“ประยุทธ์” ยันงบ 100 ล้านจ้าง “ลิซ่า-โบเชลลี” มาจากงบแซนด์บ็อกซ์ที่ภูเก็ตและที่อื่นๆ “พิพัฒน์” ย้ำ 2 ศิลปินระดับโลกมาแน่ เชื่อคุ้มค่าเพราะกระตุ้นเศรษฐกิจได้แน่นอน เล็งชงในที่ประชุม ครม.สัญจรกระบี่ “ศบค.” แจงยอดติดเชื้อใหม่ 8,675 ราย เสียชีวิต 44 ราย ต่ำกว่าครึ่งร้อยครั้งแรก “หมอเบิร์ธ” เตือนระวังตัวช่วงงานบุญชุก “กรมควบคุมโรค” ลั่นไทยผ่านจุดติดเชื้อสูงสุดมาแล้ว แต่โพลกรมอนามัยบอก 94% วิตกเปิดประเทศ
เมื่อวันจันทร์ที่ 25 ตุลาคม นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ตอบคำถามสื่อมวลชนตามที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมมอบหมาย กรณีรัฐบาลใช้งบประมาณร้อยล้านบาทจ้างลิซ่า แบล็กพิงก์ และอันเดรอา โบเชลลี นักร้องโอเปราชาวอิตาลีร่วมงานเคาต์ดาวน์ปีใหม่ ซึ่งถูกวิจารณ์ว่าเป็นการใช้งบไม่คุ้มค่า ว่า พล.อ.ประยุทธ์ชี้แจงว่าขอให้แยกแยะว่ารัฐบาลได้ใช้จ่ายงบประมาณในการดูแลธุรกิจต่างๆ ไปอย่างไรและเท่าไหร่ ซึ่งกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาระบุว่าเป็นการโปรโมตการท่องเที่ยว ซึ่งงบประมาณที่ใช้ก็เป็นงบที่ได้รับเพิ่มเติมจากช่วงที่ผ่านมาในการเปิดภูเก็ตและอื่นๆ ที่มีผลประกอบการดีขึ้น เราต้องเน้นการโปรโมตการท่องเที่ยวประเทศไทยในการยกระดับการท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศด้วย
นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวเรื่องนี้ว่า จะเสนอเรื่องดังกล่าวเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) อย่างเป็นทางการนอกสถานที่ ที่จังหวัดกระบี่ ในช่วงเดือน พ.ย.นี้ โดยจะมีภาคเอกชนมาร่วมเป็นสปอนเซอร์
ผู้สื่อข่าวถามว่า ศิลปินที่จะเชิญมาร่วมงานมีการตอบรับมาแล้วหรือยัง นายพิพัฒน์กล่าวว่าตอนนี้ยัง ต้องขอดูสัญญาในวันที่ 30 ต.ค.ที่จะส่งมาก่อน โดยศิลปินที่จะมาคือลิซ่าเพียงคนเดียว ไม่ได้มาทั้งวง โดยชัดเจนแล้วว่าจะมีลิซ่าและโบเชลลี ซึ่งจะมาโปรโมตเรื่องการท่องเที่ยว ส่วนในด้านอื่นๆ ต้องหารือกันก่อน ส่วนที่วิจารณ์ว่าใช้งบไม่คุ้มค่านั้น ต้องให้รอดูความคุ้มค่าทางเศรษฐกิจและสังคมก่อน เพราะเชื่อว่าศิลปินทั้งสองคนจะกระตุ้นเศรษฐกิจได้แน่นอน
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.สาธารณสุข กล่าวยืนยันการใช้งบทุกอย่างคุ้มค่าทุกบาททุกสตางค์แน่นอน
ขณะเดียวกัน พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค.แถลงสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ในไทยว่า พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 8,675 ราย ทำให้ยอดผู้ติดเชื้อสะสมยืนยันตั้งแต่ปี 2563 จำนวน 1,859,157 ราย หายป่วยเพิ่มขึ้น 9,589 ราย ทำให้มียอดหายป่วยสะสมตั้งแต่ปี 2563 จำนวน 1,740,316 ราย อยู่ระหว่างรักษา 100,042 ราย อาการหนัก 2,437 ราย ใส่ท่อช่วยหายใจ 536 ราย เสียชีวิตเพิ่มขึ้น 44 ราย เป็นชาย 19 ราย หญิง 25 ราย เป็นผู้เสียชีวิตที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป 30 ราย มีโรคเรื้อรัง 12 ราย พบผู้เสียชีวิตมากสุดอยู่ที่ จ.นครศรีธรรมราช 6 ราย รองลงมาคือ กทม. 5 ราย ทำให้มียอดผู้เสียชีวิตสะสมตั้งแต่ปี 2563 จำนวน 18,799 ราย ส่วนยอดผู้ได้รับวัคซีนของไทยเมื่อวันที่ 24 ต.ค. มีการฉีดวัคซีนเพิ่มเติม 226,178 โดส รวมยอดฉีดวัคซีนสะสมตั้งแต่วันที่ 28 ก.พ.ทั้งสิ้น 70,505,802 โดส
พญ.อภิสมัยกล่าวอีกว่า 10 จังหวัดที่มีผู้ติดเชื้อสูงสุดวันที่ 25 ต.ค. ได้แก่ กทม. 903 ราย, ปัตตานี 618 ราย, สงขลา 586 ราย, นครศรีธรรมราช 582 ราย, เชียงใหม่ 352 ราย, นราธิวาส 352 ราย, ยะลา 340 ราย, ชลบุรี 295 ราย, สมุทรปราการ 274 ราย และตรัง 248 ราย ทั้งนี้จะเห็นว่าใน 10 จังหวัดที่มีผู้ติดเชื้อสูงสุด มีบางจังหวัดอยู่ในกลุ่ม 17 จังหวัดนำร่องด้านการท่องเที่ยว คือ กทม.และสมุทรปราการ นอกจากนี้ยังพบการติดเชื้อของบุคลากรทางการแพทย์ในหลายจังหวัด โดยเฉพาะ กทม.และปริมณฑล จึงขอเรียนประชาชนว่าหากมีอาการทางเดินหายใจ เมื่อเดินทางไปโรงพยาบาลขอให้บอกข้อมูลให้ครบถ้วน เพราะหากบุคลากรทางการแพทย์ติดเชื้อโควิด-19 จะต้องกักตัวและเสียกำลังคน ขณะเดียวกันยังพบคลัสเตอร์ใหม่ๆ ในหลายพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็นโรงงานและบริษัทเอกชนใน จ.ประจวบคีรีขันธ์ กลุ่มแรงงานใน จ.แม่ฮ่องสอน อีกทั้งยังพบในชุมชนและตลาดในหลายจังหวัด อาทิ เชียงใหม่, ลพบุรี และเพชรบุรี ขณะที่ 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้พบการติดเชื้อในวงน้ำชาที่มักล้อมวงดื่มกันยามเช้า รวมถึงวงน้ำกระท่อมที่ล้อมวงดื่มโดยใช้แก้วเดียวกัน
พญ.อภิสมัยกล่าวว่า ในการประชุม ศบค.ส่วนหน้า ที่มี พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีเป็นประธาน เพื่อแก้ปัญหาโควิด-19 พื้นที่ชายแดนใต้ ได้เน้นย้ำถึงการเสียชีวิตที่พบเป็นกลุ่มผู้สูงอายุและกลุ่มโรคเรื้อรังกว่า 90% คือคนที่ไม่ได้รับวัคซีนหรือรับวัคซีนไม่ครบ จึงตั้งเป้าระดมบุคลากรฉีดวัคซีนในพื้นที่เพิ่มขึ้น ส่วนที่มีหลายคนตั้งคำถามว่ายังมีการติดเชื้อในประเทศอยู่ แล้วการเปิดประเทศจะมีความเสี่ยงหรือไม่นั้น รายชื่อประเทศ 45 ประเทศ และ 1 เขตปกครองพิเศษฮ่องกงที่เราจะให้เดินทางเข้าไทยนั้น ต้องอยู่ที่พื้นที่ต้นทางด้วยว่า เขาอนุญาตให้ประชาชนของเขาออกนอกประเทศแล้วหรือยัง แต่ยืนยันเราวางเงื่อนไขทุกอย่างเพื่อความปลอดภัยและระบบสาธารณสุขของเรารับได้
พญ.อภิสมัยกล่าวตอนท้ายว่า ตลอดทั้งเดือน ต.ค.จะมีงานบุญกฐิน งานบุญบั้งไฟ ขอให้ทุกคนระมัดระวัง แต่ภาพข่าวที่ออกมาบางจังหวัดที่ยังห้ามรวมตัวเกิน 500 คน ปรากฏว่าเมื่อดูแล้วเกิน 500 คน จึงขอให้หน่วยงานรัฐเข้าไปเข้มงวดมาตรการ ขอให้จังหวัดกำชับว่าเรายังไม่ผ่อนคลายขั้นสูงสุด ต้องค่อยเป็นค่อยไป ขอให้ทุกคนยึดมาตรการป้องกันโควิด-19 แบบครอบจักรวาล
นพ.เฉวตสรร นามวาท ผู้อำนวยการกองควบคุมโรคและภัยสุขภาพในภาวะฉุกเฉิน กรมควบคุมโรค กล่าวว่า ไทยผ่านจุดการพบผู้ติดเชื้อใหม่สูงสุดกว่า 2 หมื่นรายมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยสถานการณ์ภาพรวมถือว่าลดลง โดยเฉพาะ กทม.และปริมณฑล แต่ชายแถนภาคใต้จะต่างออกไป พบการติดเชื้อ 23% ขณะที่จังหวัดอื่นๆ พบติดเชื้อ 60% ยังคงทรงตัว โดยจังหวัดที่ต้องจับตาคือ นครศรีธรรมราช, ตาก, ระยอง และจันทบุรี และที่มีแนวโน้มเพิ่มคือ เชียงใหม่และขอนแก่น ซึ่ง 6 จังหวัดดังกล่าวมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น 19%
นพ.เฉวตสรรกล่าวถึงกรณีไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่ (AY.4.2) ว่า เป็นสายพันธุ์ที่ต่อเนื่องจากสายพันธุ์เดลตา ซึ่งในช่วง 28 วันที่ผ่านมาพบการติดเชื้อในอังกฤษเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งไทยมีระบบเฝ้าระวังสายพันธุ์ย่อยต่างๆ อย่างต่อเนื่องอยู่แล้ว เมื่อตรวจสอบดูพบสายพันธุ์เดลตาพลัสเพียง 1 ราย
ด้าน นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า กรมได้สำรวจความคิดเห็นประชาชนตั้งแต่วันที่ 14-20 ต.ค.ถึงประเด็นคิดเห็นอย่างไรกับการเปิดประเทศ 1 พ.ย. พบว่าคนไทย 94% มีความกังวลกับการเปิดประเทศ โดยมีความเชื่อมั่นต่อการควบคุมป้องกันโรค 28% ในขณะที่ 72% มีความคิดเห็นว่า ควรเพิ่มมาตรการที่จะทำให้เชื่อมั่นว่าหากเปิดประเทศแล้วจะปลอดภัย ด้วยการเร่งฉีดวัคซีนให้ทุกคนทั่วประเทศครบตามเกณฑ์ครอบคลุมทุกจังหวัด 70% ขึ้นไป ให้มีการคุมเข้มการลักลอบเข้าประเทศอย่างผิดกฎหมาย ตามแนวชายแดน 60% และมีการกำกับ ติดตาม การปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคของสถานประกอบการและประชาชนอย่างเคร่งครัด 55% ตามลำดับ
นายอนุทินกล่าวว่า 4 จังหวัดชายแดนใต้สถานการณ์เริ่มนิ่งและมีแนวโน้มในทางลดลง หลังกรมควบคุมโรคได้เร่งจัดส่งวัคซีนลงไป และสัปดาห์นี้จะเร่งส่งวัคซีนไปยังจังหวัดที่เริ่มมีการระบาดมากขึ้น เช่นนครศรีธรรมราช เพื่อจะได้สามารถสร้างภูมิโดยเร็ว
ด้านสาธารณสุขจังหวัดสมุทรสาคร เผยตัวเลขล่าสุดของผู้ติดเชื้อโควิด-19 ว่า มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 78 ราย ไม่มีผู้เสียชีวิต ส่วนสถานการณ์การระบาดที่ จ.เชียงใหม่ พบผู้ติดเชื้อใหม่ 355 ราย และเสียชีวิตเพิ่ม 1 ราย ส่วนมากเป็นผู้ติดเชื้อตามคลัสเตอร์ในจังหวัด
ส่วนสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิดในพื้นที่ภาคใต้นั้น ที่ จ.นครศรีธรรมราชพบผู้ป่วยโควิด-19 เพิ่ม 624 ราย โดยติดเชื้อในจังหวัด 533 ราย พบในเรือนจำกลาง 91 ราย และเสียชีวิต 5 ราย ซึ่งน่าสังเกตว่าผู้ติดเชื้อในเรือนจำตรวจพบครั้งแรก 9 ราย วันที่ 2 พบเพิ่ม 2 ราย และวันที่ 3 พบเพิ่มอีก 11 ราย แต่ล่าสุดพบมากถึง 91 ราย โดยคาดว่าผู้ต้องขังในแดนนี้ 1,100 คน อาจจะมีผู้ติดเชื้อสูงถึง 1,000 คนก็เป็นได้ ส่วน จ.ปัตตานีพบผู้ป่วยพุ่งอีก 621 ราย แต่ไม่พบผู้เสียชีวิตรายใหม่ ขณะที่ จ.สงขลาพบผู้ติดเชื้อเพิ่ม 586 ราย และไม่มีผู้เสียชีวิต ส่วนสถานการณ์ในพื้นที่ อ.เบตง จ.ยะลา พบผู้ติดเชื้อรายใหม่จำนวน 340 ราย ทั้งหมดตรวจหาเชื้อในรูปแบบ RT-PCR และเสียชีวิต 1 ราย.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
แฉระบบเด็กฝาก ทำลายองค์กรตร. ดับฝัน‘ดาวฤกษ์’
เช็ก 41 รายชื่อแต่งตั้งนายพลสีกากี ระดับรอง ผบ.ตร.-ผบช.
ยธ.เมินแจงกมธ. ปมนักโทษเทวดา รพ.ตำรวจชั้น14
ชั้น 14 น่าพิศวง "โรม" กวักมือเรียก “ทักษิณ” ไปสภา เข้าแจง กมธ.มั่นคงฯ
แจกเฟส2เอื้อเลือกอบจ. เตือนร้องถอดถอนครม.
นายกฯ โชว์วิชั่น Forbes ยันไทยสงบ สันติ หวังแม้รัฐบาลเปลี่ยน
ฟ้อง9บิ๊กมท.ทุจริตที่เขากระโดง
เรื่องถึงศาล "ณฐพร" ฟ้องกราวรูด "บิ๊ก ขรก.มหาดไทย"
ลุ้นศาลรับคดีล้มล้าง ตุลาการถก6ประเด็น‘ทักษิณ-พท.’/ดันแก้ประชามติไม่รอ180วัน
"ทักษิณ-พท." ระทึก! 9 ตุลาการศาล รธน.ยืนยันนัดประชุมวาระพิเศษ 22 พ.ย.นี้
สั่งประหารชีวิต ‘แอม ไซยาไนด์’ คุกผัวเก่า-ทนาย
ศาลพิพากษาประหารชีวิต "แอม ไซยาไนด์" วางยาฆ่าก้อย พร้อมชดใช้ 2.3 ล้าน