ชิงผู้ว่าฯกทม.คึก!ชูนโยบายเปิดทีมงาน

สนาม กทม.คึกคัก!   "วิโรจน์" ควง "ธนาธร" เปิด 12 นโยบาย ชูรัฐสวัสดิการทำกรุงเทพฯ ให้เป็นเมืองที่เท่ากัน “อัศวิน" ทีมงานเพียบ ดึง “ชาญเทพ” ผอ.เลือกตั้ง “ถาวร” กุนซือ “จักรทิพย์” กองหนุน "สกลธี" ผุดไอเดียเดินเรือ EV คลองบางมด "ประยูร" ผละ "เต้" ลงอิสระแทน "รวมไทยยูไนเต็ด" เปิดตัว 2 ผู้สมัคร ส.ก.หวานใจ "ไฮโซลูกนัท" ลงเขตสวนหลวง อดีตนักรักบี้ทีมชาติสู้ศึกคลองเตย

เมื่อวันที่ 27 มีนาคม ที่อาคารอนาคตใหม่ มีการจัดงาน "เปิด 12 นโยบายกรุงเทพ สร้างเมืองที่คนเท่ากัน" โดยนายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ว่าที่ผู้สมัครผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (ผู้ว่าฯ กทม.) ในนามพรรคก้าวไกล (ก.ก.) และนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า

นายวิโรจน์กล่าวว่า ได้พบปะพูดคุยกับชาวบ้าน พบว่าปัญหาเมื่อ 10 ปีกับตอนนี้ไม่ได้ต่างกัน โดยเมื่อสาวเท้าเข้าไปจะพบว่าปัญหาที่แท้จริงคือนายทุน เกือบศตวรรษแล้วที่เราเอาส่วยไปประเคนให้นายทุน ซึ่งการบริหารเมืองภายใต้เงื่อนไขที่ไม่เป็นธรรมเช่นนี้ สุดท้ายก็จบที่ขออาสาสมัคร ขอให้ประชาชนเสียสละ และคนกรุงเทพฯ ก็จะเหลือแค่เนื้อข้างแคร่ จึงทำให้ต้องมี 12 นโยบายที่จะทำให้กรุงเทพฯ เป็นเมืองที่เท่ากัน ได้แก่

1.สวัสดิการคนเมืองเพื่อโอบอุ้มเด็ก คนชรา และผู้พิการ คือการเพิ่มเบี้ยผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป จากเดิมที่ได้ 600-1,000 บาทต่อเดือน ให้ได้รับสวัสดิการ 1,000 บาทต่อคนต่อเดือนเท่ากัน และเพิ่มสวัสดิการคนพิการจากเดิมที่ได้ 800-1,200 บาทต่อเดือน จะเพิ่มให้คนพิการได้รับสวัสดิการ 1,200 บาทต่อเดือนทุกคน รวมถึงการเพิ่มสวัสดิการเลี้ยงดูเด็กเล็ก 0-6 ปี จากเดิมที่ได้ 600 บาท เฉพาะเด็กที่ยากจน แต่เราจะเพิ่มให้เด็กทุกคนได้รับสวัสดิการ 1,200 บาทต่อเดือนทุกคนในกรุงเทพฯ ยืนยันว่านี่ไม่ใช่การช่วยเหลือ แต่เป็นรัฐสวัสดิการ 2.วัคซีนฟรีจากภาษีประชาชน โดยจะทำให้การเข้าถึงวัคซีนโรคทุกชนิดเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของคนกรุงเทพฯ

3.หยุดระบบอุปถัมภ์ด้วยงบที่คนกรุงเทพฯ เลือกเองได้ โดยจะนำงบประมาณของ กทม.ประมาณ 5% หรือ 4,000 ล้านบาท โดยกระจายสู่ชุมชนต่างๆ 4.ตั้งเป้าสร้างที่อยู่อาศัยใจกลางเมือง 10,000 ยูนิต ในราคาไม่เกิน 3,500-9,000 บาทต่อเดือน และให้เช่าระยะยาว ซึ่งต้องอยู่ใจกลางเมืองที่ระบบขนส่งคมนาคมเข้าถึง 5.ลดค่าครองชีพด้วยค่าเดินทางที่ทุกคนจ่ายไหว ไม่ว่าจะเป็นรถเมล์ เรือโดยสาร และรถไฟฟ้า 6.ขึ้นค่าเก็บขยะห้างใหญ่และนำเงินไปปรับปรุงการเก็บขยะครัวเรือน ปรับปรุงจุดทิ้งขยะทั่วกรุงเทพฯ เก็บค่าจัดการขยะจากนายทุนตามจริง ซึ่งเพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่า 10 เท่าของที่จ่ายอยู่ในปัจจุบัน รวมถึงมีแอปพลิเคชันเรียกรถซาเล้งรับซื้อของเก่าให้มารับซื้อขยะรีไซเคิลที่หน้าบ้านในเวลาที่ประชาชนสะดวก

7.ลงทุนพัฒนาศูนย์เด็กเล็กศูนย์ละ 5 ล้านบาท 8.สร้างการศึกษาที่ทุกคนวิ่งตามฝันของตนเองได้ โดยเปลี่ยนหลักสูตรการศึกษาโดยตัดวิชาที่ไม่จำเป็นออก และเพิ่มเวลาเรียนรู้นอกห้องเรียน 9.ลอกท่อทั่วเมือง ลอกคลองทั่วกรุง ขยายท่อระบายน้ำ จบปัญหาน้ำรอระบาย 10.เปลี่ยนที่รกร้างเป็นที่สาธารณะ พัฒนาเป็นสวนสาธารณะให้กับประชาชน และเปิดพื้นที่สาธารณะของ กทม.ให้เป็นพื้นที่ปลอดภัยสำหรับการชุมนุม 11.ทางเท้าดีเท่ากันทั้งกรุงเทพฯ ห้ามตั้งแผงลอย แต่กทม.จะหาพื้นที่ใกล้เคียงให้ค้าขาย พร้อมทั้งมีการทาสีตีเส้นทางม้าลายให้ชัด ทำเส้นชะลอความเร็วและการติดตั้งไฟสัญญาณคนข้ามถนนในจุดที่จำเป็นทันที และ 12.นโยบายเจอส่วยแจ้งผู้ว่าฯ กรุงเทพฯ โปร่งใสไร้คอร์รัปชัน สร้างช่องทางแจ้งปัญหา ร้องเรียนต่อผู้ว่าฯ กทม.โดยตรง

"นี่เป็นการสร้างเมืองแห่งความหวังของทุกคน เป็นเมืองที่เราอยู่แล้วเรารู้สึกว่าเราเป็นเจ้าของ ไม่ใช่แค่ผู้อยู่อาศัย จะเป็นโดมิโนตัวแรกที่ประกาศฉันทามติใหม่ร่วมกันว่า ไม่มีมันผู้ใดมาขโมยความฝันของประชาชนไปได้อีก ให้ผมและ ส.ก. ของพรรคก้าวไกลทั้ง 50 เขตไปขับเคลื่อนนโยบายทั้ง 12 นโยบาย คืนเมืองที่คนกรุงเทพฯ เท่ากันให้คนกรุงเทพฯ ทุกคน และวันที่ 22 พ.ค. เลือกวิโรจน์ เป็นผู้ว่าฯ ออกไปกาให้คนเท่ากัน" นายวิโรจน์กล่าว

นายธนาธรกล่าวว่า ผู้ว่าฯ กทม.ต้องเข้าไปบริหารโรงเรียนกว่า 400 โรงเรียน ทุกคนอยากได้โรงเรียนที่มีความเท่าทันกับโลก ครูและนักเรียนมีความสัมพันธ์กันด้วยความไว้เนื้อเชื่อใจกันหรือไม่ หากอยากได้โรงเรียนแบบนี้ ต้องยกเลิกอำนาจนิยมในโรงเรียน จะต้องเลิกสั่งให้เด็กท่องค่านิยม 12 ประการ หรือสั่งให้เด็กร้อยมาลัย ต้องยกเลิกประเพณีที่เก่ารวมถึงชุดนักเรียนและทรงผม ถ้าคิดว่าจะทำสิ่งต่างๆ เหล่านี้ได้ต้องใช้นักบริหาร หรือนักการเมืองที่มีเจตจำนงที่มุ่งมั่น และการจะทำให้คนเท่ากัน กรุงเทพฯ ที่จะทำให้คนเท่ากันได้ เราต้องการคนที่บริหารเป็นและคนที่มีเจตจำนงที่มุ่งมั่นทางการเมือง

ทางด้าน พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ซึ่งลาออกจากตำแหน่งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครไปเมื่อวันที่ 24 มี.ค.ที่ผ่านมานั้น  ได้เตรียมแถลงเปิดตัวลงสมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ในนามอิสระอย่างเป็นทางการ ในวันที่ 28 มี.ค.นี้ เวลา 18.00 น. ที่โกดังเสริมสุข ท่าเรือเป๊ปซี่ เขตคลองสาน พร้อมเปิดนโยบายแก้ไขปัญหาและผลักดันการพัฒนากรุงเทพฯ ให้เป็นจริงได้ ภายใต้แคมเปญ #กรุงเทพฯต้องไปต่อ รวมทั้งเปิดตัวทีมงานที่มีทั้งคนรุ่นใหญ่และคนรุ่นใหม่มาเข้าร่วมทีมพัฒนากรุงเทพฯ ในนาม "กลุ่มรักษ์กรุงเทพ"

มีรายงานว่า ทีมงานของ พล.ต.อ.อัศวิน ที่น่าสนใจ ประกอบด้วย พล.ต.ท.ชาญเทพ เสสะเวช เลขาธิการพรรคไทยภักดี อดีตผู้บัญชาการตำรวจนครบาล อดีตนายตำรวจราชองครักษ์พิเศษ จะทำหน้าที่ผู้อำนวยการเลือกตั้ง ทั้งนี้ พล.ต.ท.ชาญเทพยังเป็นเพื่อนสนิทของ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.จักรทิพย์จะมาให้กำลังใจในวันเปิดตัวด้วย ส่วนนายถาวร เสนเนียม อดีต รมช.มหาดไทย อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ และอดีตแกนนำกลุ่ม กปปส. เป็นที่ปรึกษาอยู่เบื้องหลังในการช่วย พล.ต.ท.ชาญเทพ วางยุทธศาสตร์ในการเลือกตั้ง และนายทินกร ปลอดภัย อดีตผู้ช่วยเลขานุการผู้ว่าฯ กทม. นายกสโมสรกีฬาเขตมีนบุรี ซึ่งเป็นคนใกล้ชิดกับนายถาวร เป็นรองผู้อำนวยการเลือกตั้ง รับผิดชอบฝั่งกรุงเทพฯ ตะวันออก และประสานเครือข่ายต่างๆ ในกรุงเทพฯ นอกจากนี้ จะมีการเปิดตัวบุคคลสำคัญของทีมงาน พล.ต.อ.อัศวินเพิ่มเติมอีกด้วย และมีกลุ่มเครือข่ายต่างๆ มาให้สนับสนุนจำนวนมาก

ขณะที่นายสกลธี ภัททิยกุล ว่าที่ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. กล่าวภายหลังลงพื้นที่สำรวจระบบบริหารจัดการน้ำ การรักษาคูคลอง พื้นที่ปิดล้อม ประตูระบายน้ำ ระบบสาธารณูปโภค และเส้นทางการท่องเที่ยวริมคลอง พื้นที่เขตทุ่งครุ จากนั้นลงพื้นที่สำรวจแนวป่าโกงกาง และปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งทะเลบางขุนเทียน เขตบางขุนเทียน ว่าอีกเรื่องที่น่าทำและเกี่ยวข้องโดยตรงกับนโยบายการขนส่งสาธารณะดีกว่านี้ได้ของตนคือ การเชื่อมต่อ “ล้อ ราง เรือ” ซึ่งคลองหลักในเขตนี้คือคลองบางมด หากเดินเรือไฟฟ้า EV ตามคลองบางมดไปประมาณ 9 กิโลเมตร (กม.) จะไปเจอสถานีรถไฟฟ้าสายสีเขียวสถานีวุฒากาศ รวมถึงในอนาคตถ้ารถไฟฟ้าสายสีแดงเสร็จจะไปเชื่อมต่อการเดินทางที่สถานีดาวคะนองในระยะทางไม่ถึง 5 กม. ซึ่งจะทำให้พี่น้องประชาชนย่านนี้สามารถเชื่อมต่อการเดินทางได้สะดวกมากยิ่งขึ้น และน่าจะเร็วกว่าการใช้รถบนถนนประมาณครึ่งชั่วโมงด้วยระยะทางที่เท่ากัน   

นายสกลธีกล่าวว่า หลังจากนี้จะมีการเปิดนโยบายรอง เสริมจากนโยบายหลัก หลังการลงสมัครผู้ว่าฯ และได้เบอร์เป็นที่เรียบร้อย จะเปิดตัวทีมทำงานที่ช่วยคิดนโยบาย โดยจุดเด่นที่คิดว่ามีมากกว่าผู้สมัครคนอื่นคือ การได้สัมผัสงานในพื้นที่ กทม. และได้ทำงานเต็มที่จนเป็นที่น่าพอใจ แต่มีบางอย่างที่อยากทำแล้วยังไม่ได้ทำ จึงนำสิ่งที่ได้พูดคุยกับประชาชนเก็บสะสมมาเป็นนโยบาย ทั้งนี้ คุณสมบัติของตนครบถ้วน ก่อนถึงวันรับสมัคร ส่วนคดีความที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้จะไม่ส่งผลกระทบ เนื่องจากศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ได้พิพากษายกฟ้องแล้ว ส่วนในชั้นศาลฎีกา ขึ้นอยู่กับอัยการสูงสุด แต่ยืนยันว่าไม่เป็นอุปสรรคแน่นอน

นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า  "เรียน ประชาชนชาว กทม. ดร.ประยูร ครองยศ ว่าที่ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. ท่านมีเจตนาจะลงสมัครในนามอิสระครับ จากเดิมลงในนามพรรคไทยศรีวิไลย์ จึงแจ้งให้ทราบ"

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับนายประยูร ได้ประกาศตัวเมื่อวันที่ 9 ธ.ค. โรงแรมเซ็นทราบายเซ็นทารา ศูนย์ราชการ แจ้งวัฒนะ เป็นผู้สมัครชิงเก้าอี้ผู้ว่าฯ กทม. ในนามพรรคไทยศรีวิไลย์

วันเดียวกัน นายอุเทน ชาติภิญโญ ว่าที่ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. เปิดเผยว่า หลังจากเปิดตัวจะลงสมัครผู้ว่าฯ กทม.ตั้งแต่ปี 62 ได้ฟอร์มทีมรองผู้ว่าฯ กทม.เป็นคนรุ่นใหม่ และอดีตข้าราชการที่เก่ง พร้อมนโยบายทุกด้าน อาทิ ปราบปรามอิทธิพลมืด ปราบปรามส่วยใน กทม. ข้าราชการ กทม.ต้องรับเข้าบรรจุยาก แต่ต้องให้ออกง่าย แก้การทุจริตอย่างจริงจัง ให้ยื่นบัญชีทรัพย์สินจากวันบรรจุจนเกษียณ และต้องยื่นบัญชีทรัพย์สินต่อไปอีก 5 ปี นโยบายแก้ไขปัญหาจราจรที่แก้ได้ทันที ดังนั้น วันที่ 31 มี.ค. จะไปยื่นสมัครเวลา 11.11 น. เพื่อไม่ต้องแยกจับเบอร์กับใคร

พรรครวมไทยยูไนเต็ด เปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ก.เลือดใหม่ 2 คน 2 ขั้ว โดยมีว่าที่ผู้สมัคร 2 คนแรก คือ น.ส.หทัยรัตน์ (วิทยพูม) ธนากิจอำนวย หรือแอนนา (AnnaVidh) ภรรยาไฮโซลูกนัท-ธนัตถ์ ธนากิจอำนวย นักขับเคลื่อนกิจกรรมทางสังคม ลงสมัคร ส.ก.เขตสวนหลวง และ นายคมจักร จักรพันธุ์ ณ อยุธยา หรือเคน อดีตนักรักบี้ทีมชาติ ลงสมัคร ส.ก.เขตคลองเตย ทั้งนี้ นายวรนัยน์ วาณิชกะ หัวหน้าพรรครวมไทยยูไนเต็ด กล่าวว่า ความแตกต่างของว่าที่ผู้สมัครทั้ง 2 คนถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี ที่ทำให้เห็นว่าพรรครวมไทยยูไนเต็ดเป็นพื้นที่ใหม่สำหรับคนที่มีความมุ่งมั่นตั้งใจในบทบาทผู้แทนประชาชน และเป็นทางเลือกใหม่ที่น่าสนใจของคน กทม.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ปชน.ขนทัพใหญ่ หาเสียงทิ้งทวน! หวังปักธง‘สีส้ม’

“ปชน.” ปูพรมโค้งสุดท้าย ขนทัพใหญ่ดาวกระจาย 6 สายทั่วพื้นที่ “ปิยบุตร” ขอโอกาสปักธงสีส้ม “พิธา” เชื่อคะแนนยังสูสี พรรคประชาชนมีโอกาสพลิกชนะ