เช็กให้ชัวร์ก่อนสมัครผู้ว่า-สก.

กกต.แจงการเลือกตั้ง กทม.  เตือนผู้สมัครเช็กคุณสมบัติตัวเองให้ชัวร์   สมัยวัยรุ่นเมื่อ 30 ปีที่แล้วเคยเป็นเจ้ามือไฮโลขาดคุณสมบัติแล้วมาสมัครมีโทษหนัก พร้อมจัดชุดเคลื่อนที่เร็ว-วอร์รูมการข่าวป้องกันทำผิดเลือกตั้ง ชวน ปชช.แจ้งเบาะแสทุจริตเงินรางวัลสูงสุด 1 แสนบาท "บิ๊กตู่" วางสเปกผู้ว่าฯ กทม. ต้องเป็นคนมีคุณภาพ มีทัศนคติที่ดี ไทยสร้างไทยชูเลือก "ศิธา" แถม "สุดารัตน์"

เมื่อวันที่ 30 มีนาคม 2565 ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายแสวง บุญมี เลขาธิการ กกต. แถลงข่าวการเลือกตั้งกรุงเทพมหานครและเมืองพัทยา ว่าการเลือกตั้ง กทม.ครั้งนี้มีตัวเลขผู้มีสิทธิเลือกตั้ง 4,374,131 คน หน่วยเลือกตั้ง 6,886 หน่วย ทั้งนี้ เวลาเลือกตั้งทุกครั้งมักจะเกิดเรื่องเกี่ยวกับคุณสมบัติว่า กกต.ตรวจคุณสมบัติไม่ดีหรืออย่างไร จึงมีการมาดำเนินคดีตอนหลัง ทำไมไม่คัดตั้งแต่ต้น ยืนยันสำนักงานไม่ได้ละเลยในการตรวจสอบคุณสมบัติ ถ้ามีอยู่ในฐานข้อมูลของรัฐบาลเราตรวจสอบได้ ยกเว้นบางข้อมูลไม่มีอยู่ในฐานข้อมูลราชการ ข้อมูลเก่าที่ไม่ได้มีการลงในระบบฐานข้อมูล หรือเป็นข้อมูลของผู้สมัครเอง กฎหมายจึงให้ผู้สมัครรับรองตัวเอง เพราะหากตรวจสอบภายหลังว่าไม่มีคุณสมบัติก็จะถูกดำเนินคดี ส่วนการหาเสียง จะมีเรื่องเจ้าหน้าที่ของรัฐใช้ตำแหน่งหน้าที่ในการหาเสียง ปัญหาความเป็นกลางทางการเมือง การเบียดบังเวลาหรือทรัพย์สินของรัฐในการหาเสียง เป็นต้น

ส่วนเรื่องการนับคะแนน จำนวนบัตรกับผู้ใช้สิทธิไม่ตรงกันเกิดขึ้นได้ แต่เราสามารถตรวจสอบได้ด้วยขั้นตอนที่เรามี แต่อาจจะช้า ไม่มีเคสไหนที่เราตรวจสอบไม่ได้ ทั้งนี้ กฎหมายท้องถิ่นกำหนดว่าหากต่างกันให้ลงคะแนนใหม่ หรือนับคะแนนใหม่เท่านั้น ต่างจากการเลือกตั้ง ส.ส.ที่กำหนดให้เป็นดุลยพินิจของ กกต. ส่วนกรณีที่ผ่านมาคนบอกว่า กกต.เงียบ ไม่ค่อยพูดเรื่องของตัวเอง ยืนยันว่าเราจะพูดในเรื่องที่คนเข้าใจผิดเท่านั้น และสำนักงานพยายามแสวงหาความร่วมมือจากทุกฝ่าย ขณะนี้ก็มีแนวความคิดนำคะแนนหน้าหน่วยเผยแพร่ในอินเทอร์เน็ตเพื่อให้ทุกคนสามารถตรวจสอบได้ และกำลังมีการพูดคุยกับสื่อมวลชนถึงแนวทางการรายงานผลคะแนนการเลือกตั้งอย่างไม่เป็นทางการ

ด้าน ร.ต.อ.ชนินทร์ น้อยเล็ก รองเลขาธิการ กกต. ชี้แจงว่า จากการเลือกตั้งท้องถิ่นที่ผ่านมา การสมัครมีการกระทำผิดมากมาย โดยในการเลือกตั้ง อบจ. มีการร้องเรียน 700 เรื่อง การเลือกตั้งเทศบาล 1,700 เรื่อง การเลือกตั้ง อบต. 1,900 เรื่อง มีทั้งที่มีสาระและไม่เป็นสาระ แต่ล้วนแต่เป็นเรื่องที่มีโทษหนัก จำคุก 1-10 ปี ปรับ 20,000-200,000 บาท เพิกถอนสิทธิ 20 ปี โดยเรื่องร้องเรียนมากที่สุดคือการให้หรือสัญญาว่าจะให้ ตามมาตรา 65 พ.ร.บ.เลือกตั้งท้องถิ่น

ทั้งนี้ ต้องฝากเตือนผู้สมัครเรื่องคุณสมบัติ เพราะในการสมัครเลือก ส.ว.ที่ผ่านมา มีผู้ขาดคุณสมบัติและกระทำผิดจำนวน 300 คน การเลือกตั้ง ส.ส.จำนวน 200 คน และผู้สมัครเลือกตั้งท้องถิ่นกว่า  1,000 คน ดังนั้นขณะนี้ถือว่ามีเวลา ขอให้ผู้สมัครศึกษาคุณสมบัติตามมาตรา 50 ให้ดี ซึ่งเป็นคุณสมบัติระดับเทพ อย่าคิดว่ามีเวลา มีพวก มีเงินเท่านั้น หรือคิดว่าสมัครครั้งหนึ่งในชีวิต เพราะบางคุณสมบัติท่านจะรู้ตัวท่านเอง เช่น สมัยวัยรุ่นเมื่อ 30 ปีที่แล้วเคยเป็นเจ้ามือไฮโล ต้องดู 26 วงเล็บ โดยเฉพาะที่เขียนว่า “เคย” คุณสมบัติจะไม่กลับมา ถ้าสมัครแล้วถอนไม่ได้ หรือถ้าได้รับการรับรองผลไปแล้ว แต่ต่อมา กกต.ตรวจพบส่งศาลก็ต้องโดนใบดำ การจะมาต่อสู้ว่ารู้เท่าไม่ถึงการณ์ก็ไม่ได้ เพราะเป็นเรื่องคุณสมบัติที่ต้องรู้ตัวเอง ดังนั้นให้ระมัดระวังตรวจสอบตัวเองให้ดี

“ที่ผมเป็นห่วงมากคือผู้สมัคร ต้องตรวจคุณสมบัติตัวเองให้ดี พวกที่ก้ำกึ่ง 50/50 เช่นถูกไล่ออก ไม่แน่ใจอย่ามาสมัคร เพราะเราสามารถตรวจเจอแน่นอน ตอนนี้ยังมีเวลาตัดสินใจ แต่หากไปสมัครแล้วไม่สามารถถอนการสมัครได้ ต้องคิดว่าจะอยู่มีชีวิตปกติทำอะไรก็ได้ 100 เปอร์เซ็นต์ หรือจะอยู่แบบคนถูกเพิกถอนสิทธิ ทำอะไรก็ไม่ได้ เลือกตั้งก็ไม่ได้ ลงสมัครกำนันผู้ใหญ่บ้านก็ไม่ได้” ร.ต.อ.ชนินทร์กล่าว

นอกจากนั้นมีรางวัลการให้เบาะแสข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการทุจริตเลือกตั้งสำหรับประชาชน ซึ่งต้องเป็นเบาะแสที่มีข้อมูลนำพาไปสู่การดำเนินการสืบสวนไต่สวนจนถึงขั้นเอาผิดได้ หากข้อมูลนำไปสู่การไต่สวนของ กกต.จังหวัด จะได้รับเงินรางวัล 5,000 บาท แต่หากไปถึงชั้นศาลตัดสินจะสูงสุด 100,000 บาท อย่างไรก็ตาม ขอเตือนประชาชนว่าการซื้อเสียงไม่ใช่แค่ผู้ให้เงินที่มีความผิด แต่ผู้รับเงินก็มีความผิดด้วยเช่นกัน โดยมีอัตราโทษจำคุกสูงสุด 10 ปี ปรับถึง 100,000 บาท ดังนั้นต้องเลือกว่าจะเอาเงินพันหรือเงินแสน  อย่างไรก็ตาม ในการเลือกตั้ง กทม.และเมืองพัทยาในครั้งนี้ กกต.ได้ร่วมกับ กทม. และจังหวัดชลบุรี จัดชุดเคลื่อนที่เร็วรวม 52 ชุด ชุดการข่าว 13 ชุด ส่วนกลาง 10 ชุด มีห้องปฏิบัติการข่าว หากได้ข่าวก็จะส่งข้อมูลไปที่ชุดเคลื่อนที่เร็วในพื้นที่ โดยประชาชนสามารถแจ้งเบาะแสผ่านแอปพลิเคชันตาสับปะรด

ร.ต.อ.ชนินทร์ยังกล่าวอีกว่า ส่วนการจัดทำโพลสำรวจความคิดเห็นประชาชนของสื่อนั้น กฎหมายกำหนดให้สามารถทำได้ โดยต้องเป็นไปตามหลักวิชาการ ไม่มีลักษณะเป็นการชี้นำ แต่ห้ามเผยแพร่ในช่วง 7 วันก่อนวันเลือกตั้ง ส่วนการติดป้ายหาเสียงนั้น กฎหมายกำหนดให้คำนึงถึงความเหมาะสม เป็นระเบียบเรียบร้อย ไม่บดบังทัศนียภาพ การจราจร และความสะอาด ซึ่งหากใครพบว่ามีการทำผิดสามารถไปแจ้งความเป็นคดีอาญาตามมาตรา 66 ซึ่งมีโทษจำคุกไม่เกิน 1 เดือน ปรับไม่เกิน 10,000 บาท และหากการกระทำนั้นมีผลให้การเลือกตั้งไม่สุจริตเที่ยงธรรม ก็จะย้อนกลับมาเป็นใบดำได้   ส่วนเรื่องการหาเสียง ห้ามหาเสียงหลัง 18.00 น.ของวันก่อนวันเลือกตั้ง รวมทั้งการกดแชร์โพสต์หาเสียงในสื่อโซเชียลก็จะเข้าข่ายเป็นการหาเสียงด้วย

น.ส.มาณวิกา ทองประเสริฐ รอง ผอ.กกต.กทม. ชี้แจงว่า กกต.ได้แต่งตั้งมีผู้ตรวจการการเลือกตั้ง 8 คน นอกจากนั้นมีการประสานผู้บัญชาการตำรวจนครบาล แต่งตั้งชุดเคลื่อนที่เร็วทุก 50 เขต เขตละ 3 คน รวมทั้งหมด 150 คน เพื่อป้องปรามการกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง นอกจากนั้นจะมีการอบรมการเลือกตั้งสมานฉันท์ ในวันที่ 5 เม.ย. เพื่อให้ความรู้และสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับกฎหมายและระเบียบต่างๆ แก่ผู้สมัคร เพื่อลดการกระทำผิดกฎหมาย เนื่องจาก กทม.ห่างเหินจากการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. 9 ปี การเลือกตั้ง ส.ก. 13 ปี โดยคาดการณ์ว่าจะมีผู้สมัครประมาณ 300 คน

ที่โกดังสเตเดียม เกษมราษฎร์ ย่านคลองเตย พรรคไทยสร้างไทยเปิดตัว น.ต.ศิธา ทิวารี ว่าที่ผู้สมัครผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) และเปิดตัวสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (ส.ก.) ทั้ง 50 เขต ในนามพรรคไทยสร้างไทย โดยมีคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานพรรค เป็นประธานเปิดกิจกรรม มีผู้บริหารพรรค ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.และ ส.ก.ไทยสร้างไทย และประชาชนเข้าร่วม ท่ามกลางมาตรการคัดกรองและป้องกันเชื้อไวรัสโควิด-19 ตามมาตรการสาธารณสุข

โดยคุณหญิงสุดารัตน์กล่าวว่า สมัยอยู่พรรคพลังธรรม เคยทำให้ผู้สมัคร ส.ก.และผู้สมัคร ส.ข. ชนะถล่มทลายมาแล้ว เราจะสร้างประวัติศาสตร์ให้เกิดขึ้นอีกครั้ง เหตุผลที่ต้องส่งผู้ว่าฯ กทม.และ ส.ก.ในนามพรรค เพราะว่าอำนาจไม่ได้อยู่ผู้ว่าฯ กทม.คนเดียว ต้องเกี่ยวพันในสภาและรัฐบาล ไปหัวเดียวโด่เด่ทำไม่ได้ ไม่มีใครเป็นฮีโร่แก้ปัญหาให้คน กทม.ได้คนเดียว ต้องมีพรรคการเมือง มี ส.ส.สนับสนุนการทำงานของผู้ว่าฯ กทม.ด้วย นี่คือทีมไทยสร้างไทย ขอสัญญาจะเอาความทุกข์ของพี่น้องคนกรุงมาอยู่บนบ่าสุดารัตน์และพรรคไทยสร้างไทยเพื่อแก้ปัญหา  จึงขอให้เลือก น.ต.ศิธาเป็นผู้ว่าฯ และ ส.ก.ของพรรคทั้ง 50 เขต แล้วจะได้สุดารัตน์ไปทำงาน

ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงการเปิดรับสมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.และ ส.ก.ว่า สิ่งสำคัญคือคนที่จะเข้ามารับหน้าที่เหล่านั้นเป็นคนที่มีคุณภาพหรือไม่ เป็นคนที่เป็นแบบอย่างสังคมหรือไม่ เป็นคนที่มีทัศนคติที่ดีหรือไม่ เรื่องความสามารถโอเค ทุกคนเข้าเกณฑ์หมด อย่างที่ตนได้กล่าวมาแล้ว การคิดกับการพูดฟังแล้วดูดี ถ้าเทียบกับการที่ตนพูด หลายคนบอกตนพูดได้ไม่ดี แต่ตนอยากรู้ว่าสิ่งที่พูดกับสิ่งที่คิดมันทำได้จริงหรือไม่ และสิ่งที่เขาทำมาจนถึงทุกวันนี้มันอยู่ตรงไหน ฉะนั้นถ้าจะหาเสียง ลองถามต่อไปสิว่าของเดิมที่ทำมาแล้วมีอะไรบ้าง เขารู้หรือยัง และจะทำอะไรต่อตรงนั้น หรือจะทำอะไรใหม่ ถ้ามารื้อทิ้งทั้งหมดถามว่าจะไปได้อย่างไร

“เหมือนตึก ต้นไม้ ที่ต้องมีรากฐาน โตขึ้นมาเป็นต้นไม้มีดอกผล มีลูกหลาน เจริญเติบโตออกมาจากไหน มันมาจากรากฐาน มาจากพ่อแม่ ฉะนั้นผมไม่อยากให้ทุกคนลืมตรงนี้ คือลืมรากเหง้าของตนเอง รากเหง้าของประเทศไทย ไม่งั้นมันอยู่ไม่ได้หรอก ต้นไม้ทุกต้นก็ต้องพร้อมตาย สังคมก็ล่มอะไรก็ล่มไปหมด เราต้องการแบบนั้น และหวังอย่างยิ่งใครจะได้ตำแหน่งหรือเป็นอะไรขึ้นมาก็ตาม ในตำแหน่งนั้นตำแหน่งนี้ ขอให้ทำให้สำเร็จเถอะ แล้วเข้ามาแก้ปัญหาที่ผมเจอมาหลายร้อยปัญหา และพยายามแก้มา แก้ให้ได้จริงๆ ก็แล้วกัน ฉะนั้นฝากถึงประชาชน เราต้องเลือกนักปฏิบัติที่ทำงานได้จริง ทำงานได้สำเร็จ มีผลงานปรากฏ ไม่ว่าจะอาชีพใดก็แล้วแต่ ที่ผ่านมาสำเร็จหรือไม่สำเร็จ ซึ่งเป็นสิทธิ์ของท่าน 1 สิทธิ์ 1 เสียงอยู่แล้ว อย่าเอาผมเข้าไปยุ่งเกี่ยวเลยนะ ขอบคุณนะครับ” พล.อ.ประยุทธ์กล่าวพร้อมเดินออกจากโพเดียม

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวถึงกรณีขณะนี้มีการเปิดตัว ส.ก.อย่างคึกคักว่า พปชร.จะเปิดตัว ส.ก.พปชร. จำนวน 50 คน ถ้าไม่มั่นใจก็คงไม่ส่ง ส่วนจะได้หรือไม่ได้เป็นอีกเรื่องหนึ่งก็แล้วแต่ประชาชน

ที่กระทรวงยุติธรรม นายโฆสิต สุวินิจจิต ได้ยื่นหนังสือขอลาออกจากตำแหน่งคณะที่ปรึกษา รมว.ยุติธรรม และทุกตำแหน่งในกระทรวงยุติธรรม และให้สัมภาษณ์ว่ามีความประสงค์ที่จะไปรับใช้ชาติบ้านเมือง ด้วยการสมัครรับเลือกตั้ง ในตำแหน่งผู้ว่าฯ กทม. ที่ตนมีความมุ่งมั่นตั้งใจมากว่า 9 ปี.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'สมชาย' กระทุ้ง กกต. ไล่บี้สอย สว. ที่มีลักษณะต้องห้าม

นายสมชาย แสวงการ อดีตสภาวุฒิสภา โพสต์ข้อความผ่านโซเชียลมีเดีย มีเนื้อหาทำงาน จดหมายเปิดผนึก:ข้อเสนอสาธารณะถึงคณะกรรมการการเลือกตั้งหรือกกต. เพื่อพิจารณาตรวจสอบคุณสมบัติและลักษณะต้องห้าม ของสว.กลุ่ม18 สื่อสารมวลชน และสวกลุ่มต่างๆทั้ง 20 กลุ่ม

'กรพด' ลั่น! ไม่เคยเข้าคุก ยินดีให้กกต.ตรวจสอบ เล็งฟ้องคนทำเสียหาย

ที่รัฐสภา ว่าที่ พ.ต.กรพด รุ่งหิรัญวัฒน์ สว.กลุ่ม18 สื่อสารมวลชน ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)สั่งสอบห

ก้าวไกลเพ้อชนะยุบพรรค!

ใจดีสู้เสือ! "ชัยธวัช" เชื่อ "ก้าวไกล" มีโอกาสชนะสูง อ้างยิ่งศาล รธน.ปิดไต่สวน "คดียุบพรรค" ก็ยิ่งมั่นใจในคำแถลงปิดคดี ปลุกกองเชียร์ 7 ส.ค.

'ก้าวไกล' มองคดียุบพรรคไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ตอนนี้เตรียมพร้อมเป็นรัฐบาล เลือกตั้งครั้งหน้า

นายชัยธวัช ตุลาธน สส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคก้าวไกล, นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สส.บัญชีรายชื่อและประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวเปิด 3 วิสัยทัศน์พัฒนาเชียงใหม่ พร้อมกับเปิดตัว นายพันธุ์อาจ ชัยรัตน์ ว่

'ดิเรกฤทธิ์' พ้อ! ไร้องค์กรตรวจสอบ กกต. ใช้อำนาจเบ็ดเสร็จ 'เลือก สว.'

นายดิเรกฤทธิ์ เจนครองธรรม อดีตสมาชิกวุฒิสภา (สว.) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า "ประชาธิปไตยต้องไม่มีอำนาจใดไม่ถูกตรวจสอบ"