สถานบันเทิงรอเก้อ! ศบค.แค่ปรับระดับพื้นที่พร้อมคงพ.ร.ก.ติดหนวดอีก2เดือน

มติ ศบค.ปรับระดับพื้นที่ควบคุม ลดโซนสีส้มเหลือ 20 จว. เพิ่ม “เพชรบุรี-เชียงใหม่” สีฟ้านำร่องท่องเที่ยว ยังไม่เปิดผับ-บาร์-สถานบันเทิง พร้อมผ่อนเกณฑ์ “เทสต์แอนด์โก-แซนด์บอกซ์” ตรวจ RT-PCR ครั้งเดียว “สงกรานต์” จัดได้แค่รดน้ำดำหัว ห้ามสาดน้ำ-เล่นประแป้ง-ปาร์ตี้โฟม ไฟเขียวต่อ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน 2 เดือน รอแก้ พ.ร.บ.โรคติดต่อเสร็จ “บิ๊กตู่” ห่วงสงกรานต์คนฉีดเข็มกระตุ้นน้อย เร่งจัดวัคซีนลงพื้นที่  ขู่จัดงานไม่ปฏิบัติตาม สธ.สั่งปิดทันที   ย้ำยังไม่มีประกาศเลิกถอดหน้ากาก “นายกฯ” มอบรางวัล อสม.ดีเด่น ปลุกขวัญคนทำงาน

ที่ทำเนียบรัฐบาล วันที่ 18 มี.ค. เวลา 09.30 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. ครั้งที่ 5/2565

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวช่วงต้นของการประชุมว่า หลังพบโควิด-19 สายพันธุ์ BA 2.2 ขอให้ทุกหน่วยงานติดตามสถานการณ์การกลายพันธุ์และเชื้อชนิดนี้ ทั้งเรื่องการตรวจหาเชื้อประสิทธิภาพวัคซีน อาการความรุนแรงของโรค และการตอบสนองต่อยารักษา เพื่อใช้เป็นข้อมูลประกอบการประเมินสถานการณ์การแพร่ระบาดต่อไป

“การปรับให้โรคโควิด-19 เป็นโรคประจำถิ่น ยังคงไม่ใช่ในระยะเวลานี้ เดี๋ยวจะเกิดการเข้าใจกันผิด เหมือนที่ไปพาดหัวข่าวกันอยู่ทุกวันนี้ ทำให้เกิดความตื่นตระหนก แต่ก็ต้องเตรียมแผนรองรับไว้ล่วงหน้า” พล.อ.ประยุทธ์ระบุ

จากนั้นหลังการประชุมนานกว่า 2 ชม. พล.อ.ประยุทธ์แถลงว่า การประชุม ศบค.วันนี้เป็นเรื่องของการปรับมาตรการ ปรับสีพื้นที่ รวมถึงมาตรการทำอย่างไรให้เกิดการท่องเที่ยวที่ปลอดภัย ซึ่งตอนนี้เราเปิดประเทศแล้ว ก็มีการปรับปรุงมาตรการอยู่หลายอันที่มีรายละเอียดปลีกย่อย

“สิ่งสำคัญที่สุดที่ผมเป็นห่วงช่วงนี้ คือสถานการณ์ช่วงเทศกาลสงกรานต์ทุกพื้นที่ที่มีการจัดงานต้องระมัดระวังตัวเอง ต้องรับผิดชอบปฏิบัติตามมาตรการในการจัดงานสงกรานต์ ถ้าตรงไหนไม่ปฏิบัติตามต้องถูกปิด ก็ต้องระมัดระวังกัน เพราะเทศกาลสงกรานต์เป็นประเพณีไทยแต่โบราณ ขอให้ฟังมาตรการของ ศบค.ด้วย และปฏิบัติให้ได้ตามนั้น เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดที่มากขึ้น” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

นายกฯ กล่าวว่า อีกประการเรื่องการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นเข็ม 3 วันนี้มีวัคซีนเพียงพอเตรียมไว้ถึงกว่า 3 ล้านโดส แต่คนก็ยังไม่ค่อยอยากมาฉีดกัน จึงต้องรณรงค์ให้มาฉีดกันมากขึ้น ตนก็สั่งการให้มีการลงไปฉีดในพื้นที่ โดยเฉพาะพื้นที่ที่จะมีการจัดงานต้องฉีดให้ได้มากที่สุด และให้ระมัดระวังกลุ่มผู้มีโรคประจำตัว วันนี้มีปัญหาอีกอันคือกลุ่มผู้ที่มีโรคไต ที่จะต้องฟอกไตเมื่อมีสถานการณ์โควิด-19 ก็ไปฟอกไม่ได้ตามเวลาที่กำหนด จึงมีความเสี่ยงสูง ซึ่งรัฐบาลพยายามแก้ไขในทุกมิติ เดี๋ยวโฆษก ศบค.จะชี้แจง ซึ่งมีหลายเรื่องที่ต้องปรับปรุง

ถามถึงการจัดคอนเสิร์ตสามารถผ่อนคลายได้หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ก็ให้ไปขออนุญาตให้จัดในที่แจ้ง จำนวนคนเท่าไหร่ก็มีกำหนดไว้อยู่แล้ว แต่การที่จะไปจัดในสถานที่ปิดมิดชิดที่เขายังไม่ให้เปิดก็จัดได้แค่ในลักษณะที่เป็นเหมือนร้านอาหาร ซึ่งในส่วนพื้นที่เสี่ยงวันนี้ก็ตรวจเจอกันหลายพื้นที่ ก็สั่งการกำชับไปแล้ว ถ้าไม่ปฏิบัติตามมาตรการสั่งปิดทันที ต้องมีความผิดและรับผิดชอบตามกฎหมาย เพราะทำให้คนเดือดร้อน

“ขอเตือนแล้วกัน ถ้าเราไม่อยากจะติดเชื้อ ไม่อยากให้คนในครอบครัวติดเชื้อ ก็ต้องระมัดระวังตัวเองในการใช้ชีวิต ยังคงต้องระวังอยู่ หน้ากากยังคงต้องใส่อยู่ อย่าเพิ่งไปพาดหัวข่าวว่าจะเลิกถอดหน้ากาก เลิกนั่นเลิกนี่ มันยังไม่เลิก เพราะมติ ศบค.ยังไม่ออกมาตรงนี้ ก็พูดกันไปล่วงหน้ากันเอง มันเป็นประเด็นเข้าใจหรือไม่” นายกฯ กล่าว

ปรับโซนสียังไม่เปิดผับ-บาร์

ต่อมา นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษก ศบค. แถลงผลการประชุม ศบค.ชุดใหญ่ว่า ปลัด สธ.รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดในประเทศไทย พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 27,071 ราย เป็นการติดเชื้อในประเทศ 26,919 ราย มาจากระบบเฝ้าระวังและระบบบริการ 26,826 ราย ค้นหาเชิงรุก 93 ราย เรือนจำ 103 ราย เดินทางมาจากต่างประเทศ 49 ราย ทำให้มียอดผู้ติดเชื้อสะสม 3,303,169 ราย หายป่วยเพิ่ม 21,522 ราย ทำให้มียอดหายป่วยสะสม 3,048,491 ราย อยู่ระหว่างรักษา 230,603 ราย อาการหนัก 1,391 ราย ใส่ท่อช่วยหายใจ 511 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 80 ราย ทำให้มียอดผู้เสียชีวิตสะสม 24,075 ราย

นพ.ทวีศิลป์กล่าวว่า ที่ประชุม ศบค.เห็นชอบการปรับระดับพื้นที่สถานการณ์ทั่วราชอาณาจักร โดยลดจำนวนพื้นที่ควบคุม (สีส้ม) จากเดิม 44 จังหวัด เหลือ 20 จังหวัด เพิ่มพื้นที่เฝ้าระวังสูง (สีเหลือง) จาก 25 จังหวัด เป็น 47 จังหวัด และเพิ่มพื้นที่นำร่องท่องเที่ยว (สีฟ้า) จาก 8 เป็น 10 จังหวัด และบางพื้นที่ใน 18 จังหวัด โดย 2 จังหวัดที่เพิ่มขึ้นมาคือ จ.เชียงใหม่ และเพชรบุรี ทุกพื้นที่ยังไม่ให้เปิดสถานบันเทิง ขณะที่พื้นที่สีส้มยังห้ามการบริโภคสุราและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในร้านอาหาร ส่วนพื้นที่สีเหลืองจำกัดเวลาบริโภคสุราและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในร้านอาหารไม่เกินเวลา 23.00 น. 

นอกจากนี้ มีการรายงานถึงแผนบริหารจัดการสถานการณ์ให้โควิด-19 เป็นโรคประจำถิ่น แบ่งเป็น 4 ระยะ ขณะนี้เราอยู่ในระยะที่ 1 คือต้องต่อสู้กับโรค ถ้าช่วงต้นเดือน เม.ย.เราช่วยกันอย่างดีจะเข้าสู่ระยะที่ 2 คือระยะทรงตัว จากนั้นตัวเลขจะค่อยลดลงตามการคาดการณ์ในปลายเดือน พ.ค. จนถึง 30 มิ.ย. ถ้าการคาดการณ์เป็นจริง วันที่ 1 ก.ค.เป็นต้นไป โควิด-19 จะกลายเป็นโรคประจำถิ่น ซึ่งนายกฯ เห็นชอบตรงนี้ แต่แผนคือแผน ส่วนสถานการณ์จริงในวันที่ 1 ก.ค.จะเป็นอย่างไร คนกำหนดชี้วัดคือประชาชนทั้งประเทศ

 “ที่ประชุมยังเห็นชอบปรับมาตรการป้องกันโรคสำหรับการเดินทางเข้าราชอาณาจักร ในระบบเทสต์แอนด์โก และแซนด์บอกซ์ เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยว จากเดิมที่ก่อนเดินทางมาจะต้องตรวจโควิด-19 ภายใน 72 ชั่วโมง แล้วมาตรวจแบบ RT-PCR ครั้งที่ 1 เมื่อเดินทางถึงประเทศไทย และตรวจแบบ ATK ในวันที่ 5 จะปรับเป็นไม่ตรวจก่อนเดินทางมา แต่จะตรวจตอนมาถึงประเทศไทย หากไม่พบเชื้อสามารถเดินทางท่องเที่ยวได้เลย และจะตรวจแบบ ATK อีกครั้งในวันที่ 5 โดยให้เริ่มวันที่ 1 เม.ย. รวมทั้งยังได้หารือเรื่องวงเงินประกันที่ปัจจุบันอยู่ที่ 2 หมื่นเหรียญฯ อาจจะมีการปรับลดเงินประกันเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวในอนาคตด้วย” นพ.ทวีศิลป์กล่าว

 โฆษก ศบค.กล่าวว่า ที่ประชุมยังเห็นชอบมาตรการป้องกันโรคในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ซึ่งสามารถจัดได้ แต่ให้เป็นลักษณะประเพณีดั้งเดิม รดน้ำดำหัว หากจะจัดแบบสันทนาการต้องมีการขออนุญาต เพราะเป็นการรวมตัวของคนจำนวนมาก โดยมีข้อแนะนำ 3 ช่วง ได้แก่ 1.การเตรียมตัวก่อนร่วมงาน ผู้ที่จะกลับภูมิลำเนา และกลุ่ม 608 ต้องได้รับวัคซีนครบตามเกณฑ์ ประเมินความเสี่ยงของตนเอง หากพบมีอาการหรือเสี่ยง ขอให้หลีกเลี่ยงเข้าร่วมงาน หรือตรวจ ATK ก่อนเดินทาง

2.ระหว่างช่วงสงกรานต์ สำหรับพื้นที่จัดงานสงกรานต์ที่มีการจัดเตรียมสถานที่และควบคุมกำกับ อนุญาตให้เล่นน้ำและจัดกิจกรรมตามประเพณี เช่น รดน้ำดำหัว สรงน้ำพระ การละเล่น การแสดงทางวัฒนธรรม ขบวนแห่ การแสดงดนตรี โดยปฏิบัติตามมาตรการโควิดฟรีเซตติง แต่ห้ามประแป้ง ปาร์ตี้โฟม จำหน่ายและบริโภคแอลกอฮอล์ในพื้นที่จัดงาน ส่วนพื้นที่สาธารณะไม่มีการควบคุม เช่น ท้องถนน ห้ามเล่นน้ำ ประแป้ง และปาร์ตี้โฟม และ 3.หลังกลับจากงานสงกรานต์ ให้สังเกตอาการตัวเอง 7 วัน หากสงสัยให้ตรวจ ATK พิจารณาเวิร์กฟรอมโฮมตามความเหมาะสม 

“นายกฯ ขอให้ดำเนินการตามมาตรการ ได้เน้นย้ำฝ่ายปกครอง ฝ่ายความมั่นคง ร่วมกับสาธารณสุขให้เข้มงวด ใครกระทำผิดฝ่าฝืนให้ดำเนินการเด็ดขาด รวมทั้ง ศบค.ยังเห็นชอบขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินออกไปอีก 2 เดือน เป็นคราวที่ 17 ระหว่างวันที่ 1 เม.ย.-31 พ.ค.65” โฆษก ศบค.กล่าว

ต่อฉุกเฉิน 2 เดือนรอแก้ กม.

นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณี ศบค.ชุดใหญ่ยังไม่มีมาตรการผ่อนคลายสถานบันเทิง

หรือเพิ่มระยะเวลาการจำหน่ายสุราในร้านอาหารว่า ที่ประชุม ศบค.ไม่ได้หยิบเรื่องนี้มาหารือ แต่มาตรการเรื่องการจำหน่ายสุรายังไม่มีการปรับเปลี่ยน คือยังให้ยึดตามเดิมไปก่อน เพราะ ศปก.ศบค.ยังไม่ตกผลึก จึงต้องนำมาพิจารณาใหม่ 

                    ถามเหตุผลที่ต่อ พ.ร.ก.ฉุกเฉินอีก 2 เดือน ไปจนถึงเดือนสิ้น พ.ค. เป็นเพราะพ.ร.บ.โรคติดต่อยังแก้ไขไม่เสร็จใช่หรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า ใช่

ซักว่าวางกำหนดการแก้ไขกฎหมายให้เสร็จสิ้นในช่วงใด นายวิษณุกล่าวว่า ไปจนถึงสิ้นเดือน พ.ค. แต่ถ้าจำเป็นจะเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินก่อนที่จะแก้ไข พ.ร.บ.โรคติดต่อเสร็จสิ้นก็ได้ ซึ่งจะไปพอดีกับช่วงการประกาศให้โควิด-19 เป็นโรคประจำถิ่น

ด้านนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข กล่าวถึงกรณี ศบค.ไม่ได้หารือการผ่อนคลายมาตรการสถานบันเทิงว่า ตนไม่ได้เข้าร่วมประชุม ศบค.ชุดใหญ่ เนื่องจากติดภารกิจงานวันอาสาสมัครสาธารณสุขแห่งชาติ ประจำปี 2565 ขอให้ไปถามรายละเอียดจาก นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัด สธ. และ นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค  

ถามถึงกรณีนายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญ ยื่นศาลปกครองกลางฟ้องนายอนุทิน, ปลัด สธ., อธิบดีกรมการแพทย์ และเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ฐานใช้ดุลยพินิจโดยมิชอบในการผลักดันการจัดซื้อจัดหายาฟาวิพิราเวียร์เพิ่มเติมแบบไม่หยุดหย่อน ทั้งที่ยาดังกล่าวประเทศผู้ผลิตยังไม่อนุมัติให้ใช้ เพราะอาจไม่ปลอดภัยต่อผู้บริโภค นายอนุทิน กล่าวว่า ภายในกระทรวงคงไม่ต้องพูดคุยอะไรกันมากถึงเรื่องดังกล่าว เพราะทุกคนทำงานกันอย่างทุ่มเท มีเจตนาดี และต้องการให้ประชาชนทุกคนหายป่วยจากทุกโรค   

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้นายศรีสุวรรณไปยื่นฟ้องเรื่องดังกล่าวต่อศาลปกครองกลาง เพื่อสั่งให้ รมว.สธ.ระงับการจัดซื้อจัดหายาชนิดดังกล่าว และให้หันไปส่งเสริมการใช้สมุนไพรไทย ฟ้าทะลายโจรกันอย่างจริงจัง

ส่วน นพ.อุดม คชินทร ที่ปรึกษา ศบค. กล่าวถึงเรื่องการผ่อนปรนมาตรการสถานบันเทิงว่า ผู้ประกอบการสถานบันเทิงต้องเข้าใจว่าเราอยากให้เปิด แต่ต้องยอมรับว่าสถานบันเทิงอยู่ในบริบทที่มีความเสี่ยงสูง เพราะเป็นพื้นที่ปิด คนอยู่ใกล้ชิดกัน เมื่อดื่มแอลกอฮอล์ทำให้มีการตะโกนเสียงดัง หรือดื่มแก้วเดียวกัน ความเห็นส่วนตัวจึงอยากให้ผ่านเทศกาลสงกรานต์ไปก่อน

“เราพิจารณาและเตรียมการอยู่แล้ว หากตัวเลขยังทรงตัวอยู่ ถือว่าเป็นที่น่าพอใจ และอีก 2-3 เดือนยอดติดเชื้อจะลดลง หากเราควบคุมทุกอย่างให้ดี ช่วงเดือน ก.ค.ไปแล้วจะสามารถเปลี่ยนโควิด-19 มาเป็นโรคติดต่อทั่วไปเหมือนไข้หวัดได้” ที่ปรึกษา ศบค.กล่าว

‘บิ๊กตู่’ปลุกขวัญ อสม.

วันเดียวกัน เวลา 13.30 น. พล.อ.ประยุทธ์เป็นประธานในพิธีมอบรางวัลเชิดชูเกียรติให้แก่อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้านดีเด่น เนื่องในวันอาสาสมัครสาธารณสุขแห่งชาติ ประจำปี 2565

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า การจัดงานในวันนี้ถือเป็นการขอบคุณ และฝากคำขอบคุณไปถึง อสม.คนอื่นๆ ด้วยว่าเราตระหนักถึงคุณค่าและความดีของท่านที่เข้ามาทำงานด้วยจิตอาสาในการดูแลสุขภาพ เชื่อมประสานระหว่างประชาชน ชุมชน และเจ้าหน้าที่เป็นอย่างดี และเป็นโอกาสในการยกย่องชื่นชม อสม.ในระดับชาติ คนเหล่านี้จะเป็นแรงบันดาลใจให้คนอื่นๆ ต่อไปด้วย

“อยากจะฝาก หน้าที่ไหนๆ ก็ไปดูแลโรคและคนเจ็บ ฝากสร้างความเข้าใจการเข้าถึงบริการของภาครัฐไปด้วย ถือว่านอกจากทำงานด้านนี้ ก็ทำงานเพื่อสังคมไปด้วย ขอขอบคุณทุกท่านและเป็นกำลังใจให้ทุกคน ไม่มีงานใดสำเร็จได้ด้วยคนคนเดียว นายกฯ ไม่สามารถทำงานสำเร็จได้คนเดียว ต้องเป็นทีมงานอย่างที่เราทำกันอยู่ทุกวันนี้ ด้วยความรักความสามัคคี ความเห็นชอบร่วมกันในการทำงาน ประเทศไทยจะอยู่รอด” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

ด้านนายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีมีผู้ร้องเรียนบริษัทประกันภัยบางแห่งจ่ายเคลมประกันภัยโควิด-19 ล่าช้าว่า นายกฯ ห่วงใยและกำชับหน่วยงานกำกับให้ติดตามดำเนินการในเรื่องดังกล่าวโดยเร่งด่วน เพื่อให้ประชาชนผู้เอาประกันภัยได้รับความคุ้มครองตามสิทธิประโยชน์ ตามเงื่อนไขกรมธรรม์ประกันภัย เพื่อไม่ให้เป็นการซ้ำเติมประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในปัจจุบัน โดยสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ได้แจงผู้เคลมประกันรักษาตัวแบบ HI - CI - Hotel Isolation ให้อนุโลมจ่ายค่ารักษาพยาบาล ค่าชดเชยรายวัน/รายได้ เพื่อลดข้อพิพาทและบรรเทาความเดือดร้อนของผู้เอาประกันภัยที่เจ็บป่วยจากการติดเชื้อโควิด

นอกจากนี้ เตรียมออกเป็นคำสั่งนายทะเบียนฯ มีผลบังคับใช้ต่อไป โดยให้มีการอนุโลมการจ่าย 1.การจ่ายค่ารักษาพยาบาล กรณีรักษาตัวแบบ Home Isolation (HI) แบบ Community Isolation (CI) หรือแบบ Hotel Isolation กรณีที่กรมธรรม์ประกันภัยมีความคุ้มครองแบบผู้ป่วยนอกเพียงอย่างเดียว ให้อนุโลมจ่ายค่าใช้จ่ายตามที่เกิดขึ้นจริงไม่เกินวงเงินความคุ้มครองแบบผู้ป่วยนอก หรือกรณีที่กรมธรรม์ประกันภัยมี และไม่เกิน 12,000 บาท 2.การจ่ายค่าชดเชยรายวันหรือค่าชดเชยรายได้ กรณีรักษาตัวแบบ Home Isolation (HI) เฉพาะกรณีผู้เอาประกันภัยที่ติดเชื้อโควิด ซึ่งมีผลตรวจโดยวิธี RT-PCR และมีปัจจัยเสี่ยงข้อใดข้อหนึ่งที่จะต้องเข้ารักษาตัวเป็นผู้ป่วยในในสถานพยาบาล แต่ไม่มีสถานพยาบาลรองรับ อย่างไรก็ตาม คปภ.จะนำหลักเกณฑ์ดังกล่าวไปออกเป็นคำสั่งนายทะเบียนเพื่อให้มีผลบังคับใช้ต่อไป.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ฟ้องต้นตอหมอคางดำ

สภาทนายความฯ เตรียมฟ้องแพ่งบิ๊กเอกชน-หน่วยงานรัฐ ต้นตอ "เอเลี่ยนสปีชีส์"

‘เนวิน’รวมใจชาวบุรีรัมย์ จัดมิวสิคัลเทิดพระเกียรติ

“เนวิน” รวมใจชาวบุรีรัมย์ จัดเทิดพระเกียรติ 72 พรรษา แสดง แสง สี เสียง มิวสิคัล “ลมหายใจของแผ่นดิน” โดยบุรีรัมย์ออร์เคสตรา แสดงความจงรักภักดี 28-30 ก.ค.2567 สนามช้างอารีนา บุรีรัมย์