ปชป.จัดสัมมนาติวเข้มว่าที่ผู้สมัคร ส.ก.-ผอ.ศูนย์เลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. อ้อนคนกรุงให้โอกาสตัวแทนพรรค "ดร.เอ้" ลงพื้นที่บางกะปิผุดวิธีแก้น้ำท่วมซ้ำซาก รับลุยเกือบครบ 50 เขต ปัญหาหนักกว่าที่คิดแต่แก้ได้ "ปวีณา" ออกโรงหนุน "ชัชชาติ" เปิดสำนักงานเขตสายไหม
เมื่อวันที่ 20 มีนาคม นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ประธาน ส.ส.และรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการเตรียมความพร้อมในการเลือกตั้งผู้ว่าราชกรุงเทพมหานครและ ส.ก.ว่า ในวันจันทร์ที่ 21 มี.ค.นี้ ตั้งแต่เวลา 13.00 น. พรรคประชาธิปัตย์จัดสัมมนาผู้สมัคร ส.ก. ของพรรค และผู้อำนวยการศูนย์เลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.และ ส.ก.ประจำเขตต่างๆ ทั้ง 50 เขตทั่วกรุงเทพฯ ที่ห้องประชุมชั้น 3 อาคาร ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช สำนักงานใหญ่พรรคประชาธิปัตย์ โดยมีนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคมาเป็นประธานพิธีเปิดการสัมมนา นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน เลขาธิการพรรคบรรยายเรื่อง “รวมพลัง ปชป. สู่ชัยชนะ” จากนั้นนายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ ว่าที่ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.จะได้พูดจาปราศรัยกับบรรดาผู้สมัคร ส.ก. แล้วต่อด้วยนายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคและฝ่ายกฎหมาย ซึ่งจะบรรยายเรื่องกฎหมาย ระเบียบที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้งท้องถิ่น ปิดท้ายการสัมมนาโดยนายองอาจและคณะด้วยหัวข้อ “เจาะลึกกลยุทธ์การรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งท้องถิ่น”
สำหรับจุดประสงค์ของการสัมมนาครั้งนี้ เป็นการเตรียมความพร้อมของผู้สมัคร ส.ก.และผู้อำนวยการศูนย์เลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.และ ส.ก.ทั้ง 50 เขต เพื่อให้การรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งครั้งนี้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ได้ผลตามเป้าหมายที่วางไว้ คือได้รับความไว้วางใจจากประชาชนให้ได้ทำหน้าที่ในฐานะ ส.ก.เพื่อทำงานตอบสนองความต้องการของประชาชน ทั้งการแก้ไขปัญหาต่างๆ และการเสนอแนวทางการเปลี่ยนกรุงเทพฯ ให้มีความก้าวหน้าทันสมัยมากยิ่งขึ้น สอดรับกับการเปลี่ยนแปลงของเมืองหลวงที่ชื่อว่ากรุงเทพมหานคร ที่มีการเปลี่ยนแปลงไปทั้งทางเศรษฐกิจ สังคม และสภาพแวดล้อมของเมือง
"ตลอดระยะเวลากว่า 2-3 ปีที่ผ่านมา ผู้สมัคร ส.ก. ของพรรคได้ทำงานรับใช้ใกล้ชิด เกาะติดช่วยแก้ปัญหาต่างๆ ให้ประชาชนอย่างเต็มกำลังความสามารถ โดยเฉพาะในช่วงที่มีการระบาดของโควิด-19 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากของพี่น้องประชาชนจำนวนมากใน กทม. พรรคได้เข้าไปมีส่วนช่วยเหลือเยียวยาอย่างเต็มที่ จึงขอความกรุณาจากชาว กทม.ช่วยพิจารณาให้โอกาสผู้สมัคร ส.ก.จากพรรคประชาธิปัตย์ได้ทำงานในฐานะ ส.ก.เพื่อประโยชน์สุขของพี่น้องทุกท่านต่อไป" รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ระบุ
ด้านนายสุชัชวีร์กล่าวระหว่างลงพื้นที่ดูปัญหาที่เขตบางกะปิว่า ย่านรามคำแหงเป็นพื้นที่ซึ่งถือว่าต่ำที่สุดย่านหนึ่งในกรุงเทพฯ ในอดีตเป็นพื้นที่ทำนาทำสวน มีการใช้น้ำบาดาลกันมาก ปัจจุบันเมื่อฝนตกลงมาก็ทำให้พื้นที่ดังกล่าวจมน้ำทันที ดังนั้นการจะแก้ปัญหาในพื้นที่กรุงเทพฯ ฝั่งตะวันออกได้ จำเป็นจะต้องพยายามรักษาแก้มลิงตามธรรมชาติไว้ หากมีประตูระบายน้ำอัตโนมัติ คลองลำพังพวยจะสามารถทำหน้าที่ช่วยระบายน้ำ ใช้เป็นพื้นที่รับน้ำตามธรรมชาติได้ และบริเวณริมคลองสามารถพัฒนาให้มีทางเดินออกกำลังกาย หรือทำเป็นทางขี่จักรยานได้อีกด้วย เมื่อจะทำทั้งทีต้องคิดให้ครบ ทำให้จบ หากมีโอกาสเป็นผู้ว่าฯ จะทำให้ประชาชนได้เดิน ได้วิ่ง ได้ออกกำลังกายอย่างแน่นอน
นายสุชัชวีร์กล่าวว่า ในสัปดาห์นี้จะลงพื้นที่ครบ 50 เขตแล้ว โดยมีแผนจะลงพื้นที่เขตลาดกระบังเป็นเขตปิดท้าย ได้เห็นสภาพปัญหาของกรุงเทพฯ พบว่าหนักกว่าที่คิด แต่นโยบายที่วางเอาไว้ก็พิสูจน์แล้วเช่นกัน ว่าสามารถทำได้จริงและต้องทำทันที ซึ่งการแก้ปัญหานั้นไม่สามารถทำได้โดยลำพัง ตนมีทีมงาน ส.ก.ทั้ง 50 เขต ที่มีความมุ่งมั่นแก้ปัญหา ทำงานเกาะติดใกล้ชิดในพื้นที่มานาน สามารถเป็นกระบอกเสียงได้ ทำให้ผู้รับผิดชอบสามารถเข้าแก้ปัญหาได้ทันท่วงที
ที่ร้านอาหารไก่โห่ (อร่อยออเงิน) เขตสายไหม กรุงเทพฯ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ว่าที่ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. ในนามอิสระ และอดีต รมว.คมนาคม และนางเกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เสนาดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ ดร.ยุ้ย หัวหน้าทีมเศรษฐกิจ ได้กล่าวนำเสนอวิสัยทัศน์และเป้าหมายการลงพื้นที่ โดยมีนางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี ให้การต้อนรับในครั้งนี้
นายชัชชาติกล่าวว่า เขตสายไหมเป็นเขตที่มีคนอาศัยอยู่มากที่สุด ปัญหาที่ตามมากับจำนวนประชากรที่เพิ่ม ซึ่งตรงกับนโยบายของตนเรื่องเส้นเลือดฝอย โดยสายไหมมีเส้นเลือดใหญ่ที่พร้อม มีทางด่วน รถไฟฟ้า แต่เส้นเลือดฝอยที่ลงสู่ชุมชนมีปัญหา เช่นถนนมีรถประจำทางวิ่งเพียงสายเดียว หรือการระบายน้ำที่มีการท่วมขัง ดังนั้นปัญหาเหล่านี้จึงสอดคล้องกับแนวคิดของตนที่ว่า กรุงเทพฯ ต้องการเส้นเลือดฝอยที่เข้มแข็งควบคู่ไปกับเส้นเลือดใหญ่ เพื่อให้ชีวิตของคนกรุงเทพฯ ดีขึ้น
ด้านนางปวีณากล่าวว่า ในการทำงานของรัฐบาลต้องทำงานแบบบูรณาการร่วมกัน จะแยกจากกันไม่ได้ ฉะนั้นบอกเลยผู้ชายคนนี้ที่ชื่อชัชชาติ คือตัวจริง รู้จักเขาดี และรู้ว่าทำงานเก่ง บอกเลยว่าชาวกรุงเทพฯ เราโชคดีที่มีผู้ที่มาอาสารับใช้ประชาชนที่ชื่อชัชชาติ สิทธิพันธุ์
ต่อมาเวลา 13.00 น.ได้มีพิธีเปิดสำนักงานเพื่อนชัชชาติ กรุงเทพเหนือ โดยนายชัชชาติทำการตีฆ้องสามครั้งบริเวณหน้าสำนักงาน
นายชัชชาติให้สัมภาษณ์ถึงความพร้อมในการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ในวันที่ 22 พ.ค.นี้ว่า สัปดาห์ที่แล้วได้เปิด 200 นโยบาย ซึ่งเป็นตัวหลักของตน เพราะตนสัญญาว่าจะทำ ดังนั้นจึงได้เริ่มเผยแพร่ข้อมูลเหล่านี้ ตอนนี้ยุทธศาสตร์หลักคือการสื่อสารข้อมูลให้ประชาชนรับรู้ เพื่อสร้างความมั่นใจว่าจะทำได้จริง และนโยบายที่พูดมาเราจะทำได้จริง ไม่ใช่เป็นแค่เรื่องเพ้อฝัน คงเร่งสื่อสารในเรื่องนี้ให้เข้มข้นขึ้น
"ทีมของผมเดินมานานมากในระยะเวลา 2 ปีที่ผ่านมา และเชื่อว่าผมไม่ใช่เพิ่งมาวิ่งสปีดร้อยเมตร เพราะคือการวิ่งมาราธอน ซึ่งการวิ่งมาราธอนตอนจบต้องรักษาสภาพให้ดี คงไม่ได้มีอะไรเป็นบิ๊กเซอร์ไพรส์ แต่จะมีในส่วนของทีมงานที่ค่อยๆ ทยอยเปิดตัว เราไม่ต้องการเป็นพลุ เพราะนโยบายที่เราเอาลงในเว็บไซต์ก็มีคนเข้ามาอ่านเรื่อยๆ อยู่แล้ว เราค่อยเป็นค่อยไป มีนโยบายให้ประชาชนได้เห็น และตลอด 60 วันที่เหลือประชาชนสามารถเข้ามาให้ความเห็นได้ ดังนั้นเราไม่ได้หวังจะมีกระแสเฉพาะวันเดียวที่เปิดตัว แต่เราหวังว่าเราจะมีข้อมูลที่ต่อเนื่อง" นายชัชชาติระบุ
เมื่อถามว่า กังวลใจหรือไม่ที่มีผู้สมัครเปิดตัวขึ้นมาเรื่อยๆ นายชัชชาติกล่าวว่า คนสมัครเยอะยิ่งดีเพราะจะทำให้เกิดการตื่นตัวมาก และประชาชนสามารถเปรียบเทียบนโยบายได้ คนไม่ได้เลือกตั้งมานาน จึงหวังว่าจะมีคนมาเลือกตั้งกันมากๆ สุดท้ายแล้วจะเป็นระบบประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ มีการแข่งขันกัน
ส่วนในอนาคตจะมีการเชิญนางปวีณามาร่วมทีมทำงานด้วยหรือไม่นั้น นายชัชชาติกล่าวว่า นางปวีณาอยู่กับทีมของตนอยู่แล้วในแง่ของผู้แนะนำ เป็นเมนเทอร์เพราะอยู่ในพื้นที่สายไหม ซึ่งให้คำแนะนำที่ดีและมีค่ามาโดยตลอด จริงๆ แล้วเราก็ไม่ได้ผูกขาด ถ้านางปวีณาจะไปช่วยคนอื่นก็ไม่เป็นไร แต่ช่วยเราก็ดีใจเพราะเป็นคนที่มีข้อมูลและผูกพันกับชุมชน ซึ่งนี่เป็นทรัพยากรที่หาไม่ได้แล้ว
จากนั้นเวลา 13.15 น. นายชัชชาติ, ผศ.ดร.เกษรา และทีมงานได้ปั่นจักรยานเดินทางไปยังชุมชนคลองหกวา เขตสายไหม เพื่อรับฟังปัญหาและข้อเสนอจากประชาชนในพื้นที่
ศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลสำรวจของประชาชน เรื่อง “ซื้อเสียงถูกกฎหมาย?” จำนวน 1,329 หน่วยตัวอย่าง โดยถามถึงความเชื่อของประชาชนว่า “ประเทศไทยมีการซื้อเสียงในการเลือกตั้ง” ไม่ว่าจะเป็นในระดับท้องถิ่นหรือระดับประเทศ พบว่าร้อยละ 76.75 ระบุว่าเชื่อมาก รองลงมาร้อยละ 16.33 ค่อนข้างเชื่อ ร้อยละ 3.46 ระบุว่าไม่เชื่อเลย ร้อยละ 3.31 ไม่ค่อยเชื่อ และร้อยละ 0.15 เฉยๆ/ไม่ตอบ/ไม่สนใจ สำหรับความเชื่อว่า “ปัญหาการซื้อเสียงในการเลือกตั้งจะสามารถแก้ไขได้" พบว่าร้อยละ 63.92 ระบุว่าไม่เชื่อเลย รองลงมาร้อยละ 17.76 ไม่ค่อยเชื่อ ร้อยละ 11.46 ค่อนข้างเชื่อ ร้อยละ 6.62 เชื่อมาก.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
แฉระบบเด็กฝาก ทำลายองค์กรตร. ดับฝัน‘ดาวฤกษ์’
เช็ก 41 รายชื่อแต่งตั้งนายพลสีกากี ระดับรอง ผบ.ตร.-ผบช.
ยธ.เมินแจงกมธ. ปมนักโทษเทวดา รพ.ตำรวจชั้น14
ชั้น 14 น่าพิศวง "โรม" กวักมือเรียก “ทักษิณ” ไปสภา เข้าแจง กมธ.มั่นคงฯ
แจกเฟส2เอื้อเลือกอบจ. เตือนร้องถอดถอนครม.
นายกฯ โชว์วิชั่น Forbes ยันไทยสงบ สันติ หวังแม้รัฐบาลเปลี่ยน
ฟ้อง9บิ๊กมท.ทุจริตที่เขากระโดง
เรื่องถึงศาล "ณฐพร" ฟ้องกราวรูด "บิ๊ก ขรก.มหาดไทย"
ลุ้นศาลรับคดีล้มล้าง ตุลาการถก6ประเด็น‘ทักษิณ-พท.’/ดันแก้ประชามติไม่รอ180วัน
"ทักษิณ-พท." ระทึก! 9 ตุลาการศาล รธน.ยืนยันนัดประชุมวาระพิเศษ 22 พ.ย.นี้
สั่งประหารชีวิต ‘แอม ไซยาไนด์’ คุกผัวเก่า-ทนาย
ศาลพิพากษาประหารชีวิต "แอม ไซยาไนด์" วางยาฆ่าก้อย พร้อมชดใช้ 2.3 ล้าน