ดึงร้านขายยา ดูแลบัตรทอง ผู้ป่วยสีเขียว

ไทยติดเชื้อใหม่ 2.4 หมื่นราย เสียชีวิตเพิ่ม 94 คน นายกฯ ห่วงเด็กเล็ก เตือนผู้ปกครองสังเกตอาการใกล้ชิด  เร่งพาบุตรหลานฉีดวัคซีน สปสช.จับมือสภาเภสัชฯ ดึงร้านขายยาดูแลผู้ป่วยสีเขียว เข้าร่วมแล้ว 700 แห่ง สิทธิบัตรทอง-ข้าราชการฟรี

เมื่อวันที่ 6 เมษายน ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) รายงานสถานการณ์โควิด-19 ในประเทศไทยว่า  พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 24,252 ราย ติดเชื้อในประเทศ 24,105 ราย มาจากระบบเฝ้าระวังและระบบบริการ 23,831 ราย, มาจากการค้นหาเชิงรุกในชุมชน 274 ราย มาจากเรือนจำ 60 ราย เป็นผู้เดินทางมาจากต่างประเทศ 87 ราย หายป่วยเพิ่มขึ้น 26,225 ราย อยู่ระหว่างรักษา 248,078 ราย อาการหนัก 1,845 ราย ใส่เครื่องช่วยหายใจ 782 ราย เสียชีวิตเพิ่มขึ้น 94 ราย เป็นชาย 45 ราย หญิง 49 ราย อายุ 60 ปีขึ้นไป 78 ราย มีโรคเรื้อรัง 12 ราย ไม่มีประวัติโรคเรื้อรัง 4 ราย ขณะนี้มียอดผู้ติดเชื้อสะสมยืนยันตั้งแต่ปี 2563 จำนวน 3,781,827 ราย มียอดหายป่วยสะสมตั้งแต่ปี 2563 จำนวน 3,508,052 ราย มียอดผู้เสียชีวิตสะสมตั้งแต่ปี 2563 จำนวน 25,697 ราย ส่วนยอดฉีดวัคซีนวันที่ 5 เม.ย. 148,250 โดส ยอดฉีดสะสมตั้งแต่วันที่ 28 ก.พ.64 จำนวน 130,347,834 โดส ขณะที่สถานการณ์โลกมีผู้ติดเชื้อสะสม 494,142,283 ราย ผู้เสียชีวิตสะสม 6,183,510 ราย

สำหรับ 10 จังหวัดที่มีผู้ติดเชื้อมากที่สุด ได้แก่ กทม. 3,164 ราย, ชลบุรี 1,274 ราย, สมุทรปราการ 875 ราย, นนทบุรี 761 ราย, สมุทรสาคร 756 ราย, นครศรีธรรมราช 602 ราย, สงขลาและฉะเชิงเทรา จังหวัดละ 598 ราย, ระยอง 592 ราย และขอนแก่น 579 ราย

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เตือนสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในไทยยังไม่มีทีท่าว่าจะจบลงง่าย และยังเป็นห่วงกลุ่มเด็กเล็กที่พบมีจำนวนผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตเพิ่มมากขึ้น จึงอยากขอความร่วมมือผู้ปกครองเฝ้าระวังและสังเกตอาการเด็กที่มีโรคประจำตัวอย่างใกล้ชิด หากมีอาการป่วยผิดปกติจากคนในบ้านเป็นผู้ป่วยโควิด-19 หรืออยู่ในกลุ่มผู้สัมผัสเสี่ยงสูง ต้องรีบนำพาเด็กไปพบแพทย์โดยเร็ว  รวมทั้งยังแนะนำให้ผู้ปกครองให้เร่งพาบุตรหลาน กลุ่มวัยเรียนอายุตั้งแต่ 5 ปีขึ้นไป เข้ารับวัคซีนจะช่วยป้องกันการป่วยหนักได้อย่างดี เนื่องจากปัจจุบันมีเด็กที่เสียชีวิต เพราะไม่ได้ฉีดวัคซีนด้วยเช่นกัน 

"นายกรัฐมนตรียังฝากเตือนผู้ที่ติดเชื้อไปแล้วนั้น ต้องหมั่นสังเกตร่างกายของตัวเองให้ดี แม้ว่าจะตรวจไม่พบเชื้อแล้วก็ตาม ยังอาจมีอาการอ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย ปวดเมื่อยตามตัว ไอเรื้อรัง มีภาวะวิตกกังวล อาจเป็นภาวะที่เรียกว่า ลองโควิด  (Long Covid) จึงยังควรดูแลสุขภาพร่างกายให้แข็งแรง พักผ่อนให้เพียงพอ หมั่นออกกำลังกาย และทานอาหารที่มีประโยชน์ช่วยเสริมภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย" นายธนกรระบุ

ทางด้าน นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เปิดเผยว่า จากสถานการณ์โควิด-19 ที่ยังพบผู้ติดเชื้อรายใหม่อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ป่วยสีเขียวหรือกลุ่มที่มีอาการเล็กน้อย ซึ่งตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค. กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ได้ปรับปรุงแนวทางเวชปฏิบัติ การวินิจฉัย ดูแลรักษาและป้องกัน กรณีผู้ติดเชื้อหรือผู้ป่วยโรคโควิด-19 ที่ไม่มีภาวะเสี่ยง โดยให้การรักษาแบบผู้ป่วยนอกและแยกกักตัวที่บ้าน หรือ “เจอ แจก จบ” ในสถานพยาบาลต่างๆ นั้น ทั้งนี้ เพื่อเพิ่มช่องทางการเข้ารับบริการ โดยเฉพาะที่หน่วยบริการใกล้บ้าน สปสช. ได้ร่วมกับสภาเภสัชกรรม เชิญชวนร้านยาที่มีความพร้อมบริการเพื่อร่วมดูแลผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่ไม่มีภาวะเสี่ยงตามที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนดเป็นหน่วยบริการดูแลผู้ป่วยโควิด-19 กลุ่มผู้ป่วยนอกและแยกกักตัวที่บ้าน เพื่อให้ผู้ป่วยเข้าถึงยาได้รวดเร็ว

สำหรับผู้ที่ตรวจ ATK แล้วขึ้น 2 ขีดติดเชื้อโควิด-19 ที่มีอาการเล็กน้อยและเป็นกลุ่มที่ไม่มีภาวะเสี่ยงตามที่ สธ.กำหนด สามารถรับยาสำหรับดูแลอาการเบื้องต้นได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ได้ที่ร้านยาที่เข้าร่วมโครงการ โดยร้านยาจะรับค่าใช้จ่ายกรณีบริการทางเภสัชกรรมในการดูแลผู้ติดเชื้อโควิด-19 กลุ่มนี้ ตามหลักเกณฑ์ของ สปสช. ซึ่งมีผลตั้งแต่วันที่ 21 มี.ค.ที่ผ่านมา สำหรับอัตราค่าบริการจะเป็นการจ่ายแบบเหมาจ่ายในอัตรา 700 บาทต่อราย ครอบคลุมบริการ ดังนี้ 1.บริการให้คำแนะนำการปฏิบัติตัวในการแยกกักตัวที่บ้าน 2.ค่ายาฟ้าทะลายโจรและยาพื้นฐานอื่นๆ ที่จำเป็นสำหรับผู้ติดเชื้อโรคโควิด-19 รวมค่าบริการจ่ายยากรณีที่แพทย์สั่งจ่ายเฉพาะในการดูแลผู้ติดเชื้อโรคโควิด-19 ที่จำเป็นต้องได้รับตามมาตรฐานที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด โดยรวมค่าจัดส่งยา 3.ค่าบริการให้คำปรึกษา แนะนำการใช้ยา และติดตามอาการผู้ติดเชื้อเมื่อครบ 48 ชั่วโมงแรก 4.การจัดระบบส่งต่อเมื่อผู้ติดเชื้อโรคโควิด-19 มีอาการเปลี่ยนแปลงจำเป็นต้องส่งต่อ

นอกจากนี้ยังมีการจ่ายเพิ่มเติมแบบเหมาจ่ายในอัตรา 150 บาท สำหรับการให้คำปรึกษาหรือการดูแลรักษาเบื้องต้น เมื่อผู้ติดเชื้อมีอาการเปลี่ยนแปลง และผู้ติดเชื้อโควิด-19 ได้ติดต่อกลับร้านยาเพื่อขอรับคำปรึกษาหลังให้การดูแลครบ 48 ชั่วโมงไปแล้ว โดยก่อนให้บริการจะมีการพิสูจน์ตัวตนของผู้รับบริการเพื่อยืนยันการเข้ารับบริการ และบันทึกข้อมูลการให้บริการผ่านโปรแกรม AMED Telehealth ระบบบริการการแพทย์ทางไกล ปัจจุบันมีร้านยาทั่วประเทศเข้าร่วมแล้วกว่า 700 แห่ง ขึ้นทะเบียนเป็นหน่วยบริการกับ สปสช.แล้ว 440 แห่ง ที่เหลืออยู่ระหว่างการขึ้นทะเบียน สามารถตรวจสอบรายชื่อร้านยาได้ที่เว็บไซต์ สปสช. https://www.nhso.go.th/downloads/197

ด้าน ภก.ปรีชา พันธุ์ติเวช อุปนายกสภาเภสัชกรรมคนที่ 2 กล่าวว่า กลุ่มผู้ป่วยสีเขียวสามารถโทร.ติดต่อหรือมาที่ร้านยา สแกน QR code เพื่อยืนยันตัวตนตามระบบของ สปสช. แล้วรับยาฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย ซึ่งร้านยาจะจัดเซตยาสำหรับรักษาตามอาการส่งให้ที่บ้าน เช่น ฟ้าทะลายโจร พาราเซตามอล ยาแก้ไอ ละลายเสมหะ ตลอดจนเกลือแร่สำหรับกรณีมีอาการท้องเสีย จากนั้นจะติดตามอาการไปอีก 48 ชั่วโมง และหากอาการรุนแรงมากขึ้น ก็จะส่งต่อผู้ป่วยเข้าระบบเพื่อให้แพทย์รับช่วงดูแลต่อ โดยผู้ใช้สิทธิบัตรทอง สามารถสังเกตสติกเกอร์ที่หน้าร้านยาซึ่งจะมีข้อความว่า “สถานบริการเภสัชกรรมชุมชน” และบรรทัดล่างจะเขียนว่า “เครือข่ายเภสัชกรอาสาปรึกษาโควิดผ่านระบบเภสัชกรรมทางไกล” ทั้งนี้ให้บริการได้เฉพาะสิทธิบัตรทอง สิทธิข้าราชการ และสิทธิพนักงานองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น แต่ยังไม่รวมถึงผู้ประกันตนในระบบประกันสังคม ดังนั้น จึงขอเชิญชวนไปยังสำนักงานประกันสังคมอำนวยความสะดวกและเพิ่มการเข้าถึงบริการแก่ผู้ประกันตน สามารถติดต่อมาที่สภาเภสัชกรรมเพื่อหารือแนวทางการร่วมมือกันต่อไปได้.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ฟ้องต้นตอหมอคางดำ

สภาทนายความฯ เตรียมฟ้องแพ่งบิ๊กเอกชน-หน่วยงานรัฐ ต้นตอ "เอเลี่ยนสปีชีส์"

‘เนวิน’รวมใจชาวบุรีรัมย์ จัดมิวสิคัลเทิดพระเกียรติ

“เนวิน” รวมใจชาวบุรีรัมย์ จัดเทิดพระเกียรติ 72 พรรษา แสดง แสง สี เสียง มิวสิคัล “ลมหายใจของแผ่นดิน” โดยบุรีรัมย์ออร์เคสตรา แสดงความจงรักภักดี 28-30 ก.ค.2567 สนามช้างอารีนา บุรีรัมย์