ยูเครนกล่าวหารัสเซียทิ้งบอมบ์โรงเรียนแห่งหนึ่งในเมืองมาริอูโปล ที่ผู้หญิง เด็ก และคนแก่ราว 400 คนใช้เป็นที่หลบภัยเมื่อวันอาทิตย์ ยังไม่มีข้อมูลคนบาดเจ็บล้มตาย "เซเลนสกี" ชี้ประวัติศาสตร์จะบันทึกว่ารัสเซียก่ออาชญากรรมสงครามที่เมืองท่าแห่งนี้ ด้านกองทัพรัสเซียใช้มิสไซล์ไฮเปอร์โซนิกเป็นครั้งที่ 2 ถล่มคลังเชื้อเพลิงในภาคใต้
รายงานเอเอฟพีเมื่อวันอาทิตย์ที่ 20 มีนาคม 2565 กล่าวว่า เมืองท่ามาริอูโปลในภาคตะวันออกเฉียงใต้ของยูเครน ที่ประชากรส่วนใหญ่พูดภาษารัสเซียแห่งนี้ โดนกองทัพรัสเซียปิดล้อมโจมตีมานานหลายสัปดาห์ ประชากรนับหมื่นคนติดอยู่ในเมืองที่ถูกตัดการสื่อสาร ไม่มีน้ำ ไฟฟ้าและก๊าซ เมื่อวันเสาร์รัสเซียประกาศด้วยว่า ทหารและกองกำลังพันธมิตรจากแคว้นโดเนตสค์สามารถทะลวงเข้าไปในใจกลางเมืองได้แล้ว การยึดเมืองท่าแห่งนี้ได้จะทำให้รัสเซียสามารถเชื่อมคาบสมุทรไครเมียที่รัสเซียยึดครองจากยูเครนเมื่อปี 2557 กับแคว้นกบฏแบ่งแยกดินแดนโดเนตสค์และลูกานสค์ในภาคตะวันออก
ในวันอาทิตย์ สภาเมืองมาริอูโปลเปิดเผยผ่านแอปเทเลแกรม กล่าวหารัสเซียว่าทิ้งระเบิดหลายลูกโจมตีโรงเรียนศิลปะหมายเลข 12 ที่ซึ่งผู้หญิง เด็ก และคนชรา ประมาณ 400 คนใช้เป็นที่หลบภัยการโจมตีทางอากาศของรัสเซีย อาคารหลังนี้ซึ่งอยู่ทางฝั่งตะวันออกของเมืองถูกทำลาย และ "พลเรือนที่รักสงบยังคงติดอยู่ใต้ซากปรักหักพัง"
เจ้าหน้าที่ของเมืองนี้ยังอ้างด้วยว่า ชาวเมืองมากกว่า 1,000 คน ถูกบังคับให้เดินทางไปยังหลายเมืองของรัสเซีย และโดนยึดหนังสือเดินทางยูเครน
เมื่อวันพุธที่ผ่านมา ยูเครนก็กล่าวโทษว่ารัสเซียยิงมิสไซล์ถล่มโรงละครในเมืองนี้ ที่ซึ่งชาวเมืองมากกว่า 1,000 คน โดยเฉพาะผู้หญิงและเด็กใช้เป็นที่หลบภัย สภาเมืองนี้กล่าวเมื่อวันศุกร์ว่า ปฏิบัติการค้นหากู้ชีพพบคนบาดเจ็บสาหัส 1 คนจากเหตุการณ์นี้ แต่ยังไม่พบคนเสียชีวิต อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีความชัดเจนว่ามีคนติดอยู่ในห้องหลบภัยใต้ดินของอาคารจำนวนเท่าใด ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี บอกว่ามีคนได้รับการช่วยชีวิตออกมาได้ 130 คน บางคนบาดเจ็บหนัก
ทามารา คาวูเนนโก ชาวเมืองวัย 58 ปี กล่าวว่า นี่ไม่ใช่มาริอูโปลอีกต่อไปแล้ว แต่คือนรก ถนนเต็มไปด้วยศพของพลเมือง
ในวิดีโอแถลงเมื่อคืนวันเสาร์ เซเลนสกีกล่าวว่า การล้อมโจมตีเมืองมาริอูโปลจะถูกบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ของความรับผิดชอบต่ออาชญากรรมสงคราม "การทำแบบนี้ต่อเมืองที่สงบสุขเป็นการก่อการร้ายที่จะถูกจดจำไปอีกหลายศตวรรษ" ผู้นำยูเครนกล่าว พร้อมกับเตือนชาวรัสเซียอีกว่า สงครามนี้ทำให้ทหารรัสเซียโดนฆ่าตายไปแล้ว 14,000 นาย และจำนวนมีแต่จะเพิ่มมากขึ้น
รัสเซียไม่ได้เปิดเผยยอดความสูญเสียของกำลังพลมาตั้งแต่ต้นเดือนมีนาคม ที่กระทรวงกลาโหมเคยระบุว่ามีทหารเสียชีวิตแล้วเกือบ 500 นาย ส่วนของยูเครนนั้น เซเลนสกีเคยกล่าวเมื่อวันที่ 12 มีนาคมว่า มีทหารยูเครนเสียชีวิตแล้วราว 1,300 นาย
แม้จะมีกำลังพลและยุทโธปกรณ์น้อยกว่ารัสเซียมาก แต่กองทัพยูเครนรบต้านทานอย่างดุเดือด ทำให้การรุกคืบของรัสเซียทำได้เชื่องช้า ความพยายามโอบล้อมกรุงเคียฟและอีกหลายเมืองหยุดชะงัก การส่งกำลังบำรุงเสี่ยงต่อการโดนยูเครนลอบโจมตี กองทัพรัสเซียหันมาใช้การโจมตีทางอากาศจากระยะไกลเพิ่มมากขึ้น รวมถึงการใช้ขีปนาวุธไฮเปอร์โซนิกชนิดใหม่ล่าสุดในการทำสงครามเป็นครั้งแรก
รายงานข่าวกรองล่าสุดของกระทรวงกลาโหมอังกฤษกล่าวด้วยว่า ยูเครนยังสามารถป้องกันน่านฟ้าของตนเองได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้รัสเซียต้องพึ่งพาอาวุธที่ปล่อยออกมาจากน่านฟ้าของรัสเซีย และรัสเซียยังถูกบังคับให้เปลี่ยนยุทธวิธีที่ลดการสูญเสียกำลังพล ด้วยการใช้อำนาจการยิงแบบไม่แยกแยะ ซึ่งจะส่งผลให้พลเรือนบาดเจ็บล้มตายมากขึ้น โครงสร้างพื้นฐานของยูเครนโดนทำลาย และเพิ่มวิกฤตด้านมนุษยธรรม
หน่วยงานขององค์การสหประชาชาติระบุว่า นับแต่รัสเซียเปิดฉากรุกรานยูเครนเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ ถึงขณะนี้มีผู้ลี้ภัยออกนอกยูเครนแล้วมากกว่า 3.3 ล้านคน และยังมีอีก 6.5 ล้านคนเป็นผู้พลัดถิ่นฐานในประเทศ รอยเตอร์อ้างข้อมูลจากสำนักงานข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนของยูเอ็น (โอเอชซีเอชอาร์) เมื่อวันเสาร์ว่า นับถึงวันศุกร์ที่ 18 มีนาคม มีพลเรือนสังเวยชีวิตแล้วอย่างน้อย 847 คน รวมถึงสูญหาย 112 คน และบาดเจ็บ 1,399 คน แต่เชื่อว่าจำนวนที่แท้จริงสูงกว่านี้มาก ผู้บาดเจ็บล้มตายส่วนใหญ่เกิดจากระเบิดเช่นที่ยิงจากปืนใหญ่และเครื่องยิงจรวดแบบหลายลำกล้อง, มิสไซล์ และการโจมตีทางอากาศ
เมื่อวันเสาร์ กระทรวงกลาโหมรัสเซียยืนยันว่า มีการใช้มิสไซล์ไฮเปอร์โซนิก "คินซาห์ล" เป็นครั้งแรกในยูเครน โดยใช้ทำลายคลังมิสไซล์ของยูเครนในแคว้นอีวาโน-ฟรานคิฟส์ ทางภาคตะวันตกที่มีพรมแดนติดกับโรมาเนีย เมื่อวันศุกร์ นักวิเคราะห์กล่าวกันว่า การโจมตีครั้งนี้เป็นการใช้อาวุธไฮเปอร์โซนิกในสมรภูมิเป็นครั้งแรกของโลก
ต่อมาในวันอาทิตย์ กระทรวงแถลงอีกครั้งว่า มิสไซล์คินซาห์ลถูกนำมาใช้อีกครั้งเพื่อทำลายคลังเก็บเชื้อเพลิงของยูเครนในแคว้นไมโคเลียฟทางภาคใต้
คำแถลงยังกล่าวด้วยว่า สามารถสังหารหน่วยปฏิบัติการพิเศษของยูเครนและทหารรับจ้างชาวต่างชาติมากกว่า 100 คน จากการโจมตีศูนย์ฝึกทหารในเมืองออฟรุคทางภาคเหนือ โดยใช้มิสไซล์ที่ยิงมาจากทะเล.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ยก ‘ภูพระบาท’ เป็นมรดกโลก
คนไทยได้เฮ! อีก ยูเนสโกขึ้นทะเบียน "ภูพระบาท" จ.อุดรธานี
ฟ้องต้นตอหมอคางดำ
สภาทนายความฯ เตรียมฟ้องแพ่งบิ๊กเอกชน-หน่วยงานรัฐ ต้นตอ "เอเลี่ยนสปีชีส์"
‘ทศมรัชชจักรี’ เชิญชวนคนไทยพร้อมใจสวมเสื้อสีเหลืองร่วมเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ
ในหลวงทรงบำเพ็ญพระราชกุศลทักษิณานุปทาน ในการพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ
มงคล : แทนคุณชาติศาสน์กษัตริย์
“วุฒิสภา” จัดพิธีการรับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งประธานและรองประธานวุฒิสภา
‘เนวิน’รวมใจชาวบุรีรัมย์ จัดมิวสิคัลเทิดพระเกียรติ
“เนวิน” รวมใจชาวบุรีรัมย์ จัดเทิดพระเกียรติ 72 พรรษา แสดง แสง สี เสียง มิวสิคัล “ลมหายใจของแผ่นดิน” โดยบุรีรัมย์ออร์เคสตรา แสดงความจงรักภักดี 28-30 ก.ค.2567 สนามช้างอารีนา บุรีรัมย์
เผ่าภูมิยอมรับ ไร้‘สมาร์ทโฟน’ ใช้ดิจิทัลยาก!
“เผ่าภูมิ” ยันเคาะใช้จ่ายเงินหมื่นไม่เกินไตรมาส 4 แนะควรลงทะเบียนผ่านสมาร์ทโฟน