"บิ๊กตู่" แจง ครม.ลงพื้นที่พบชาวบ้านไม่เกี่ยวหาเสียง กทม. "กกต." จัดเชิญผู้สมัคร "ผู้ว่าฯ-ส.ก." ร่วมประกาศเลือกตั้งสมานฉันท์ สุจริต โปร่งใส เที่ยงธรรม และสร้างวัฒนธรรมทางการเมือง ไม่ทันไรหลายพรรคโวยป้ายหาเสียงถูกทำลาย "ดร.เอ้" ขอแข่งขันแบบสร้างสรรค์ "สกลธี" ก็โดนแต่บอกเล็กน้อยไม่แจ้งความ "พรรคกล้า" จี้ "กกต.-ตร." ดูแล "พปชร." วุ่น! ตั้ง "นฤมล" ปธ.ยุทธศาสตร์หาเสียง ส.ก.ไม่กี่ชั่วโมง "อ.แหม่ม" ประกาศไม่รับตำแหน่ง
เมื่อวันที่ 5 เมษายน นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงข้อสั่งการและคำปรารภของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ในการประชุม ครม.ว่า นายกฯ ได้รายงานถึงการลงพื้นที่คลองโอ่งอ่างซึ่งเป็นการติดตามความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชน เพื่อเร่งสร้างการรับรู้การแก้ไขปัญหาการระบายน้ำสู่คลอง ซึ่งชาวบ้านและชุมชนสะท้อนมาว่า ถ้าสามารถระบายน้ำได้ดีจะช่วยลดปัญหายุงและลดขยะไขมัน ซึ่งเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการระบายน้ำ
"นายกฯ ชื่นชมการปรับปรุงภูมิทัศน์คลองสวยน้ำใสที่มีความก้าวหน้า และเน้นส่งเสริมการท่องเที่ยวทางวัฒนธรรม ที่สร้างเม็ดเงินการท่องเที่ยวให้ประเทศ ดังนั้นการลงพื้นที่คลองโอ่งอ่างจึงไม่ใช่การหาเสียง" โฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าว
มีรายงานว่า พล.อ.ประยุทธ์ได้ปรารภต่อที่ประชุม ครม.ตอนหนึ่ง โดยระบุถึงการลงพื้นที่ใน กทม.ช่วงที่ผ่านมาว่า ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับการหาเสียง และไม่ได้ลงพื้นที่ตรงที่มีการหาเสียง อีกทั้งการลงพื้นที่ไม่ได้มีการเตรียมการไว้ก่อน เพราะถ้าเตรียมการไว้ก่อนคนจะมาห้อมล้อมเยอะ ซึ่งการลงพื้นที่ได้คุยกับชาวบ้านให้เขาเข้าใจว่า เราอยู่ในช่วงโควิด-19 ช่วงความขัดแย้ง ชาวบ้านก็ได้ร้องเรียนปัญหาต่างๆ เรื่องไหนแก้ไขได้ก็แก้ไขไปแล้ว
ที่โรงแรมเซ็นทรา ศูนย์ราชการฯ แจ้งวัฒนะ สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ประจำกรุงเทพมหานคร จัดโครงการเลือกตั้งสมานฉันท์ผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (ส.ก.) และผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (ผู้ว่าฯ กทม.) โดยเชิญผู้สมัครมาร่วมประชุมเพื่อรับฟังและทำความเข้าใจ พร้อมชี้แจงข้อกฎหมาย ระเบียบ ข้อควรปฏิบัติต่างๆ เกี่ยวกับการหาเสียงเลือกตั้ง การป้องกันการกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง และร่วมประกาศเจตจำนงสุจริตในการเลือกตั้ง ให้ผู้สมัครยอมรับเรื่องรู้แพ้ รู้ชนะ รู้ภัย รู้รักสามัคคี เพื่อให้การหาเสียงเป็นไปอย่างสุจริต โปร่งใส ไม่ใส่ร้ายป้ายสีกันและกัน และลดการกระทำความผิดเกี่ยวกับการเลือกตั้งโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์
โดยมีผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.และผู้สมัคร ส.ก.สนใจเข้าร่วมจำนวนมาก อาทิ พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. หมายเลข 6 นายสกลธี ภัททิยกุล ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. หมายเลข 3 นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. หมายเลข 8 นายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. หมายเลข 4 น.ส.รสนา โตสิตระกูล ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. หมายเลข 7 นายโฆสิต สุวินิจจิต ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. หมายเลข 24 และนายวรัญชัย โชคชนะ ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. หมายเลข 22
จัดสมานฉันท์เลือกตั้ง
นายอิทธิพร บุญประคอง ประธาน กกต. กล่าวเปิดโครงการเลือกตั้งเชิงสมานฉันท์ว่า การเลือกตั้ง ส.ก.และผู้ว่าฯ กทม.ที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 22 พ.ค.นี้มีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากเป็นการเลือกตั้งผู้ที่จะมาบริหารและติดตามตรวจสอบการบริหาร กทม. ซึ่งเป็นมหานคร องค์การปกครองส่วนท้องถิ่นรูปแบบพิเศษ ที่จะต้องมีการบริหารจัดการอย่างเหมาะสมในพื้นที่ที่มีปัจจัยทางสังคมที่แตกต่างและหลากหลาย ดังนั้นจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหลาย ทั้งผู้สมัครรับเลือกตั้ง ผู้ดำเนินการหรือจัดการควบคุมการเลือกตั้ง ผู้สนับสนุนการเลือกตั้ง และประชาชนผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งต่างมีพันธะร่วมกัน ที่จะทำให้การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นไปโดยสุจริต เที่ยงธรรม และชอบด้วยกฎหมาย
"ถือเป็นโอกาสดีที่ผู้สมัครทุกคนจะได้แสดงความมุ่งมั่นตั้งใจ ที่จะปฏิบัติให้การเลือกตั้งเป็นไปด้วยความสุจริต โปร่งใส เที่ยงธรรม เต็มใจและสมัครใจในการประกาศเจตจำนงสุจริตในการเลือกตั้งร่วมกัน เพื่อสร้างความสมานฉันท์ ถือเป็นการสร้างสิ่งที่ดีงามให้สังคมและประชาชนได้รับรู้รับทราบ" นายอิทธิพรกล่าว
ประธาน กกต.กล่าวว่า กฎหมายเลือกตั้งฉบับปัจจุบันมีสถานการณ์ที่แตกต่างไปจากกฎหมายฉบับก่อนๆ ทั้งคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามในการสมัครรับเลือกตั้ง วิธีการหาเสียงทางอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งปัจจุบัน กกต.ได้จัดทำแอปพลิเคชัน Smart Vote หรือฉลาดเลือก ซึ่งมีข้อมูลที่สำคัญทั้งกฎหมายท้องถิ่น คำถาม-ตอบเกี่ยวกับการปฏิบัติตามกฎหมายเลือกตั้งและพรรคการเมือง การตรวจสอบสิทธิต่างๆ เกี่ยวกับการเลือกตั้ง รวมทั้งช่องทางการแจ้งเบาะแสการทุจริตเลือกตั้งผ่านแอปพลิเคชันตาสับปะรด แต่เมื่อถึงเวลาที่การหาเสียงเพิ่มความเข้มข้นขึ้น แนะนำให้โทร.สายด่วน 1444
จากนั้นนายอิทธิพรพร้อมด้วยผู้บริหารสำนักงาน กกต.ร่วมเป็นสักขีพยานในการสร้างการรับรู้ของผู้สมัคร ส.ก. และผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.
นายอิทธิพรให้สัมภาษณ์ว่า การที่มีผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. 31 คน และผู้สมัคร ส.ก. 382 คน ถือเป็นเรื่องที่ดีที่มีผู้สนใจขันอาสาเข้ามาบริหาร กทม. ส่วนการจดจำผู้สมัครปกติจะมีการจัดทำเอกสารแจ้งเจ้าบ้านถึงผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง ซึ่งจะมีข้อมูลเกี่ยวกับผู้สมัครเลือกตั้ง โดยเอกสารดังกล่าวจะส่งถึงครัวเรือนผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งภายใน 15 วันก่อนวันเลือกตั้ง
ถามถึงกรณีนายสราวุธ เบญจกุล ผู้สมัครรับเลือกตั้ง ผู้ว่าฯ กทม.มีปัญหาถูกร้องเรียนวินัยและทุจริต จะมีปัญหาเรื่องคุณสมบัติหรือไม่ ประธาน กกต.กล่าวว่า เป็นหน้าที่ของผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำท้องถิ่นกรุงเทพมหานครจะเป็นผู้พิจารณา
"ตั้งแต่มีประกาศเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. จนขณะนี้ยังไม่มีเรื่องร้องเรียนเข้ามา ส่วนปัญหาการติดป้ายหาเสียง ขอให้ปฏิบัติตามระเบียบ กกต.ว่าด้วยวิธีการหาเสียงเลือกตั้งอย่างเคร่งครัดด้วย" ประธาน กกต.กล่าว
โวยป้ายหาเสียงถูกทำลาย
ขณะที่ พล.ต.อ.อัศวินกล่าวถึงการหาเสียงเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ว่า หลังจากนี้ไม่ได้มีการปรับแผนหรือกลยุทธ์หาเสียง เพราะก็ทำตามธรรมชาติและเป็นตัวของตัวเอง จะให้พูดกี่ครั้งก็เหมือนกันทุกครั้ง ส่วนเรื่องป้ายหาเสียงที่อาจจะมีการกีดขวางทางเท้า ได้ให้ทีมงานเก็บออกไปหรือย้ายที่ติดตั้ง และจะปรับรูปแบบป้ายให้เล็กลงอย่างเช่นป้ายของนายชัชชาติ เพื่อให้ประชาชนไม่ได้รับความเดือดร้อน
ส่วนนายชัชชาติกล่าวว่า ยอมรับจุดแข็งของตัวเองคือเราเข้าใจปัญหา เพราะลงพื้นที่มานาน และมีทีมงานที่ครบทุกด้าน ส่วนจุดอ่อนคืออยู่ที่ชุมชน เนื่องจากเราเป็นผู้สมัครอิสระ ไม่มีฐานเสียง ชุมชนจึงเป็นจุดที่อ่อนแอ หลังจากนี้ก็จะลงพื้นที่ชุมชนให้หนักขึ้นและละเอียดขึ้น เรื่องป้ายหาเสียงก็ไม่เคยพูดว่าเป็นคนทำป้ายเล็กเป็นคนแรก เราทำตามที่คิดว่าเหมาะสมกับการเลือกตั้งในเขตเมือง ดังนั้นขออย่านำไปเป็นประเด็นความขัดแย้ง ป้ายไม่สำคัญเท่ากับเนื้อหาหรือนโยบาย
นายสุชัชวีร์กล่าวว่า การลงพื้นที่หาเสียงมีโปรแกรมจะลงพื้นที่ 50 เขต 50 ครั้งอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งเรามีความมั่นใจว่าวิสัยทัศน์ของเรา 1 ผู้ว่าฯ 50 ส.ก.นั้นชัดเจน คือต้องเปลี่ยนเมืองกรุงเทพฯ เป็นเมืองสวัสดิการที่ทันสมัยต้นแบบอาเซียน ซึ่งยิ่งเดินลงพื้นที่ยิ่งเข้าใจว่ากรุงเทพฯ เราทำได้
ถามถึงมาตรการเกี่ยวกับปัญหาการทำลายป้ายหาเสียงของตนเอง นายสุชัชวีร์กล่าวว่า ไม่อยากให้เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นกับผู้สมัครรายใด การเลือกตั้งก็เหมือนกับกีฬา ควรจะเป็นการแข่งขันที่สร้างสรรค์ ป้ายที่ถูกทำลายดังกล่าวตั้งอยู่ที่เขตดอนเมือง พหลโยธิน 60 กลางเมือง บริเวณป้ายรถเมล์ แต่ไม่สามารถหาตัวคนทำลายได้
สำหรับนายสกลธีกล่าวถึงการหาเสียงว่า จากนี้จะทำคอนเทนต์เพื่อลงสื่อออนไลน์และโทรทัศน์ เนื่องจากการลงพื้นที่ซึ่งมีหลายพื้นที่เป็นไปด้วยความยากลำบาก และในวันนี้ก็จะได้ลงพื้นที่เพื่อเปิดตัวทีมงาน เพื่อทำงานตามนโยบายที่ได้แถลงไว้แล้ว
"ป้ายที่ถูกทำลายมีคนส่งมาให้ดูจำนวนมาก แต่ไม่ได้มีการตรวจสอบ ไม่มีการแจ้งความ เพราะเป็นเรื่องเล็กน้อย ทั้งนี้ต้องขออภัยหากป้ายหาเสียงเกะกะหรือกีดขวางการจราจร เบื้องต้นได้สั่งให้ทีมงานแก้ไขแล้ว ทั้งนี้บางคนส่งรูปมาแต่ไม่ได้ระบุสถานที่จึงทำให้แก้ไขลำบาก" นายสกลธีกล่าว
ด้าน น.ส.รสนากล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่ได้เริ่มติดป้ายหาเสียง และจะไม่ติดป้ายในพื้นที่สาธารณะ แต่จะติดป้ายในพื้นที่เอกชนที่ยินดีจะให้ตนไปติด ซึ่งจะเริ่มต้นในวันที่ 7 เม.ย. เวลา 09.00 น. ที่ถนนเจริญนคร หลังจากนั้นจะลงพื้นที่ในการกระจายแผ่นพับต่างๆ ให้ชุมชนต่อไป
น.ต.ศิธา ทิวารี ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. พรรคไทยสร้างไทย ไปร่วมแสดงวิสัยทัศน์ในประเด็นนโยบายพื้นที่อาหารของเมือง ในเวทีปากท้องของคนกรุง ที่หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร โดยกล่าวถึงการหาเสียงเลือกตั้งว่า พรรคไทยสร้างไทยมีนโยบายงบตรงใจ แก้ปัญหาวิธีคิดของระบบราชการ ที่จัดงบประมาณและจัดโครงการไม่ตรงความต้องการของแต่ละพื้นที่ โดยจะใช้ระบบเทคโนโลยีสมัยใหม่มาบริหารจัดการ ที่ประชาชนจะมีส่วนร่วมในการบริหารงบประมาณ
นายแสนยากรณ์ สิงห์วีรธรรม โฆษกพรรคกล้า กล่าวว่า หลังจากเปิดรับสมัครเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.และ ส.ก.ได้ไม่กี่วัน ก็เริ่มเกิดปัญหาแย่งพื้นที่ทำลายป้ายหาเสียงแล้วหลายที่ โดยเฉพาะพื้นที่เขตจตุจักร ป้ายของผู้สมัคร ส.ก.พรรคกล้า ก่อนถึงที่ทำการพรรคพบว่าป้ายที่เคยติดบนเสาไฟฟ้าหล่นลงมากองกับพื้น แล้วแทนที่ด้วยป้ายของพรรคอื่น ซึ่งไม่รู้ว่าเป็นการกระทำของฝ่ายใด ป้ายบริเวณถนนงามวงศ์วาน ใกล้มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ถูกพบที่กองขยะ และอีกหลายป้ายโดนกรีด
"ขอให้ กกต.กทม. ฝ่ายปกครองและตำรวจในพื้นที่ ในฐานะที่มีหน้าที่ดูแลการเลือกตั้ง กวดขันตรวจตราป้ายหาเสียง เพื่อรักษาบรรยากาศการเลือกตั้งให้บริสุทธิ์ยุติธรรมกับทุกฝ่าย" โฆษกพรรคกล้ากล่าว
พปชร.วุ่นตั้ง ปธ.หาเสียง
วันเดียวกัน มีรายงานว่า เมื่อเวลา 21.49 น. คืนวันที่ 4 เม.ย. นายอภิชัย เตชะอุบล ผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการเลือกตั้งสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (ส.ก.) พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ได้ส่งคำสั่งศูนย์ฯ ว่าพรรค แต่งตั้งนางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เหรัญญิกพรรค เป็นประธานยุทธศาสตร์หาเสียงร่วมกับผู้สมัครเลือกตั้ง ส.ก. ให้แก่สื่อมวลชน โดยเป็นคำสั่งที่ลงนามในวันที่ 4 เม.ย.
ต่อมาเวลา 00.19 น. เจ้าหน้าที่พรรค พปชร.ได้ส่งคำให้สัมภาษณ์ของนางนฤมล ที่ปฏิเสธข่าวดังกล่าวว่า ตนไม่รับตำแหน่งใดๆ ในการเลือกตั้งท้องถิ่นครั้งนี้ และนายอภิชัยก็ไม่เคยมาหารือเรื่องดังกล่าวกับตนเลย นอกจากนี้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และหัวหน้าพรรคก็ไม่ได้มีการมอบหมายใดๆ
"ตนมีตำแหน่งเป็นกรรมการบริหารพรรค ต้องระมัดระวังในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้งท้องถิ่น ซึ่งจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการหาเสียงเลือกตั้ง ส.ก.อย่างแน่นอน โดยตนไม่ประสงค์ที่จะรับตำแหน่งดังกล่าว หน้าที่กำหนดนโยบายหาเสียง ลงพื้นที่หาเสียง และรายงานผล เป็นหน้าที่ของนายอภิชัย ในฐานะ ผอ.ศูนย์ฯ อยู่แล้วในคำสั่งที่ลงนามโดยหัวหน้าพรรค” นางนฤมลระบุ
จากนั้นนายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ในฐานะรองหัวหน้าพรรค พปชร. กล่าวถึงกรณีนายอภิชัยแต่งตั้งนางนฤมลเป็นประธานยุทธศาสตร์หาเสียงร่วมกับผู้สมัคร ส.ก. แต่นางนฤมลปฏิเสธว่า ตนไม่ทราบ ต้องถามนางนฤมล แต่โดยหลักการพรรคเราช่วยกันทำงานอยู่แล้ว ซึ่งกรรมการของเราทุกคนก็ช่วยกันหาเสียง หรือคิดนโยบายในการสนับสนุนการทำงานของ ส.ก.ในการหาเสียงเลือกตั้งครั้งนี้อยู่แล้ว
"การที่เรารับผิดชอบดูแลพื้นที่ใดพื้นที่หนึ่ง ไม่ได้หมายความว่าคนอื่นจะทำไม่ได้ แต่มันเป็นการช่วยกัน ไม่ได้เป็นปัญหาขัดแย้ง พรรค พปชร.มีบุคลากรและสมาชิกพรรคที่มีความรู้ความสามารถเยอะ เพียงแต่บทบาทอยู่ที่หัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารที่จะช่วยกันขับเคลื่อนตามกฎหมายเป็นหลักการ แต่เบื้องหลังเรามีทีมงานและสมาชิกพรรคที่กระจายไปช่วยทุกพื้นที่อยู่แล้ว ยืนยันว่าไม่มีความขัดแย้ง" นายชัยวุฒิกล่าว
อย่างไรก็ดี นายอภิชัยชี้แจงเรื่องดังกล่าวว่า เมื่อวันที่ 4 เม.ย. พรรคได้มีมติให้เสนอแต่งตั้งนางนฤมลเป็นประธานยุทธศาสตร์หาเสียงร่วมกับผู้สมัคร ส.ก. จึงได้แต่งตั้งไป ต่อมาวันที่ 5 เม.ย. นางนฤมลได้แจ้งว่าไม่สะดวกที่จะปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งดังกล่าว ตนจึงได้ยกเลิกคำสั่งดังกล่าว
ศูนย์สำรวจความคิดเห็น “สิงห์สยามโพล” คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยสยาม เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชนในเขตกรุงเทพมหานคร เรื่องการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.และ ส.ก. พบว่าส่วนใหญ่ร้อยละ 72.5 เห็นว่า ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.ไม่ควรสังกัดพรรคการเมือง (อิสระ) มีเพียงร้อยละ 27.5 เห็นว่าควรสังกัดพรรค ส่วนผู้สมัคร ส.ก. ร้อยละ 63.8 ก็เห็นว่าไม่ควรสังกัดพรรคการเมือง มีเพียงร้อยละ 36.2 ที่เห็นควรสังกัดพรรคการเมือง
ถามถึงประเด็นหาเสียงที่อยากฟังส่วนใหญ่ระบุว่า การแก้ปัญหาจราจร การเปิดกรุงเทพมหานครให้ใช้ชีวิตปกติ แก้ปัญหาน้ำท่วม เป็นต้น.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
โค้งสุดท้ายสังเวย393ศพ ศปถ.จ่อถอดบทเรียนอีก
โค้งสุดท้าย 10 วันอันตราย วันที่ 9 เกิดอุบัติเหตุรวม 2,322 ครั้ง
แจง4คนไทยติดขั้นตอน เย้ยรบ.-ทหารมีไว้ทำไม
กต.แจงลูกเรือประมงไทย 4 คนยังติดขั้นตอนปล่อยตัวจากเมียนมา
ขู่แก้รธน.ก่อนโดนสอยยกสภา
"เพื่อไทย" แทงกั๊กร่วมสังฆกรรมแก้ รธน.กับพรรคส้ม
เอาแน่‘กาสิโน’ขึ้นบนดิน
“ทักษิณ” สวมบทนายกฯ ตัวจริง ลุยหาเสียง อบจ.เชียงราย 3 แห่งรวด
ไม่กล้าเขี่ยพีระพันธ์ แม้วเกทับไฟฟ้าเหลือ3.70 จะทุบทุนผูกขาดทุกชนิด!
"พ่อนายกฯ" โชว์เหนือ จะทุบค่าไฟฟ้าเหลือ 3.70 ต่อหน่วย เ
‘อ้วน’ ยันปล่อย 4 คนไทยเร็วๆนี้
ครบรอบวันชาติเมียนมา 4 ลูกเรือประมงไทยรอเก้อ ยังไม่ได้รับการปล่อยตัว แต่อภัยโทษ 151 คนไทยถูกหลอกทำงานคอลเซ็นเตอร์