‘สมพร’โยนบาป‘สมัคร-มิตรผล’

"แม่ธนาธร" โวยลั่น! ที่ดินซื้อมา 30 ปีไม่เคยมีปัญหา จนกระทั่งลูกชายมาทำงานการเมือง ลูกก็โดนยัดคดีร้ายแรงให้สารพัด ตัวเองก็โดนร้องเรียนว่ารุกป่า กินป่า อ้างซื้อที่เพราะ "สมัคร" แนะให้ซื้อจึงดูน่าเชื่อถือ ทั้งที่บันทึกคำให้การรู้แต่แรกแล้วว่าที่ดินอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ หรืออาจจะอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ

เมื่อวันที่ 1 เมษายน 2565 นางสมพร จึงรุ่งเรืองกิจ ชี้แจงกรณีกรมที่ดินมีคำสั่งเพิกถอนหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.) 59 ฉบับ เนื้อที่รวม 2,111-1-69 ไร่ เนื่องจากอยู่ในเขตป่าไม้ถาวร ป่าฝั่งซ้ายแม่น้ำภาชี ที่ต่อมาได้ประกาศเป็นเขตป่าสงวนแห่งชาติ ซึ่งเป็นของนางสมพร และบุตรอีก 2 คน คือ น.ส.ชนาพรรณ จึงรุ่งเรืองกิจ และนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้าว่า รู้สึกเสียใจอย่างมากที่สังคมและสื่อต่างๆ ไปพาดหัวว่าตระกูลจึงรุ่งเรืองกิจรุกที่ป่า กินป่า เพราะนี่เป็นข้อหาที่ร้ายแรงสำหรับตนเองและครอบครัวที่ทำมาหากินสุจริตและตั้งใจช่วยเหลือสังคมอย่างเต็มกำลังมาโดยตลอด  และขอโอกาสชี้แจง เพื่อให้สังคมให้ความเป็นธรรม

นางสมพรกล่าวด้วยว่า ตนไม่ใช่ผู้ซื้อมือแรก โดยเอกสารสิทธิที่ดินออกตั้งแต่ปี 2521 โดยกรมที่ดินมีเจ้าหน้าที่เซ็นรับรองถูกต้องทุกอย่าง ต่อมาในปี 2533 ตนได้รับการแนะนำจากนายสมัคร สุนทรเวช ซึ่งในสมัยนั้นเป็นนักการเมืองสำคัญในบ้านเมือง ให้มาซื้อที่ดินจากบริษัทมิตรผลที่เป็นเจ้าของที่ดิน ซึ่งนายกมล ว่องกุศลกิจ กรรมการผู้จัดการบริษัทมิตรผลก็เป็นนักธุรกิจใหญ่ รู้จักกันดี เมื่อทั้งเจ้าของและผู้แนะนำให้ซื้อเป็นคนที่น่าเชื่อถือ จึงไม่คิดเลยว่าที่ดังกล่าวจะผิดกฎหมาย

 “ฉันยืนยันว่าครอบครัวเราไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการออกเอกสารสิทธิ น.ส.3 ก. ตอนที่ฉันซื้อที่ดินก็มีเอกสารสิทธิรับรองถูกต้องตามกฎหมาย ซื้อขายมาหลายทอดแล้ว และฉันก็ไม่มีอำนาจบารมีไปบังคับ ข่มขู่ ให้เจ้าหน้าที่ออกเอกสารสิทธิให้ ที่ดินก็เป็นที่ของบริษัทใหญ่ มีเครดิตดี คนแนะนำเป็นนักการเมืองใหญ่ เอกสารสิทธิก็มีเรียบร้อย เราจึงไม่คิดเลยว่าจะมีปัญหาอะไรทางกฎหมาย” นางสมพรกล่าว 

ส่วนกรณีที่มีสื่อบางสำนักเสนอข่าวว่านางสมพรเคยมีบันทึกกับกรมที่ดินว่ารับทราบอยู่แล้วว่าที่ผืนนี้เป็นที่ป่า นางสมพรยืนยันว่า เอกสารฉบับนี้เนื้อหาระบุแค่ว่าตนรับทราบว่าที่ดินแปลงนี้อาจเป็น หรือไม่เป็น ที่ป่าไม้ถาวรก็ได้ บันทึกถ้อยคำดังกล่าว สำนักงานที่ดินทำไว้เพื่อป้องกันไม่ให้ประชาชนฟ้อง ถ้ามีการเพิกถอนสิทธิในภายหลัง ซึ่งในกรณีนี้ กรมที่ดินเองก็ไม่รู้ว่าเป็นที่ป่าหรือไม่ แล้วตนเองเป็นราษฎรธรรมดาจะทราบได้อย่างไร

 “ฉันมีที่ดินผืนนี้มา 30 ปีไม่เคยมีปัญหาอะไร จนกระทั่งลูกชายมาทำงานการเมือง ลูกก็โดนยัดคดีร้ายแรงให้สารพัด ส่วนตัวฉันเองก็โดนร้องเรียนว่ารุกป่า กินป่า เป็นเรื่องเป็นราวเป็นคดีใหญ่โต ฉันยืนยันตรงนี้ว่าที่ผืนนี้ ถึงจะซื้อมาถูกกฎหมายทุกประการ มีเอกสารสิทธิเรียบร้อย แต่อยู่มาวันหนึ่งรัฐบอกว่าผิด จะเพิกถอน ฉันไม่มีปัญหา แต่ต้องไปพิสูจน์ถูกผิดกันตามกฎหมาย ถ้าออกมาว่าเป็นป่าจริง ฉันยินดีคืนที่ให้ แต่อย่ามากล่าวหาว่าครอบครัวฉันโกงบ้านโกงเมืองเด็ดขาด” นางสมพรกล่าว

ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 5 มี.ค.2564 สำนักข่าวอิศราได้เผยแพร่บันทึกถ้อยคำ 2 ฉบับ ที่นางสมพร จึงรุ่งเรืองกิจ น.ส.ชนาพรรณ จึงรุ่งเรืองกิจ ผู้ซื้อที่ดินกับผู้ขายที่ดิน รับทราบต่อหน้าพนักงานเจ้าหน้าที่ว่า น.ส.3 ก. อยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ แต่ยืนยันจดทะเบียนนิติกรรมซื้อขายที่ดิน มีรายละเอียดดังนี้

ฉบับแรก บันทึกถ้อยคำของนางสมพร จึงรุ่งเรืองกิจ ระบุว่า

 “ตามที่ข้าพเจ้าทั้งสองฝ่ายได้ยื่นคำขอจดทะเบียนและนิติกรรมขายที่ดินแปลงเครื่องหมายดังกล่าวข้างบนนี้ ข้าพเจ้าทั้งสองฝ่ายทราบแล้วว่าที่ดินแปลงนี้อยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ หรืออาจจะอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติตามหนังสือกรมที่ดินที่ มท.0700/ว.2064 ลงวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2529 เรื่องการจดทะเบียนเกี่ยวกับที่ดินที่ยังมีปัญหาสงสัยว่าหนังสือแสดงสิทธิในที่ดินนั้นจะออกไปโดยไม่ชอบ ข้อ 2 ความว่า ‘ถ้าเป็นกรณีที่ยังมีปัญหาหรือข้อสงสัยว่าการออกหนังสือแสดงสิทธิในที่ดินนั้นได้ออกไปโดยคลาดเคลื่อนหรือไม่ชอบด้วยกฎหมาย และผู้มีอำนาจในการสั่งแก้ไขหรือเพิกถอนหนังสือแสดงสิทธิในที่ดินยังพิจารณาไม่ยุติ ก็ให้พนักงานเจ้าหน้าที่รับจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมใดๆ ต่อไปได้ แต่ก่อนจดทะเบียนให้พนักงานเจ้าหน้าที่แจ้งให้คู่กรณีทราบถึงเหตุที่หนังสือแสดงสิทธิในที่ดินนั้นอาจจะถูกแก้ไขหรือเพิกถอน หากคู่กรณีทราบแล้วแต่ยังประสงค์จะจดทะเบียนก็ให้บันทึกถ้อยคำไว้แล้วจดทะเบียนต่อไปได้’

 “พนักงานเจ้าหน้าที่ได้แจ้งให้ข้าพเจ้าทั้งสองฝ่ายทราบข้อความข้างต้นแล้ว และที่ดินแปลงดังกล่าวนี้อยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ หรืออาจจะไม่อยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ จึงอาจจะถูกแก้ไขหรือเพิกถอนได้ ข้าพเจ้าทั้งสองฝ่ายมีความประสงค์ขอให้พนักงานเจ้าหน้าที่ทำการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมให้แก่ข้าพเจ้าด้วย หากมีการแก้ไขหรือเพิกถอนหรือเกิดการเสียหายไม่ว่ากรณีใดๆ เกี่ยวกับที่ดินแปลงนี้ ข้าพเจ้าทั้งสองฝ่ายขอรับผิดชอบเองทั้งสิ้น ไม่เกี่ยวกับพนักงานเจ้าหน้าที่ผู้จดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมและทางราชการที่จะต้องรับผิดชอบแต่อย่างใด”

ฉบับที่สอง บันทึกถ้อยคำของ น.ส.ชนาพรรณ จึงรุ่งเรืองกิจ วันที่ 19 มิ.ย.2540 ระบุว่า

 “ตามที่ข้าพเจ้าทั้งสองฝ่ายได้ยื่นขอจดทะเบียนขายที่ดินแปลงเครื่องหมายข้างบนนี้ ข้าพเจ้าได้ตรวจบริเวณที่ดินแปลงนี้จากระวางรูปถ่ายทางอากาศ หมายเลข 4836 / แผ่นที่ 104 ซึ่งในระวางฯ ระบุว่า ที่ดินอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติหมายเลข 85 และเจ้าหน้าที่แจ้งให้ข้าพเจ้าทั้งสองฝ่ายทราบแล้วว่า หลักฐาน น.ส.3 ก. ฉบับดังกล่าว อาจออกไปโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งต่อไปทางราชการอาจดำเนินการแก้ไขหรือเพิกถอน น.ส.3 ก.ได้ ซึ่งทำให้การซื้อขายที่ดินครั้งนี้เป็นโมฆะ ข้าพเจ้าทั้งสองฝ่ายทราบและเข้าใจดีแล้ว แต่ข้าพเจ้าขอยืนยันให้พนักงานเจ้าหน้าที่จดทะเบียนขายที่ดินให้ข้าพเจ้าครั้งนี้ได้ หากเกิดการเสียหายใดๆ ขึ้นเกี่ยวกับการนี้ ข้าพเจ้าขอรับผิดชอบเองทั้งสิ้น ไม่เกี่ยวกับเจ้าหน้าที่แต่อย่างใด".

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง