ฉะเดือดกลางครม. ตู่ว้ากหย่าศึก‘ชทพ.-ภท.’ วางคิวนายกฯลงพื้นที่ถี่

ประชุม ครม.ระอุ! 2 รมต.เปิดศึกวิวาทะเดือด “มนัญญา” เฉ่งกระทรวงทรัพยากรฯ ดันนโยบายงดใช้ถุงพลาสติก แต่ร้านค้ามาเก็บเงิน ปชช. “วราวุธ” สวนกลับรัฐยุ่งเอกชนไม่ได้อย่าพูดเอามัน ขณะ “บิ๊กตู่” ต้องห้ามมวย ก่อน "ท็อป" ยกหูเคลียร์ "เสี่ยหนู-ชาดา" นายกฯ ปัดหาเสียงหลังเดินทัวร์รอบทำเนียบฯ พบปะพ่อค้าแม่ค้า โอดเดือดร้อนหมดทั้งโลก ลั่นพร้อมอยู่เคียงข้างเดินหน้าไปพร้อม ปชช. ทีมงานจ่อจัดอีเวนต์ลงพื้นที่ช่วงสงกรานต์  "ป้อม" โว พปชร.แข็งโป๊กไม่ต้องเสริม ปัดตอบ "พีระพันธุ์" ลาออกส่งสัญญาณ "ประยุทธ์" แยกตัว

เมื่อวันอังคาร มีรายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาลแจ้งว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่ตึกสันติไมตรี  ก่อนเริ่มประชุม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ได้แจ้งให้ที่ประชุมรับทราบถึงการปรับเปลี่ยนการประชุม ครม.เป็นรูปแบบใหม่ ที่จะเริ่มใช้ตั้งแต่ครั้งนี้เป็นต้นไปว่า จะให้ ครม.อ่านวาระมาล่วงหน้า จะไม่พูดหรือแสดงความคิดเห็นทุกเรื่อง จะพูดหรือแสดงความเห็นเฉพาะวาระพิจารณาเท่านั้น ส่วนวาระรับทราบจะพูดหรือแสดงความเห็นเฉพาะเรื่องที่สำคัญ ขณะที่วาระอื่นๆ หากมีเรื่องไหนอยากจะพูดให้หยิบยกขึ้นมาพูดได้ ทั้งนี้เพื่อเป็นการประหยัดเวลา และเพื่อจะได้คุยเรื่องที่สำคัญ

สำหรับการประชุม ครม.ครั้งต่อไปในวันอังคารที่ 12  เม.ย.ที่ตึกสันติไมตรี ช่วงเช้าจะมีพิธีทำบุญตักบาตรและรดน้ำดำหัว โดยเปิดให้ ส.ส., ส.ว., ข้าราชการ และเจ้าหน้าที่มาร่วมงาน จากนั้นในช่วงบ่ายจะเป็นการประชุม ครม. โดยจะย้ายมาประชุมที่ตึกบัญชาการ 1 ซึ่งเคยใช้เป็นสถานที่ประชุม ครม.ในช่วงที่ไม่มีโควิด-19

 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างการพิจารณาวาระเรื่องการขยายระยะเวลามาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมผลิตภัณฑ์พลาสติกที่ย่อยสลายได้ทางชีวภาพที่จะสิ้นสุดในเดือน  ธ.ค.65 ซึ่งมาตรการดังกล่าวเป็นการส่งเสริมให้ผู้ประกอบการหันมาใช้ผลิตภัณฑ์พลาสติกที่ย่อยสลายได้ทางชีวภาพ และช่วยลดปริมาณขยะพลาสติกที่ย่อยสลายไม่ได้ ที่มีกระทรวงการคลังเป็นผู้เสนอนั้น ปรากฏว่า น.ส.มนัญญา ไทยเศรษฐ์ รมช.เกษตรและสหกรณ์ ได้กดไมโครโฟนขอแสดงความเห็น โดยระบุว่า “ขออนุญาตถาม  รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมนิดหนึ่ง เพราะอยากรู้ว่าในร้านสะดวกซื้อประชาชนต้องเสียเงินซื้อถุงพลาสติก แล้วเงินที่ประชาชนต้องมานั่งเสียมันไปไหน  นโยบายรัฐคือไม่ให้ถุงเลยหรืออย่างไร แต่ก่อนซื้อของไม่ต้องเสียค่าถุง ตอนนี้ต้องเสียเพิ่มขึ้นมา” ทำให้นายวราวุธ  ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รีบชี้แจงว่า “ร้านจะเก็บไปไหนไม่ทราบนะครับ จะรู้ได้อย่างไรว่าจะเอาไปทำอะไร เป็นเรื่องของเอกชนเขา รัฐไปยุ่งไม่ได้  และมาตรการลดการใช้ถุงพลาสติกเป็นมาตรการที่ขอความร่วมมือ ไม่ได้บังคับ แต่พอทำไปผลที่ได้คือมีการลดใช้พลาสติกจริงๆ”

น.ส.มนัญญาจึงกดไมโครโฟนพูดสวนไปว่า  “รัฐมนตรีพูดได้ดีนะคะ แต่พูดเหมือนปัดความรับผิดชอบ  การทำแบบนี้เหมือนรัฐบาลไปเอื้อให้นายทุนรายใหญ่ นับหนึ่งไม่ถึงสิบสักที งานที่ทำไม่ถึงเป้าหมายสักที” ทำให้นายวราวุธเริ่มมีอารมณ์ และกดไมโครโฟนตอบโต้ว่า “ตัวเลขการใช้ถุงพลาสติกก็ลดลงต่อเนื่อง นโยบายดี สวยหรู  แต่จะมาพูดเอาแต่มัน มันก็ไม่เกิดประโยชน์อะไรนะครับ” ทำให้ น.ส.มนัญญากดไมโครโฟนพร้อมกับถามนายวราวุธว่า “เดี๋ยวนะ เอามันคืออะไร หมายความว่าอย่างไร”  เมื่อถึงตรงนี้ทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ต้องรีบหย่าศึก โดยบอกทั้งคู่ว่า “พอแล้วๆ ไปเถียงกันข้างนอก นโยบายต้องแก้ปัญหาเรื่องพลาสติก ไปเอาผลการดำเนินการมาให้ดูละกันว่ามันลดอย่างไร ผมไม่ชอบ ผมนั่งอยู่ตรงนี้ ทำไมต้องเถียงกัน” ทำให้ทั้งคู่หยุดโต้เถียงกัน จากนั้นเริ่มประชุมต่อ  โดย น.ส.มนัญญานั่งอยู่ต่ออีกสักพัก ก่อนจะลุกออกจากห้องประชุมไปและไม่กลับเข้ามาร่วมประชุมอีก  

หลังจากนั้น นายวราวุธให้สัมภาษณถึงเหตุการณ์ดังกล่าวว่า เป็นเรื่องนิดหน่อยที่มองต่างมุมกัน ไม่มีอะไร เพราะ น.ส.มนัญญามองอีกแบบ แต่ตนทำอีกแบบ ซึ่งเป็นเรื่องเล็ก ยอมรับว่าตนอาวุโสน้อยกว่าก็ไม่ควรอยู่แล้ว  กำลังจะตามไปขอโทษ เพราะไม่ควรไปต่อปากค่อคำ เป็นสิ่งไม่ดีและต้องขออภัยด้วย หากตอบอะไรไปแล้วทำให้ระคายเคืองใจ ซึ่งควรต้องให้เกียรติผู้ใหญ่ ที่ทำไปเป็นสิ่งไม่ดี ยอมรับว่าในขณะที่มีการโต้ตอบกันมีอารมณ์หงุดหงิดกัน อาจวุ่นวายไปเล็กน้อย แต่ไม่มีอะไร

ต่อมาเมื่อเวลา 17.00 น. นายวราวุธเปิดเผยว่า หลังจากเกิดเหตุการณ์ในที่ประชุม ครม. ตนได้โทรศัพท์ไปหา  น.ส.มนัญญา ซึ่ง น.ส.มนัญญาปิดเครื่อง ไม่สามารถติดต่อได้ จึงโทรศัพท์ไปหานายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กับนายชาดา ไทยเศรษฐ์ ส.ส.อุทัยธานี พี่ชาย น.ส.มนัญญาแล้ว โดยได้กล่าวขออภัยที่ล่วงเกินต่อเรื่องที่เกิดขึ้น

'บิ๊กตู่' ลั่นพร้อมสู้ไปกับ ปชช.

มีรายงานว่า ภายหลังการประชุม ครม.เสร็จสิ้น นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม  (ดีอีเอส) ได้ร่วมประชุมกับนายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี และคณะทำงานของ พล.อ.ประยุทธ์ ที่ตึกบัญชาการ 2 ทำเนียบฯ ต่อ เพื่อหารือเรื่องการจัดเตรียมงานสงกรานต์ในวันที่ 12 เม.ย.ที่ทำเนียบฯ  โดยในช่วงเช้าจะมีพิธีทำบุญตักบาตร จากนั้นเปิดให้ ครม.,  ส.ส., ส.ว., ข้าราชการประจำ และข้าราชการการเมืองเข้ารดน้ำดำหัวขอพรนายกฯ ที่ตึกสันติไมตรี โดยมอบหมายให้นายชัยวุฒิเป็นผู้ประสานและเชิญ ส.ส.มาร่วมงาน จากนั้นในช่วงบ่ายจะเป็นการประชุม ครม. โดยจะเปลี่ยนมาใช้ห้องประชุมที่ห้อง 301 ตึกบัญชาการ 1 ซึ่งเคยใช้เป็นสถานที่ประชุม ครม.ในช่วงที่ไม่มีโควิด-19 นอกจากนี้ยังมีการหารือกันถึงการเลือกพื้นที่ให้นายกฯ ลงไปทำกิจกรรมในช่วงเทศสงกรานต์ เบื้องต้นได้มีการหยิบยกถนนข้าวสารขึ้นมาพิจารณา แต่ยังไม่ตกผลึก เพราะก่อนหน้านี้ได้มีการประกาศงดจัดกิจกรรมสงกรานต์ที่ถนนข้าวสารไปแล้ว โดยจะต้องมีการประชุมเลือกพื้นที่ที่นายกฯ จะลงในช่วงสงกรานต์อีกครั้ง

เมื่อเวลา 16.10 น. พล.อ.ประยุทธ์เดินลงจากตึกไทยคู่ฟ้า โดยไม่มีการแจ้งเจ้าหน้าที่และสื่อมวลชนล่วงหน้า  โดยได้เดินสำรวจพื้นที่รอบทำเนียบรัฐบาล ตั้งแต่บริเวณลานจอดรถข้างตึกบัญชาการ 1 พร้อมระบุว่า มาเดินดูบริเวณที่เตรียมสร้างจุดชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า หรือ EV  Charger ซึ่งต้องดูแผนก่อน แต่ตนได้สั่งไปแล้ว โดยจะมีการติดตั้ง 2 จุด คือบริเวณลานจอดรถข้างตึกบัญชาการ 1  และบริเวณสะพานมัฆวานรังสรรค์ เพราะรัฐบาลส่งเสริมรถไฟฟ้า ซึ่งจะมีการทยอยดำเนินการใช้ในส่วนของราชการ แต่หลายอย่างก็มีกฎระเบียบต่างๆ สำหรับรถส่วนตัวของตนนั้น เมื่อถึงเวลาก็ต้องใช้ โดยต้องดูความพร้อมก่อน

จากนั้นนายกฯ เดินลัดเลาะสำรวจริมคลองผดุงกรุงเกษมที่กำลังปรับภูมิทัศน์บางส่วน ก่อนจะเดินข้ามสะพานอรทัยออกไปนอกทำเนียบฯ เพื่อเยี่ยมร้านค้าบริเวณใกล้เคียง โดยได้สอบถามพ่อค้าแม่ค้าถึงการค้าขายในช่วงนี้ที่ยังประสบภาวะเศรษฐกิจ ซึ่งมีบางรายระบุว่าเศรษฐกิจช่วงนี้แย่ ขณะที่นายกฯ ขอให้เข้าใจสถานการณ์ช่วงนี้ พร้อมให้กำลังใจบรรดาพ่อค้าแม่ค้าขอให้มีสติ ใช้สตินำทาง วันนี้ทุกคนประสบปัญหาเหมือนๆ กัน แม้สถานการณ์จะไม่ค่อยดี แต่ถ้ามีกำลังใจที่ดีจะช่วยให้ผ่านพ้นเหตุการณ์ร้ายๆ ไปได้ ขออย่ายอมแพ้ต่อปัญหา

นายกฯ ยังย้ำว่า "รัฐบาลอยู่เคียงข้างประชาชนเสมอ  ไม่เคยทอดทิ้ง ต่อให้มีปัญหามากแค่ไหนก็พร้อมจะอยู่เคียงข้าง เดินหน้าไปพร้อมกับประชาชน ขอให้มั่นใจ รัฐบาลพยายามแก้ไขปัญหาให้อย่างเต็มที่และที่สุด ขอให้อดทน ก้าวผ่านสถานการณ์ไปพร้อมๆ กัน" 

จากนั้นนายกฯ ได้แวะเยี่ยมโรงรับจำนำ โดยได้สอบถามผู้ประกอบการว่าเป็นอย่างไรบ้าง ซึ่งตอบกลับมาว่าเศรษฐกิจไม่ค่อยดี แต่นายกฯ มาดีแล้ว อย่างอื่นถึงจะไม่ค่อยดี แต่ก็เห็นว่าค่อยๆ เริ่มฟื้น ขอขอบคุณนายกฯ ที่ช่วยดูแล ก่อนที่นายกฯ จะกล่าวว่า "สงสารประชาชน" และคว้ามือมาจับเพื่อให้กำลังใจ ก่อนทักทายร้านน้ำแข็ง ร้านขายน้ำ แวะพูดคุยกับพนักงานปั๊มน้ำมัน ขณะที่พนักงานปั๊ม ได้ถามนายกฯ ว่า ราคาน้ำมันจะแพงอีกนานหรือไม่ โดยนายกฯ กล่าวตอบว่า รัฐบาลจะอุดหนุนให้ได้มากที่สุดเท่าที่ทำได้

อย่างไรก็ตาม ตลอดการลงพื้นที่นายกฯ ย้ำว่าไม่ได้มาหาเสียง และได้ถือโอกาสเดินออกกำลังกายไปด้วย

หลังจากนั้นนายกฯ ให้สัมภาษณ์ว่า ถือเป็นการมารับฟังเสียงสะท้อนของประชาชน ตนไม่มาก็ได้ยินอยู่แล้ว คิดแทนเขาอยู่แล้ว และอยากมาให้กำลังใจด้วย ไม่ได้มาหาเสียง อย่าไปยุ่งกับเขามาก ไม่ได้ยุ่งเกี่ยวอะไรกับใคร  เดี๋ยวหาว่านายกฯ มาเดินหาเสียง ไม่ใช่ บางทีอยู่ทำเนียบรัฐบาลก็คิดอะไรไม่ออก เพราะเรื่องเยอะ เอกสารก็เยอะ  อะไรก็เยอะ เราก็ต้องปรึกษาหารือกับคณะทำงานตลอดเวลา ปัญหาเข้ามาหลายเรื่อง บางทีซับซ้อน ซึ่งการแก้ไม่ใช่แก้ปุ๊บสั่งปุ๊บแล้วทำได้ ก็ต้องเอากลับมาพิจารณาดูหลายอย่าง อะไรทำได้ก็ทำ อะไรที่ทำไม่ได้ก็รอเวลานิดนึง วันนี้ก็ต้องดูต่างประเทศด้วยเขาเดือดร้อนหรือเปล่า ทุกประเทศเดือดร้อน เดือดร้อนหมดทั้งโลก แต่เราก็จะพยายามทำให้ดีที่สุด ก็หวังว่าสถานการณ์จะดีขึ้นไปเรื่อยๆ  ซึ่งเราก็เจอโควิดเข้าไป เจอสถานการณ์สู้รบรัสเซีย-ยูเครน  มันก็ลำบากเหมือนกัน แต่จะทำให้

เมื่อถามว่า การมาลงพื้นที่ด้วยตัวเองทำให้ได้รับกำลังใจทั้งตัวนายกฯ และประชาชน พล.อ.ประยุทธ์เอามือตบที่อกข้างซ้าย 2 ครั้ง พร้อมกล่าวว่ากำลังใจตนมีให้ตัวเอง  และขอกำลังใจจากสื่อ

'ป้อม' โว พปชร.แข็งโป๊ก

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวถึงกรณีนายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.การคลัง ในฐานะเลขาธิการพรรค พปชร.ตั้งเป้าเลือกตั้ง ส.ส.ครั้งหน้าจะได้ 150 คน พรรคมั่นใจใช่หรือไม่ว่า เลิกพูดเลย ตนพูดไปหลายทีแล้ว  เมื่อถามว่า พปชร.ต้องเสริมอะไรอีกหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า "ไม่เสริมแล้ว แค่นี้ก็แข็งโป๊กแล้ว"  

เมื่อถามถึงกรณี นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรค พปชร.ประกาศลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรค  พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า นายพีระพันธุ์ออกไปแล้วโดยไม่ได้บอกเหตุผล ไม่ได้เจอกันเลย ทั้งนี้มีคนจะเข้าพรรคเยอะแยะ ไม่มี ส.ส.ออกจากพรรคสักคนหนึ่ง ใครออกล่ะ มีแค่นายพีระพันธุ์ซึ่งไม่ได้เป็น ส.ส.ในพรรค เมื่อถามว่า การที่นายพีระพันธุ์ออกไปเช่นนี้ถือเป็นการส่งสัญญาณอะไรหรือไม่ นายกฯ จะแยกตัวออกไปหรือไม่  พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ตนไม่รู้ ต้องไปถามเขา

ถามว่า การแต่งตั้งอดีตนายทหารมาเป็นคณะกรรมการบริหารพรรคจะช่วยเสริมงานด้านใด พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า เขาเป็นประชาชนเกษียณอายุมาแล้ว ไม่เช่นนั้นตนก็เป็นทหารตลอดชาติ เมื่อถามว่า มีการจับตาการตั้งอดีตแม่ทัพภาคที่ 2 (พล.อ.ธัญญา เกียรติสาร)  มาเป็นคณะกรรมการบริหารพรรค เพื่อต้องการทำพื้นที่ภาคอีสาน พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า "อ้า ภาคอีสาน" ส่วน พล.อ.กฤษณ์โยธิน ศศิพัฒนวงษ์ อนุกรรมการฝ่ายหารายได้ มูลนิธิป่ารอยต่อฯ ช่วยด้านธุรการ แล้วก็ทำให้ถูกต้อง  ไม่เห็นมีอะไร ส่วนการลงพื้นที่ที่ผ่านมาเสียงตอบรับก็ดีตลอด ตนไปที่ไหนก็ดีทั้งนั้น ไม่เห็นมีใครมาด่าตนเลย มีแต่สื่อนี่แหละ

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกฯ และ รมว.พาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวถึงกรณีที่ พปชร.ตั้งเป้ากวาด ส.ส. 150 ที่นั่งว่า หากใครตั้งเป้าอะไรไว้และทำได้ตามนั้น ก็ขอแสดงความยินดีด้วยล่วงหน้า สำหรับ ปชป.ไม่ได้ตั้งเป้าว่าจะต้องได้ ส.ส. เท่าไหร่ เพราะเราตั้งหลักว่าต้องแข่งขันกับตัวเองด้วยการทำหน้าที่ให้ครบถ้วนสมบูรณ์ ปชป.เชื่อว่าเสียงจากประชาชนมาจากผลงานมากกว่าการตั้งเป้าในการเลือกตั้ง

นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม ในฐานะเลขาธิการพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงเรื่องเดียวกันว่า ต้องดูตอนใกล้ๆ เลือกตั้ง เพราะทุกพรรคก็มีเป้าหมายของตัวเองอยู่แล้ว เราก็ทำงานดีกว่าและให้ประชาชนเป็นคนตัดสิน จะพยายามทำให้เต็มที่ พยายามส่งผู้สมัครให้ครบ และทำงานตามที่ได้ประกาศนโยบายไว้.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง