี้เด็กเรียนออนไลน์ หรือทำงานที่บ้านเราก็ต้องจ่ายเงิน ที่น่าเห็นใจผู้สูงอายุที่ต้องอยู่ตามลำพัง สิ่งที่กลัวคือเรื่องเหตุฉุกเฉิน เพราะฉะนั้นอินเทอร์เน็ตฟรีทำให้สามารถรายงานเหตุฉุกเฉินได้ทัน ตนอยากให้ กทม.เป็นประหนึ่งโตเกียว ที่เราอยากจะไปเที่ยวกัน ทุกคน ไปโรงพยาบาลของรัฐใกล้บ้านได้ นโยบายของตนชัดเจนว่าต้องการเปลี่ยนชีวิตคน หยุดปัญหาซ้ำซาก
นายสุชัชวีร์กล่าวอีกว่า นโยบายเงินเต็มบ้านงานเต็มเมือง กองทุนการสร้างงาน 2 พันชุมชน ปีละ 6 แสนบาทต่อชุมชน สามารถจ้างงานได้ถึง 5 หมื่นอัตราแล้วงาน ซึ่งผู้สูงอายุในชุมชนได้โอกาสเป็นอันดับแรกในการเข้ามาช่วยดูแลเด็กเล็ก ดูแลผู้สูงอายุด้วยกัน เพราะฉะนั้นกทม.ไม่เฉา ชีวิตเปลี่ยนทำงานแลกได้เงิน ส่วนเรื่องเด็กเล็กขอประกาศนโยบายว่าตั้งใจจะเป็นผู้ว่าฯ ที่อุดหนุน 0-6 ปี อย่างเสมอภาค และถ้วนหน้า นอกจากนี้เรื่องสตรีต้องปลูกฝังตั้งแต่ในโรงเรียนว่าการล่วงละเมิดทางเพศเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้ นอกจากนี้ต้องการตั้งสภาผู้สูงอายุให้ผู้สูงอายุได้มาร่วมบริหารจัดงบประมาณด้วยตัวเองได้ถูกจุด ไม่ลงไปที่เขต เพราะนโยบายที่เขตออกไม่สามารถแก้ไขปัญหาผู้สูงอายุในแต่ละเขตได้ตรงจุด
ที่ทำการพรรคประชาธิปัตย์ นายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. พรรคประชาธิปัตย์ เปิดตัวป้ายหาเสียงแบบใหม่ โดยกล่าวว่า ช่วงหลังจากนี้ตั้งใจจะระดมติดป้ายแบบใหม่นี้ โดยกำชับไม่ให้ขวางทางเดินประชาชน ซึ่งหลายคนก็คงจะเคยเห็นป้ายหลายๆ แบบออกมาแล้ว ย้ำว่าหลักการไม่ให้ขวางทางเดินเท้าและขวางการจราจร ที่ผ่านมาพรรคประชาธิปัตย์ก็ทำป้ายหลายขนาด ซึ่งป้ายเวอร์ชัน 3 ด้านแนวใหม่นี้ถือเป็นครั้งแรก และเก็บไว้จะมาเปิดตัววันเกิดพรรคในวันเดียวกันนี้ อย่างไรก็ตาม ตนได้ให้ติดป้ายจำนวนจำกัด เพราะไม่อยากให้รกเกินไปจนกีดขวางทางเดิน พร้อมย้ำว่าการทำป้ายขนาดดังกล่าวไม่ได้ลอกเลียนใคร เพราะพรรคประชาธิปัตย์เคยทำมาตั้งแต่ปี 2562 สมัยนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และรอเปิดตัววันเกิดพรรค 6 เม.ย.
เมื่อถามถึงกรณีที่ป้ายหาเสียงที่โดนกรีดก่อนหน้านี้ กังวลว่าป้ายใหม่นี้จะถูกกรีดอีกหรือไม่ นายสุชัชวีร์กล่าวว่า ก็กังวลเหมือนกัน เพราะเราทำป้ายแล้วก็ไม่อยากให้รื้อทำใหม่ ขนาดนี่เป็นป้ายไม่รู้ใครทำ แล้วถ้าเกิดกับคน แสดงว่ากรุงเทพฯ ปล่อยไว้ไม่ได้ กรุงเทพฯ ต้องเปลี่ยน เพราะกรุงเทพฯ ไม่ปลอดภัย กล้องกว่า 6 หมื่นตัวเป็นตาฟาง ต้องปรับปรุงเพื่อดูแลประชาชน และไม่ใช่แค่ตน แต่ไม่อยากให้เรื่องนี้เกิดขึ้นกับใครก็ตาม อยากวิงวอนเพราะการเลือกตั้ง เหมือนแข่งขันกีฬา ต้องเป็นไปตามกฎกติกามารยาท ส่วนจะดำเนินการตามมาตรการทางกฎหมายหรือไม่นั้น ก็อยากทำเหมือนกัน แต่จับมือใครดมไม่ได้ ซึ่งต้องปรึกษาทีมกฎหมายของพรรค.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
แฉระบบเด็กฝาก ทำลายองค์กรตร. ดับฝัน‘ดาวฤกษ์’
เช็ก 41 รายชื่อแต่งตั้งนายพลสีกากี ระดับรอง ผบ.ตร.-ผบช.
ยธ.เมินแจงกมธ. ปมนักโทษเทวดา รพ.ตำรวจชั้น14
ชั้น 14 น่าพิศวง "โรม" กวักมือเรียก “ทักษิณ” ไปสภา เข้าแจง กมธ.มั่นคงฯ
แจกเฟส2เอื้อเลือกอบจ. เตือนร้องถอดถอนครม.
นายกฯ โชว์วิชั่น Forbes ยันไทยสงบ สันติ หวังแม้รัฐบาลเปลี่ยน
ฟ้อง9บิ๊กมท.ทุจริตที่เขากระโดง
เรื่องถึงศาล "ณฐพร" ฟ้องกราวรูด "บิ๊ก ขรก.มหาดไทย"
ลุ้นศาลรับคดีล้มล้าง ตุลาการถก6ประเด็น‘ทักษิณ-พท.’/ดันแก้ประชามติไม่รอ180วัน
"ทักษิณ-พท." ระทึก! 9 ตุลาการศาล รธน.ยืนยันนัดประชุมวาระพิเศษ 22 พ.ย.นี้
สั่งประหารชีวิต ‘แอม ไซยาไนด์’ คุกผัวเก่า-ทนาย
ศาลพิพากษาประหารชีวิต "แอม ไซยาไนด์" วางยาฆ่าก้อย พร้อมชดใช้ 2.3 ล้าน