ห้ามแตะลูกสาวแม้ว เหลิมอัดคนจัญไรโจมตีเด็ก จ่อนำอภิปรายนอกสภา3วัน

ลุงเหลิมลากสังขาร! ป้องหลานอุ๊งอิ๊ง ซัด  “เทพไท-วันชัย” เสือก อัดนักการเมืองจัญไรจ้องโจมตีเด็กบริสุทธิ์ทางการเมือง ฟาดหางใส่ “อนุทิน-จุรินทร์” กลัวยุบสภาเพราะยังมีวาระที่ทำไม่สำเร็จ พร้อมแฉมีไอ้โม่งดอดไปปลูกกัญชาที่ลาว 5 พันไร่ เตรียมใช้ลาน กทม.อภิปรายนอกสภา 3 วัน “วิษณุ” เตือนให้ยึดความเห็น กกต.เรื่องเบอร์ผู้สมัคร “นิกร” แจงใช้ช่องสมัครแบบแบ่งเขตก่อนแล้วรอเบอร์ศรีธนญชัยเกินเหตุ

เมื่อวันจันทร์ที่ 28 มีนาคม มีความเคลื่อนไหวทางการเมืองที่น่าสนใจเมื่อ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประธานคณะกรรมการกิจการพิเศษ พรรคเพื่อไทย (พท.) ได้จัดแถลงข่าวถึงสถานการณ์การเมืองในปัจจุบันว่า ตั้งใจมาให้สัมภาษณ์เพราะเห็นนักการเมืองชั่วๆ เลวๆ ที่ออกมาพูดถากถาง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ประธานที่ปรึกษาคณะทำงานด้านการมีส่วนร่วมและนวัฒกรรม และหัวหน้าครอบครัวพรรคเพื่อไทย บุตรสาวนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ซึ่งการเข้ามาทำงานการเมืองเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ คนที่ต้องพูดคุยกับ น.ส.แพทองธาร คือพรรรคเพื่อไทย ไม่ใช่นายเทพไท เสนพงศ์  อดีต ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) และนายวันชัย สอนศิริ ส.ว. ถือว่า 2 คนนี้พูดเพราะด้วยไม่ได้  ต้องบอกว่าเสือกมายุ่งกับพรรคคนอื่น 

“น.ส.แพทองธารเข้ามาการเมืองแล้วจะประสบความสำเร็จหรือไม่ เป็นเรื่องเฉพาะตัว เป็นความสามารถส่วนบุคคล อย่าโจมตีเด็กที่บริสุทธิ์ทางการเมือง ไม่อยากให้คนที่ตั้งใจและบริสุทธิ์ใจทางการเมืองต้องมาแปดเปื้อน เพราะนักการเมืองจัญไรบางคน เรื่องนี้มีการวางแผนกันไว้เพื่อสกัดกั้นบุตรสาวนายทักษิณ ประชาชนจะเลือกใครไม่ใช่เรื่องของพวกท่าน แต่เป็นเรื่องของประชาชน ไม่ต้องมายุ่ง  พรรคไหนได้คะแนนมากก็จัดตั้งรัฐบาล การเมืองเขาเล่นกันแบบนี้ วันนี้คะแนนพรรคเราดี ผู้สมัครเราก็ดี และ น.ส.แพทองธารเก่ง หลานจะช่วยพรรคได้เยอะ การเมืองรอบนี้จะสนุก แล้วพวกหลานๆ จะได้เห็นคนร้องไห้” ร.ต.อ.เฉลิมกล่าว 

ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า ได้ปราศรัยนอกสภาว่ารัฐบาลวิบัติมาตลอด พล.อ.ประยุทธ์บริหารบ้านเมืองไม่ได้ เพราะมีคนแบบนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขมาร่วมรัฐบาล ก่อนเลือกตั้งก็บอกว่าตัวเองไม่มีทางมาร่วมกับ พล.อ.ประยุทธ์ที่ยึดอำนาจ ขอให้ประชาชนเชื่อใจ ท่านจะมองหน้าชาวบ้านและมองหน้าลูกเมียได้อย่างไร ว่าท่านมีพฤติกรรมแบบนี้ หลังเลือกตั้งนายอนุทินปกป้อง พล.อ.ประยุทธ์ทุกทาง สมัยหน้าไม่มีใครเลือกหรอก ต่อมาคือนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกฯ และ รมว.พาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรค ปชป. เคยบอกว่าจะทำประชาธิปไตยให้สุจริต แล้วไปร่วมกับคนที่ยึดอำนาจนี่สุจริตตรงไหน ขอท้าคนเหล่านี้ให้มาดีเบตกัน

“ถ้าผมเป็น พล.อ.ประยุทธ์ จะยุบสภาให้นายอนุทิน และประชาธิปัตย์กระอักเลือดตาย เพราะทั้ง 2 พรรคนี้กลัวยุบสภา เขาไม่อยากให้ยุบ เนื่องจากเขามีภารกิจที่ต้องทำแต่ยังไม่เสร็จ ผมไม่ได้ชอบ พล.อ.ประยุทธ์ แต่ถ้า  พล.อ.ประยุทธ์ยุบสภาวันนี้กลับบ้านไปได้นั่งหัวเราะ แต่ 2  คนนี้กลับไปอาจผูกคอตาย” 

แฉปลูกกัญชาที่ลาว 5 พันไร่

ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวอีกว่า เรื่องการดำรงตำแหน่ง 8 ปี ของนายกฯ ตัวเองเป็นคนเขียนรัฐธรรมนูญเองว่า ห้ามเกิน  8 ปี จะอภิปรายไม่ไว้วางใจนอกสภาด้วย นอกจากนี้  พล.อ.ประยุทธ์ยังสั่งราชการแบบขาดความรู้ ขาดวิสัยทัศน์  ท่านพูดเล่นเรื่องของขายไม่ออกให้ไปขายที่โน่นที่นี่ได้ แต่ต้องพูดเล่นที่บ้าน ต่อมาคือภาพลักษณ์ในเวทีต่างประเทศไม่ดี อีกประการคือการแก้โควิดในประเทศล้มเหลว คนตายคนป่วยมากขึ้น และแจกเงินตลอดเวลา ส่งผลเสียหายในระยะยาว นอกจากนี้ท่านยังควบคุม ครอบงำ หรือชี้งำกิจกรรมพรรคการเมืองต่างๆ เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่พรรคเล็กพรรคน้อยเยอะเหลือเกิน และท่านเป็นผู้นำที่ขาดวุฒิภาวะการเป็นผู้นำอย่างสิ้นเชิง แก้ปัญหายาเสพติดขาดมาตรฐาน วันนี้ยาบ้าคือสินค้าที่ถูกที่สุด ทั้งยังมีกรณีกัญชา 

“วันนี้มีนักการเมืองชั่วไปปลูกกัญชาที่ลาวไว้  5,000 ไร่ เรื่องนี้นายอนุทินเกิดอีกกี่ชาติก็ทำไม่ได้ วันนี้คุณน้า คุณอา คุณยายโดนจับ เพราะคุณไม่เคลียร์กฎหมาย ยังปลดล็อกไม่สมบูรณ์ ฝากไปถึงนายอนุทินว่า อย่าให้ถึงที่สุด เพราะผมเป็นคนช่างพูด ก็จะพูดให้ถึงที่สุด” ร.ต.อ.เฉลิมกล่าว

เมื่อถามถึงรายละเอียดเรื่องการอภิปรายไม่ไว้วางใจนอกสภาว่าจะดำเนินการอย่างไร ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า จะรวมคนที่เข้าสภาไม่ได้ใช้ลาน กทม. และตนเองจะรับผิดชอบ เพราะรัฐบาลเละเทะ โดยเฉพาะกรณีเขากระโดง  รถไฟสายสีเขียว จะรวบรวมเรียบเรียงข้อมูลที่มีอยู่ โดยจะใช้เวทีข้างนอกด่า 3 วัน สำหรับการอภิปรายนอกสภาขอดูจังหวะเวลาและดูฝนด้วยก่อน

นายชุมสาย ศรียาภัย อดีตรองโฆษกพรรค พท.กล่าวโต้ นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม หัวหน้าพรรคไทยภักดี ที่โพสต์เฟซบุ๊กถึง น.ส.แพทองธารให้ระวังจะไม่มีแผ่นดินอยู่ว่า การโพสต์ของนายวรงค์ถือเป็นการข่มขู่ น.ส.แพทองธาร  ซึ่งในทางการเมืองถือเป็นพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง  ผู้ที่ทำการเมืองอย่างสร้างสรรค์ไม่พึงกระทำกัน นายวรงค์ ควรเอาเวลาไปคิดนโยบายดีๆ มานำเสนอให้ประชาชน เพื่อแข่งขันกับพรรคการเมืองอื่นๆ ในการเสนอตัวเป็นทางเลือกให้ประชาชนจะดีกว่า ประชาชนไม่ได้ต้องการพรรคการเมืองหรือนักการเมืองที่มุ่งแต่จะให้ร้ายเพื่อทำลายคนอื่นเพียงอย่างเดียว

ด้านนายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ กล่าวถึงประเด็นวาระการดำรงตำแหน่งนายกฯ 8 ปีของ พล.อ.ประยุทธ์ที่จะครบในเดือน ส.ค. ขณะนี้ถึงเวลายื่นตีความได้หรือยังว่า  "ยัง" เวลายังเหลือตั้ง 4 เดือน โดยควรรอให้ถึงเดือน ส.ค.ก่อน แต่ใครที่สงสัยสามารถส่งไปให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความได้ รัฐบาลไม่สงสัยรัฐบาลก็ไม่ส่ง

“สื่อถามว่าสงสัยหรือไม่ ผมตอบว่าไม่สงสัย แต่จะดำรงตำแหน่งต่อได้หรือไม่ ก็ดำรงตำแหน่งต่อได้ ใครสงสัยก็ส่งไป ถ้าส่งไปแล้วเขาบอกว่าไม่ได้ ที่คิดว่าดำรงตำแหน่งต่อได้ก็ไม่ได้” นายวิษณุกล่าว 

 เมื่อถามว่า หากเลยกรอบเวลาเดือนสิงหาคมไปแล้ว มีคนมาสงสัยและยื่นเรื่องตีความจะมีผลย้อนหลังอะไรหรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่าแล้วแต่ศาลจะวินิจฉัย ประเด็นวาระการดำรงตำแหน่งนายกฯ ชัดเจนว่า 8 ปีต่อเนื่องกัน สิ้นสุดอย่างไรก็ 8 ปี แต่ประเด็นที่สงสัยกันอยู่คือ เราจะเริ่มนับหนึ่งของ 8 ปีตอนไหน ทั้งปี 2557, 2560 หรือ  2562 ซึ่งในมุมมองส่วนตัวไม่ตอบว่านับเมื่อใด แต่ตามกฎหมายการดำรงตำแหน่ง 8 ปีของนายกฯ ในปัจจุบันไม่เหมือนรัฐธรรมนูญก่อนหน้านี้ ของเดิมกำหนด 8 ปีตั้งแต่วันที่รัฐธรรมนูญใช้บังคับ แต่ฉบับปัจจุบันกำหนดว่าไม่ว่าจะต่อเนื่องหรือไม่ก็ตาม และก่อนหน้านี้ไม่เคยมีการครองตำแหน่งยาวเหมือนในปัจจุบัน แต่ถึงอย่างไรก็ไม่ต้องตีตนไปก่อนไข้ ถึงอย่างไรก็คงมีคนสงสัยและยื่นตีความอยู่ดี  

               เมื่อถามอีกว่า หากศาลรัฐธรรมนูญตีความว่าดำรงตำแหน่งเกิน 8 ปี พล.อ.ประยุทธ์จะยังรักษาการได้หรือไม่  นายวิษณุกล่าวว่า "ใช่" เพราะรัฐธรรมนูญเขียนว่าไม่นับเวลารักษาการ ไม่ต้องเป็นห่วงแกหรอก รัฐบาลเคยสงสัยจนเลิกสงสัย เพราะจะมีคนอื่นสงสัยแทนแล้วช่วยจัดการให้  เอาอย่างไรก็ได้ ถึงอย่างไรตนเองก็ต้องไปอยู่ดี

นายวิษณุยังกล่าวถึงการตั้งข้อสังเกตการใช้บัตรเลือกตั้ง ส.ส.แบบแบ่งเขตกับ ส.ส.บัญชีรายชื่อเบอร์เดียวกันอาจขัดรัฐธรรมนูญว่า คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)  เคยชี้แจงประเด็นนี้ไว้แล้ว ซึ่งเป็นความเห็นของ กกต.  หากใครเห็นว่ามีช่องทางที่ทำได้โดยไม่ขัดรัฐธรรมนูญอาจมีวิธีเขียนให้มันดี ซึ่งไม่ทราบว่าจะเขียนอย่างไร 

“ถ้าเขียนโต้งๆ เลยมันจะมีปัญหา แต่เท่าที่คุยในเวลานี้รู้สึกว่าหลายคนเสนอว่ามีวิธีเขียนให้ดี เช่นวันแรกรับสมัคร ส.ส.แบบแบ่งเขตก่อน แต่ยังไม่ให้เบอร์ วันหลังรับสมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ แล้วให้เบอร์นั้นย้อนหลังไปให้ใช้กับวันแรก ซึ่งไม่แน่ใจว่าทำได้หรือไม่” นายวิษณุกล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า การสมัคร ส.ส.แบบแบ่งเขตแล้วไม่ให้เบอร์ถือว่าสมัครเสร็จแล้วหรือไม่ นายวิษณุยอมรับว่า อันนั้นแหละที่จะเป็นปัญหา ถามต่อว่าจำเป็นต้องไปคลายเปลาะนี้ใช่หรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่าต้องตีความ 

สมัครไม่ให้เบอร์ = ศรีธนญชัย

เมื่อถามถึงกรณีนายนิกร จำนง ส.ส.บัญชีรายชื่อ  พรรคชาติไทยพัฒนา ในฐานะเลขานุการคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. ระบุว่าประเด็นดังกล่าวอาจทำให้การเลือกตั้งโมฆะได้ นายวิษณุกล่าวว่า เมื่อกฎหมายเสร็จต้องส่งให้ กกต.ดู และอาจต้องส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญดูด้วย  หาก กกต.ดูแล้วอยากให้แก้ก็ต้องแก้

นายอนันต์ ผลอำนวย ส.ส.กำแพงเพชร พรรค พปชร.ในฐานะรองประธาน กมธ.วิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.ป. กล่าวว่า ในการประชุม กมธ.วันที่ 30-31 มี.ค.จะมีการนัดหมายลงมติใน 2 ประเด็นสำคัญ โดยในวันที่ 30 มี.ค.จะลงมติกำหนดหมายเลขประจำตัวผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.แบบแบ่งเขตและแบบบัญชีรายชื่อ ว่าจะเป็นหมายเลขเดียวกันหรือต่างหมายเลขกัน โดยส่วนตัวสนับสนุนให้ใช้ต่างหมายเลข เพราะการใช้เบอร์เดียวกัน 2 ระบบมีข้อดีคือง่าย แต่มีข้อเสียที่สามารถใช้ลูกเล่นหรือแท็กติกทางการเมือง ซึ่งหากการแก้ไขกติกาเลือกตั้งมีเจตนาเพื่อให้การตัดสินใจเลือกผู้สมัคร ส.ส.ที่มีคุณภาพ ควรกำหนดแยกเบอร์ เพราะจะเป็นเครื่องวัดว่าผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคไหนที่ประชาชนไว้วางใจ และให้คะแนนนิยมผู้สมัครพรรคไหนมากกว่ากัน

นายอนันต์กล่าวว่า ส่วนในวันที่ 31 มี.ค.จะลงมติประเด็นการกำหนดคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของผู้ร่วมจัดตั้งพรรค ซึ่งจะเปิดโอกาสให้ประชาชนมีส่วนร่วมทางการเมืองมากขึ้น โดยลดอายุผู้ร่วมก่อตั้งพรรค จาก 20 ปีเป็น 18 ปี ส่วนจะมีการเลื่อนโหวตเรื่องนี้หรือไม่ ขึ้นอยู่กับ กมธ. หากมีผู้เข้าร่วมไม่ถึง 30 คนควรพิจารณาเลื่อน แต่หากมีผู้เข้าร่วม 45 คนควรเดินหน้าต่อ

ขณะที่นายนิกรกล่าวว่า จะลงมติให้ผู้สมัคร ส.ส.ทั้งสองแบบใช้หมายเลขต่างกัน ตามที่ร่างของพรรคร่วมรัฐบาลและรัฐบาลเสนอไว้ เพื่อไม่ให้ขัดต่อรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 1) พ.ศ.2564 เพราะในอนาคตอาจเป็นช่องทางที่มีผู้ยื่นเรื่องร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญให้วินิจฉัยการเลือกตั้งที่เกิดขึ้นเป็นโมฆะได้ ส่วนความต้องการให้ผู้สมัครใช้หมายเลขเดียวกันเพื่อความสะดวกของประชาชน ต้องทำให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 มาตรา 90 ที่กำหนดให้การเลือกตั้ง ส.ส.ทั้ง  2 ประเภทผูกมัดระหว่างกัน เนื่องจากมาตรา 90 กำหนดให้พรรคการเมืองต้องส่งผู้สมัคร ส.ส.แบบแบ่งเขตเสียก่อน จึงมีสิทธิ์ส่งผู้สมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อได้ ซึ่งหลักการดังกล่าวไม่สามารถปรับเป็นวิธีสมัครแบบแบ่งเขตที่รอเบอร์ไว้ก่อน โดยอ้างว่าแล้วเสร็จ จากนั้นให้เปิดสมัครแบบบัญชีรายชื่อ เพื่อให้เบอร์ที่ได้ภายหลังไปเป็นเบอร์ให้ผู้สมัครแบบแบ่งเขตของพรรคนั้นๆ ได้ เพราะหากทำจะเข้าทำนองวิถีศรีธนญชัย สุ่มเสี่ยงต่อการถูกร้องให้การเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นเป็นโมฆะได้

นายโภคิน พลกุล ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ขับเคลื่อนประเทศ พรรคไทยสร้างไทย กล่าวว่า พรรคพร้อมต่อสู้ทุกรูปแบบทุกกติกาการเลือกตั้ง หากอยากเห็นประเทศไปสู่การเปลี่ยนแปลงภายใต้กติกาที่เป็นธรรมอย่างแท้จริง ต้องคำนึงถึงประชาชนเป็นหลัก ไม่ใช่คำนึงว่าพรรคของตนเองจะได้รับชัยชนะเพียงอย่างเดียว โดยหารูปแบบหรือกลไกเพื่อก้าวไปสู่สิ่งที่ต้องการ ทั้งนี้หากเริ่มต้นโดยไม่มีความเป็นธรรมตั้งแต่กระบวนการหรือระบบเลือกตั้งแล้ว ปัญหาต่างๆ ก็ไม่สามารถจบสิ้นได้.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

‘จุรินทร์’ เผย8ปัจจัย การเมืองปี68เดือด!

"จุรินทร์" เปิด 8 ปัจจัยการเมืองปี 2568 จับตามีคดีความที่มีผู้ร้องไปยื่นร้องนายกฯ และผู้เกี่ยวข้องไว้ที่ศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระต่างๆ ซึ่งปัจจุบันมีเรื่องที่ค้างอยู่อย่างน้อย

‘จ่าเอ็ม’ ผวาขออารักขา

กัมพูชาส่งตัว "จ่าเอ็ม" ให้ไทยแล้ว นำตัวเข้ากรุงสอบเครียดที่ สน.ชนะสงคราม แจ้งข้อหาฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน เจ้าตัวร้องขอเจ้าหน้าที่คุ้มครองเป็นพิเศษ

เป็นแม่ที่ดีหรือยัง! ‘อิ๊งค์’ เปิดอกวันเด็กสมัยก่อนไม่มีไอแพดโวยถูกบูลลี่

"นายกฯ อิ๊งค์" เปิดงานวันเด็กคึกคัก! เด็กขอถ่ายรูปแน่น พี่อิ๊งค์ล้อมวงเปิดอกตอบคำถามเด็กๆ มีพ่อเป็นต้นแบบ เผยวัยเด็กไม่มีไอแพด โทรศัพท์ ไลน์ พี่มีลูกสองคน

‘บิ๊กอ้วน’ เอาใจทอ. เคาะซื้อ ‘กริพเพน’

ปิดจ๊อบภายในปีนี้! "บิ๊กอ้วน" ไฟเขียว ทอ.เลือก "กริพเพน" มั่นใจคนใช้เป็นคนเลือก รออนุมัติแบบหลังทีมเจรจาออฟเซตกับสวีเดนจบ แจงทูตสหรัฐแล้ว ไทยยันไม่มีนโยบายกู้เงินซื้ออาวุธตามข้อเสนอขายเอฟ