“ส.ว.สมชาย” ยันเดินหน้าสางคดี "แตงโม" ต่อ แม้แม่ขอถอนเรื่องออกจากชั้น กมธ.สิทธิมนุษยชนฯ เหตุเป็นคดีสาธารณะ ขอเป็นดับเบิลเช็กให้สังคม “ทนายนกเขา” ให้ปากคำ "ดีเอสไอ" ยังหวังรับเป็นคดีพิเศษ เตือน “ตำรวจ" หากส่งสำนวนให้อัยการแล้วคดีไม่จบต้องรับผิดชอบเจอ 157 "จ๊อบ" เข้ารับทราบข้อกล่าวหาทำลายหลักฐาน ตร.เผย "กระติก" รับสารภาพให้การเท็จ ขอหมายจับ "กุนซือคดีแตงโม" ช่วยเหลือยุยงให้กระทำผิด คาดปิดคดี 24 เม.ย.
ที่รัฐสภา วันที่ 4 เมษายน คณะกรรมาธิการ (กมธ.) สิทธิมนุษยชน สิทธิเสรีภาพและการคุ้มครองผู้บริโภค วุฒิสภา ที่มีนายสมชาย แสวงการ สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ในฐานะประธาน กมธ.เป็นประธานประชุม เพื่อพิจารณาการดำเนินงานตามอำนาจหน้าที่ในการสอบหาข้อเท็จจริง กรณีการเสียชีวิตของ น.ส.ภัทรธิดา (นิดา) พัชรวีระพงษ์ หรือแตงโม โดยได้เชิญผู้อำนวยการสำนักงานกฎหมาย และผู้บังคับบัญชากลุ่มงานรับเรื่องราวร้องทุกข์ สำนักงานประธานวุฒิสภาเข้าให้ข้อมูล
โดยนายสมชายให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมว่า จะพิจารณาภายหลังที่นางภนิดา ศิระยุทธโยธิน มารดาของ น.ส.ภัทรธิดาขอถอนเรื่องออกจาก กมธ. ซึ่งก็สามารถทำได้ แต่ที่ กมธ.รับเรื่องนั้นได้พิจารณาใน 2 เรื่องอยู่แล้ว ไม่ใช่เรื่องบุคคลธรรมดา แต่เป็นเรื่องที่กระทบต่อสาธารณะ และกระทบความเชื่อมั่นกระบวนการยุติธรรม อีกทั้งสังคมและสื่อมวลชนให้ความสนใจ และมีข้อสงสัยเป็นจำนวนมาก ยืนยันว่าจะเดินหน้าต่อแน่นอน เพราะขณะนี้เราได้พยานหลักฐานมาบางส่วนแล้ว เช่นกล้องวงจรปิดที่ได้มาจากการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย และผลการผ่าชันสูตรศพทั้ง 2 ครั้งที่ได้มาตั้งแต่ต้น มีเจ้าหน้าที่ของเราไปบันทึกข้อมูลไว้หมด
“คิดว่าเรื่องนี้ยังไม่จบ และเราจะทำหน้าที่ติดตามในฐานะฝ่ายนิติบัญญัติ เป็นดับเบิลเช็กให้สังคม และคงจะไม่ไปสั่งการหรือแทรกแซง ขอให้ตำรวจทำสำนวนได้อย่างสบายใจ เพราะต้องการให้เกิดความเชื่อมั่นในการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมของตำรวจด้วย ยืนยันว่าเราจะดำเนินการต่อ แม้แม่แตงโมจะถอนเรื่องไปแล้ว จนถึงขณะนี้ยังไม่ได้พูดคุยกับมารดา ส่วนหลังไมค์นายเดชา กิตติวิทยานันท์ ทนายความของมารดา น.ส.ภัทรธิดาก็พูดกับผมว่า กมธ.จะทำอะไรเขาไม่ได้ติดใจ แต่ในเมื่อเขามีหน้าที่มาถอนก็ถอน ซึ่งหลายเรื่องที่ทนายเดชาแถลงก็ใกล้เคียงกับข้อมูลที่เรามีอยู่” นายสมชายกล่าว
นายสมชายกล่าวว่า จากการสอบสวนของ กมธ.พบความเชื่อมโยงของบุคคลนอกเรือ โดยมีบุคคลที่เกี่ยวข้องกับหน่วยราชการที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีให้ข้อมูลกับ กมธ.ว่ามีที่ปรึกษา ซึ่งเดิมจะให้พามามอบตัว อาจจะเป็นคนแนะนำหรือไม่ก็ตาม แต่มีบุคคลภายนอกแน่นอน
ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นายนิติธร ล้ำเหลือ กลุ่มประชาชนคนไทย (ปท.) เข้าพบพนักงานสอบสวนดีเอสไอเพื่อให้ปากคำคดีการเสียชีวิตของ น.ส.ภัทรธิดา หลังจากได้ยื่นหนังสือขอให้ดีเอสไอรับเป็นคดีพิเศษ โดยนายนิติธรกล่าวว่า มาให้ปากคำในฐานะที่เป็นผู้ยื่นคำร้องคดีนี้ ส่วนตัวมองว่าคดีดังกล่าวเข้าข่ายคดีพิเศษเนื่องจากมีความสลับซับซ้อน โดยเฉพาะประเด็นเรื่องเสื้อผ้าของแตงโม และของผู้ที่อยู่บนเรือทั้งหมดตำรวจควรนำมาตรวจสอบเพื่อหาความสัมพันธ์กับบาดแผล รวมทั้งเศษดินทรายที่พบในปอดของผู้เสียชีวิต การตรวจพื้นน้ำและปริมาณของสิ่งต่างๆ ที่เข้าไปในร่างกาย เพราะจำนวนสิ่งของที่เข้าไปในร่างกายสามารถบอกได้ว่าจมน้ำลึกในระดับใด นอกจากนี้ยังมีเรื่องรอยแผลลักษณะเหมือนก้างปลาที่ขาด้านหลัง ซึ่งไม่ได้ถูกพูดถึงในการตรวจครั้งแรก ทั้งที่กระบวนการเหล่านี้ควรตรวจพบทันทีตั้งแต่พบร่างน้องแตงโมแล้ว
นายนิติธรกล่าวว่า ตนไม่เชื่อมั่นการทำหน้าที่ของตำรวจ แม้จะอ้างว่าทำเต็มที่แล้วก็ตาม แต่ไม่ทราบว่าเต็มที่ภายใต้อิทธิพลหรือผลประโยชน์ของใครหรือไม่ การปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจถือว่ายังมีข้อบกพร่อง ก่อนหน้านี้พบว่าไม่เป็นไปตามกฎหมาย ซึ่งตนก็พร้อมจะร้องทุกข์กล่าวโทษให้ดำเนินคดี ฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบตามมาตรา 157
“หากส่งสำนวนให้อัยการก่อนที่ดีเอสไอจะรับเป็นคดีพิเศษก็ไม่เป็นไร ผมเป็นทนายทำคดีสำคัญมามากมาย รู้ว่าอะไรทำได้หรือไม่ได้ ผมไม่หนักใจ แต่คนที่หนักใจคือ ตำรวจ หากคิดว่าส่งสำนวนให้อัยการแล้วคดีจบ ตามขั้นตอนมีกระบวนการที่จะดำเนินการต่อไป ถ้าคดีไม่จบแล้วไปทำให้จบ ผู้เกี่ยวข้องก็ต้องรับผิดขอบทั้งอัยการและตำรวจ ซึ่งในส่วนของดีเอสไอก็ดำเนินการต่อได้” นายนิติธรกล่าว
ที่ สภ.เมืองนนทบุรี นายนิทัศน์ กีรติสุทธิสาธร หรือจ๊อบ 1 ใน 5 ที่อยู่บนเรือ พร้อมทนาย ได้เข้าพบพนักงานสอบสวนเพื่อรับทราบข้อกล่าวหาตามหมายเรียก “ห้ามมิให้ผู้ใด เท ทิ้ง หรือทำด้วยประการใดๆ ให้ หิน กรวด ทราย ดิน โคลน อับเฉา สิ่งของ หรือสิ่งปฏิกูลใดๆ ยกเว้นน้ำมัน และเคมีภัณฑ์ลงในแม่น้ำ ลำคลอง บึง อ่างน้ำ หรือทะเลสาบ ฯ เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากเจ้าท่า พ.ร.บ.การเดินเรือฯ มาตรา 119 และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 184 เรื่องซ่อนเร้น ทำลายหลักฐาน” ซึ่งเมื่อนายนิทัศน์เดินทางมาถึง ก็ได้เดินขึ้นไปพบพนักงานสอบสวนทันทีโดยไม่ยอมให้สัมภาษณ์ใดๆ
ต่อมา น.ส.อิจศรินทร์ จุฑาสุขสวัสดิ์ หรือกระติก ผู้จัดการส่วนตัวแตงโม เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวนตามหมายเรียกเพื่อรับทราบข้อกล่าวหาให้การเท็จ ซึ่งเป็นคนสุดท้ายของ 5 คนบนเรือที่เข้ารับทราบข้อกล่าวหา โดยมีนายสิระ เจนจาคะ อดีต ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ เดินทางมาด้วย แต่ยังไม่ยอมให้สัมภาษณ์สื่อ
ด้าน พล.ต.ต.อุดร ยอมเจริญ รอง ผบช.ภ.1 ในฐานะโฆษกคดีการเสียชีวิตของแตงโม เปิดเผยถึงความคืบหน้าของคดีว่า การแจ้งข้อหาแต่ละคนแล้วแต่พยานคำให้การและหลักฐานประกอบแล้วแต่กรณี ส่วนผู้ที่เป็นกุนซือในคดีนี้ยืนยันว่ามี แต่ไม่ใช่ทนายตั้ม เบื้องต้นพบว่ามี 1 คนที่มีพยานหลักฐานเพียงพอ ข้อหามาตรา 184 เป็นผู้ใช้ให้กระทำความผิด และข้อหามาตรา 171, 182 สอดรับกันไป ภายใน 1-2 วันนี้จะไปขออนุมัติหมายจับจากศาล แต่จะเป็นใครไม่สามารถตอบได้ ถ้าศาลไม่ออกหมายจับก็จะออกหมายเรียกแทน กุนซือมีความเกี่ยวข้องทั้ง 5 คนบนเรือมีการสื่อสารพูดคุย การพูดคุยลักษณะที่เป็นความเห็น คำแนะนำคดีเกิดก่อน คดีเกิดหลัง การให้ความช่วยเหลือ มันเป็นสถานการณ์ที่เกี่ยวข้องกับรูปคดีทั้งหมด
พล.ต.ต.อุดรกล่าวอีกว่า การดำเนินคดีกุนซือไม่ได้มีการเบี่ยงเบนประเด็น เพราะคดีนี้ประชาชนสนใจ ไม่มีใครกล้าเบี่ยงเบนประเด็นแน่นอน พนักงานสืบสวนระวังเรื่องพวกนี้มาก คดีนี้ทำไปหมดแล้ว เหลือเพียงผู้ต้องหาคนสุดท้ายที่จะไปขออนุมัติหมายจับ ถ้าเขามาคดีนี้ก็เป็นไปตามไทม์ไลน์ที่เรากำหนดไว้ตามระยะเวลา 2 เดือน ส่วนผู้ต้องหาที่เข้าพบพนักงานสอบสวนทุกคนให้การปฏิเสธ เขาจะให้การอย่างไรก็ได้ เราฐานะพนักงานสอบสวนและสืบสวนมีหน้าที่รวบรวมให้ชัดเจนที่สุดไปสู่อัยการและศาลต่อไป
"ทุกอย่างอยู่ที่คำให้การ เมื่อให้การเซ็นคำรับรองในคำให้การ ถือเป็นพยานหลักฐานนำไปสู่ชั้นอัยการ ศาล เป็นตัววัดเจตนา ถ้าให้การเท็จวันหน้ามันก็จะให้การเท็จไปเรื่อยๆ สุดท้ายจะไปจบที่ศาล สังคมอย่าเพิ่งด่วนสรุปจบไม่เป็นธรรม หรือไม่สวยหรู หรือมีการเกี๊ยะเซียะกัน คดีนี้ข้อเท็จจริงมันอยู่ที่ 5 คนบนเรือ ถ้าให้การไม่ตรงกันคือสิ่งที่อันตรายที่สุด ถ้าให้การตรงกันแต่ต้นมันก็จบตั้งแต่ต้น ที่มันยืดยาวมาขนาดนี้ถ้าคดีนี้มีการให้การช่วยเหลือ ยุยง ไหว้วานให้กระทำความผิด มันทำให้คดียากขึ้นไปเรื่อยๆ พนักงานสอบสวนชุดนี้ทำอย่างเต็มที่ ไม่มีเกียจคร้าน สินบน รางวัลน้ำใจ หรือช่วยเหลือใครบางคน ไม่มีเด็ดขาด” พล.ต.ต.อุดรกล่าว
ต่อมา พ.ต.อ.จาตุรนต์ อนุรักษ์บัณฑิต ผกก.สภ.เมืองนนทบุรี เปิดเผยว่า หลังจากที่นายนิทัศน์ กีรติสุทธิสาธร และ น.ส.อิจศรินทร์ จุฑาสวัสดิ์ เข้าพบพนักงานสอบสวน สภ.เมืองนนทบุรี ตามหมายเรียกในวันนี้ ในเบื้องต้น น.ส.อิจศรินทร์ให้การยอมรับสารภาพว่าได้ให้การอันเป็นเท็จต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจจริง ทำให้หลังเซ็นรับทราบข้อกล่าวหาแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจเตรียมนำตัวส่งฟ้องศาลแขวงจังหวัดนนทบุรีต่อไป
ส่วนนายนิทัศน์เป็นการเดินทางเข้ามารายงานตัวตามหมายเรียก ซึ่งเป็นข้อหาไม่ร้ายแรง จึงไม่ต้องยื่นหลักทรัพย์ประกันตัวในวันนี้ เพียงแต่รับทราบข้อกล่าวหาและต้องเดินทางมาพบพนักงานสอบสวนตามเวลาที่นัดหมาย.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ฉายาสภาเหลี่ยม(จน)ชิน
ถึงคิวสื่อสภา ตั้งฉายา สส. "เหลี่ยม (จน) ชิน" จากการพลิกขั้วรัฐบาลเขี่ย
ตอกฝาโลงกิตติรัตน์ ‘กฤษฎีกา’ชี้ขาดคุณสมบัติ เหตุมีส่วนกำหนดนโยบาย
"กฤษฎีกา" ชี้ชัดสมัย "นายกฯ เศรษฐา" ตั้ง "กิตติรัตน์" เป็นประธานที่ปรึกษาของนายกฯ
‘เท้งเต้ง’ไม่ทน! ชงแก้ข้อบังคับ รมต.ตอบกระทู้
ทนไม่ไหว! “หัวหน้าเท้ง” หารือประธานสภาฯ ขอให้แก้ข้อบังคับการประชุม
แม้วพบอันวาร์กลางทะเล เตือนเสือกทุกเรื่องทำพัง!
ปชน.จี้ถามรัฐบาล “ทักษิณ” มีอำนาจจริงปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์หรือไม่
ให้กำลังใจจนท.ดูแลปีใหม่ เข้มงวด‘ความปลอดภัย’
นายกฯ ให้กำลังใจตำรวจ-กรมทางหลวง ทำงานหนักช่วงปีใหม่
กฤษฎีกาเอกฉันท์โต้งหมดสิทธิ์
กฤษฎีกามติเอกฉันท์ "กิตติรัตน์" ขาดคุณสมบัติ หมดสิทธิ์นั่ง "ประธานบอร์ดแบงก์ชาติ"