บุก ‘เคียฟ’ นองเลือดแน่!

กองกำลังรัสเซียที่ตั้งขบวนอยู่ทางตอนเหนือสลายตัวแล้ว คาดว่าเป็นการสลายตัวเพื่อพยายามโอบล้อมกรุงเคียฟ ส.ส.ยูเครนเผยหากบุกจริงสถานการณ์ในเคียฟจะไม่ต่างจากเมืองสตาลินกราดของรัสเซียที่เป็นสมรภูมินองเลือดที่สุดในสงครามโลกที่ 2 "เซเลนสกี" ยอมรับสถานการณ์เปลี่ยนถูกโจมตีแน่ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า "ไบเดน" ยืนยันสหรัฐและนาโตจะไม่ทำสงครามโดยตรงกับรัสเซียในยูเครน เพราะนั่นหมายถึงสงครามโลกครั้งที่ 3


วันเสาร์ที่ผ่านมา เว็บไซต์บรรษัทแพร่ภาพกระจายเสียงอังกฤษ หรือบีบีซี (BBC) รายงานว่า กระทรวงกลาโหมอังกฤษอ้างข้อมูลล่าสุดของหน่วยข่าวกรองว่า กองกำลังรัสเซียที่ตั้งขบวนอยู่ทางตอนเหนือของกรุงเคียฟได้สลายตัวแล้ว คาดว่าเป็นการสลายตัวเพื่อพยายามโอบล้อมกรุงเคียฟ และอาจเป็นความพยายามลดความเสี่ยงที่จะถูกกองกำลังยูเครนตอบโต้ที่ทำให้รัสเซียสูญเสียอย่างสำคัญ ส่วนเมืองอื่นๆ อย่างคาร์คิฟ มาริอูโปล และซูมี ที่ถูกกองกำลังรัสเซียปิดล้อมอยู่ยังคงถูกยิงถล่มอย่างหนักหน่วง

บีบีซียังได้อ้างสเวียโตสลาฟ ยูราห์ วัย 26 ปี ส.ส.อายุน้อยที่สุดของยูเครน และอดีตที่ปรึกษาประธานาธิบดีโวโลดีมีร์ เซเลนสกี ของยูเครนว่ากรุงเคียฟถูกจรวดระดมยิงตลอดคืนที่ผ่านมา และกำลังมีการสู้รบบริเวณชานเมือง แต่หากกองกำลังรัสเซียพยายามบุกเข้ามา รับรองได้เลยว่าจะต้องเผชิญกับการต่อต้านอย่างหนักจากชาวเมืองหลายล้านคน สถานการณ์ในกรุงเคียฟจะไม่ต่างจากเมืองสตาลินกราดของรัสเซียที่เป็นสมรภูมินองเลือดที่สุดในสงครามโลกที่ 2 เมื่อทหารรัสเซียปะทะกับกองทัพนาซีที่บุกเข้ามา รัสเซียต้องสูญเสียทหารมากถึง 1 ล้าน 1 แสนนาย ส่วนนาซีเยอรมนีและทหารโรมาเนียสูญเสียทหาร 800,000 นาย


สำนักข่าวอินเทอร์แฟกซ์ ยูเครน อ้างคำพูดของนาตาเลีย บาลาซินอวิช นายกเทศมนตรีเมืองวาซิลกิฟ ที่ระบุว่า การโจมตีด้วยจรวดของรัสเซีย ไม่เพียงทำลายฐานทัพอากาศยูเครนใกล้กับเมืองวาซิลกิฟ ทางตะวันตกเฉียงใต้ แต่ยังกระทบไปถึงคลังกระสุนอีกด้วย


ขณะที่กระทรวงกลาโหมยูเครนระบุว่า การสู้รบทางตะวันตกเฉียงเหนือของกรุงเคียฟก็ยังคงทวีความรุนแรง โดยมีกองกำลังภาคพื้นดินของรัสเซียจำนวนมากอยู่ห่างจากใจกลางเมืองหลวงของยูเครนเพียง 25 กม. ในขณะที่เมืองอื่นๆ อีกหลายแห่งถูกล้อมและอยู่ภายใต้การยิงถล่มอย่างหนัก
อิรินา เวเรชชุก รองนายกรัฐมนตรีของยูเครน กล่าวว่า เธอหวังว่าเส้นทางด้านมนุษยธรรมหลายแห่งจะเปิดในวันเสาร์นี้ สำหรับการอพยพของผู้อยู่อาศัยหลายพันคนในเมืองที่ถูกทิ้งระเบิด รวมถึงจากเมืองท่ามาริอูโปลที่ถูกปิดล้อมไปจนถึงซาโปริชเชีย


ขณะที่ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ระบุว่า สงครามได้มาถึงจุดเปลี่ยนเชิงกลยุทธ์แล้ว เพราะดูเหมือนว่ากองกำลังรัสเซียจะจัดขบวนใหม่ ซึ่งอาจหมายถึงการโจมตีครั้งใหม่ที่มุ่งเป้าไปยังเมืองหลวงอย่างกรุงเคียฟในอีกไม่กี่วันข้างหน้า


เอเอฟพีรายงานว่า ชาติพันธมิตรตะวันตกกล่าวหารัสเซียว่ากำลังเผยแพร่ทฤษฎีสมคบคิดที่ป่าเถื่อน หลังจากนายวาสซิลี เนเบนเซีย เอกอัครราชทูตรัสเซียประจำองค์การสหประชาชาติ กล่าวอ้างในที่ประชุมคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็นเอสซี) 15 ชาติ ที่สำนักงานใหญ่ยูเอ็นในนครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐ เมื่อวันที่ 11 มีนาคมว่า กองกำลังรัสเซียพบหลักฐานว่ายูเครนได้ดำเนินงานเครือข่ายห้องปฏิบัติการวิจัยทางชีวภาพถึง 30 แห่ง ในการทดลองทางชีวภาพที่เป็นอันตรายอย่างยิ่ง โดยมีเป้าหมายที่จะแพร่เชื้อโรคไวรัสจากค้างคาวสู่มนุษย์


เชื้อโรคดังกล่าวนั้น รวมถึงเชื้อกาฬโรค แอนแทร็กซ์ อหิวาตกโรค และ โรคร้ายแรงอื่นๆ โดยโครงการดังกล่าวนี้ดำเนินการภายใต้ความร่วมมือกับสหรัฐ อย่างไรก็ดี เอกอัครราชทูตรัสเซียประจำยูเอ็นไม่ได้แสดงหลักฐานใดๆ เพื่อพิสูจน์ข้อกล่าวหาของตนเองในเรื่องนี้ ซึ่งสหรัฐและยูเครนต่างปฏิเสธ


นางอิซูมิ นากามิตสึ รองเลขาธิการฝ่ายกิจการลดอาวุธของยูเอ็น กล่าวในที่ประชุมยูเอ็นเอสซี ซึ่งจัดประชุมขึ้นตามคำร้องขอของรัสเซียเพื่อหารือในประเด็นนี้ว่า ไม่ทราบว่ามีโครงการอาวุธชีวภาพใดๆ ในยูเครน


ขณะที่นางลินดา โธมัส-กรีนฟิลด์ เอกอัครราชทูตสหรัฐประจำยูเอ็น กล่าวว่า สหรัฐได้ช่วยยูเครนดำเนินการด้านสิ่งอำนวยความสะดวกทางสาธารณสุขในการตรวจโรค เช่น โรคโควิด-19 ซึ่งเป็นงานที่ทำอย่างภาคภูมิใจ ชัดเจน และเป็นไปอย่างเปิดเผย ในการปกป้องสุขภาพของประชาชน และไม่ได้มีสิ่งที่เกี่ยวข้องกับอาวุธชีวภาพอย่างแน่นอน


นางบาร์บารา วูดเวิร์ด เอกอัครราชทูตอังกฤษประจำยูเอ็น กล่าวว่า รัสเซียได้ใช้เวทียูเอ็นเอสซีในการเผยแพร่ทฤษฎีสมคบคิดที่ป่าเถื่อน ไร้มูลความจริงอย่างสิ้นเชิง และขาดความรับผิดชอบ และว่า ทฤษฎีนี้ไร้สาระ และไม่มีหลักฐานที่เชื่อถือได้ว่ายูเครนมีโครงการอาวุธชีวภาพ


ด้านนางลิซ โทรสเซลส์ โฆษกสำนักงานข้าหลวงใหญ่ด้านสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ รายงานว่า ปฏิบัติการทางทหารของรัสเซียในยูเครน ตั้งแต่วันที่ 24 กุมภาพันธ์ ถึงคืนวันพุธที่ผ่านมา ทำให้พลเรือนเสียชีวิตอย่างน้อย 549 คน และบาดเจ็บอย่างน้อย 957 คน โดยพลเรือนที่เสียชีวิตและบาดเจ็บล้วนเกิดจากการโจมตีอย่างไม่เลือกเป้าหมายด้วยอาวุธที่ก่อให้เกิดความเสียหายอย่างรุนแรงและกว้างขวางของทหารรัสเซีย ซึ่งนอกจากจะเป็นการขัดต่อกฎหมายระหว่างประเทศแล้ว ยังถือได้ว่าเป็นการก่ออาชญากรรมสงครามอย่างชัดเจนอีกด้วย


องค์การอนามัยโลก หรือ WHO แนะนำให้ยูเครนทำลายเชื้อโรคที่มีภัยคุกคามสูงที่อยู่ระหว่างการศึกษาวิธีการบรรเทาภัยคุกคามของโรคอันตราย ซึ่งรวมทั้งเชื้อโควิด-19 ที่อยู่ในห้องปฏิบัติการด้านสาธารณสุขบางแห่งของประเทศ ที่ได้รับการสนับสนุนจากสหรัฐ สหภาพยุโรป และองค์การอนามัยโลก เพื่อป้องกันการรั่วไหลที่อาจเกิดขึ้น ที่จะแพร่กระจายในหมู่ประชากร


ผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคงทางชีวภาพกล่าวว่า การเคลื่อนพลของรัสเซียเข้าไปในยูเครน และการทิ้งระเบิดในเมืองต่างๆ ได้เพิ่มความเสี่ยงที่จะให้เกิดการรั่วไหลและก่อให้เกิดโรค หากสิ่งเหล่านั้นได้รับความเสียหาย


อย่างไรก็ตาม องค์การอนามัยโลกไม่ได้ให้ข้อมูลเฉพาะเกี่ยวกับชนิดของเชื้อโรค หรือสารพิษที่อยู่ในห้องปฏิบัติการของยูเครน


ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องยังไม่ตอบรับกับคำแนะนำดังกล่าว และยังไม่ได้รับคำตอบว่ายูเครนจะปฏิบัติตามคำแนะนำหรือไม่
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า นักแม่นปืน หรือสไนเปอร์ วัย 40 ปี ที่ข่าวไม่ระบุชื่อจริง อดีตทหารประจำกองทัพแคนาดาที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นหนึ่งในสไนเปอร์ที่อันตรายมากที่สุดในโลก เดินทางไปถึงยูเครนแล้วเพื่อช่วยสู้รบต่อต้านการรุกรานจากรัสเซีย


จอมแม่นปืนสังหารชาวแคนาดาคนนี้ รู้จักกันดีในฉายาในสมรภูมิรบว่า "วาลี" เคยร่วมปฏิบัติการสู้รบในอัฟกานิสถาน มีรายงานยิงสังหารนักรบฝ่ายศัตรูได้หลายคนจากระยะไกลถึง 3.2 กิโลเมตร และเคยไปร่วมต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับกลุ่มนักรบชาวเคิร์ดเพื่อต่อสู้กับกองกำลังรัฐอิสลาม หรือไอเอส ในอิรักด้วย


ด้านบรรษัทกระจายเสียงของแคนาดา หรือซีบีซี รายงานว่า สไนเปอร์มือฉมังได้เดินทางไปยูเครนพร้อมอดีตทหารแคนาดาอีก 3 คน โดยเขาเปิดเผยว่า การมาครั้งนี้มีเหตุผลง่ายๆ เลยคือต้องการช่วยเหลือชาวยูเครน เพราะประชาชนในยูเครนถูกระเบิดโจมตี เพียงเพราะต้องการเป็นชาวยุโรป ไม่ใช่รัสเซีย เจ้าหน้าที่ยูเครนรวมทั้งประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี เคยระบุว่ามีอาสาสมัครชาวต่างชาติราว 20,000 คน จากกว่า 10 ประเทศ ที่อาสาเข้ามาช่วยยูเครนรบต่อสู้กับรัสเซีย


ขณะที่วุฒิสภาสหรัฐลงมติผ่านร่างงบประมาณช่วยเหลือยูเครนมูลค่า 13,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 4 แสนล้านบาท ด้วยคะแนน 68 ต่อ 31 เสียง


ทั้งนี้ เงินช่วยเหลือดังกล่าวจะนำไปสนับสนุนกองทัพยูเครนสู้รบกับรัสเซีย รวมไปถึงความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม


นายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐ ยืนยันจะปกป้องนาโต แต่ไม่ต้องการปะทะกับรัสเซียในยูเครน เพราะนั่นจะนำไปสู่สงครามโลกครั้งที่ 3 ในขณะที่เราให้การสนับสนุนยูเครน เราจะยังคงยืนหยัดร่วมกับพันธมิตรของเราในยุโรป และเราขอย้ำชัดๆ อีกครั้งว่าเราจะปกป้องดินแดนนาโตทุกตารางนิ้ว


ประธานาธิบดีไบเดนยังคงย้ำว่า สหรัฐและนาโตจะไม่ทำสงครามโดยตรงกับรัสเซียในยูเครน แม้จะมีเสียงเรียกร้องจากชาวยูเครนที่กำลังสิ้นหวัง โดยให้เหตุผลว่าการเผชิญหน้าโดยตรงระหว่างนาโตกับรัสเซีย หมายถึงสงครามโลกครั้งที่ 3 ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่เราพยายามป้องกันไม่ให้เกิดขึ้น.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ฟ้องต้นตอหมอคางดำ

สภาทนายความฯ เตรียมฟ้องแพ่งบิ๊กเอกชน-หน่วยงานรัฐ ต้นตอ "เอเลี่ยนสปีชีส์"

‘เนวิน’รวมใจชาวบุรีรัมย์ จัดมิวสิคัลเทิดพระเกียรติ

“เนวิน” รวมใจชาวบุรีรัมย์ จัดเทิดพระเกียรติ 72 พรรษา แสดง แสง สี เสียง มิวสิคัล “ลมหายใจของแผ่นดิน” โดยบุรีรัมย์ออร์เคสตรา แสดงความจงรักภักดี 28-30 ก.ค.2567 สนามช้างอารีนา บุรีรัมย์