รัสเซียจัดทัพล้อมเคียฟ เฟซบุ๊กไฟเขียวด่า‘ปูติน’

ยูเครนฟ้องรัสเซียโจมตีเป้าหมายเป็นพลเรือนอีก เผยรัสเซียรวบรวมกำลังพลจัดกระบวนทัพใหม่เตรียมปิดล้อมกรุงเคียฟ "ปูติน" ไฟเขียวดึงอาสาสมัครช่วยรบจากซีเรียและตะวันออกกลาง เมืองมาริอูโปลวิกฤตหนักชาวเมืองแย่งชิงน้ำ-อาหาร ด้านเฟซบุ๊กอนุญาตให้บางประเทศโพสต์แสดงความเกลียดชังยุใช้ความรุนแรงกับผู้นำและรัสเซียได้

รายงานการโจมตีเป้าหมายที่เป็นพลเรือนในยูเครนเมื่อวันศุกร์ที่ 11 มีนาคม 2565 มีออกมาคล้อยหลังการโจมตีโรงพยาบาลแม่และเด็กที่เมืองมาริอูโปลเมื่อวันพฤหัสบดีที่ทำให้มีผู้เสียชีวิต 3 คน รวมถึงเด็กหญิง 1 คน โดยประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ของยูเครนและโลกตะวันตกประณามรัสเซียว่า "ก่ออาชญากรรมสงคราม" แต่กองทัพรัสเซียกลับอ้างว่าการถล่มทางอากาศที่อ้างถึงนี้เป็นการจัดฉากยั่วยุของยูเครน

เอเอฟพีรายงานอ้างแถลงการณ์ของหน่วยกู้ภัยของยูเครนในเมืองดนิโปร ภาคกลางของยูเครน ว่าการโจมตีทางอากาศที่เมืองนี้โดยตรงครั้งแรกเมื่อเช้าวันศุกร์ เครื่องบินรัสเซียโจมตีเป้าหมาย 3 แห่ง ได้แก่ โรงเรียนอนุบาล, อาคารอพาร์ตเมนต์ และโรงงานรองเท้า มีคนเสียชีวิตอย่างน้อย 1 คน

ในภาคตะวันตกเฉียงเหนือ เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นกล่าวว่า รัสเซียโจมตีสนามบินทหารที่เมืองลุตสค์ ทำให้ทหารยูเครนเสียชีวิตอย่างน้อย 4 นาย บาดเจ็บ 6 นาย

ขณะนี้กองกำลังของรัสเซียกำลังโอบล้อมเมืองใหญ่ของยูเครนอย่างน้อย 4 เมือง ส่วนที่กรุงเคียฟก็มีความเสี่ยงมากขึ้นที่จะถูกปิดล้อมเช่นกัน กองทัพยูเครนเตือนว่า รัสเซียกำลังพยายาม "ปิดกั้น" เมืองหลวงด้วยการกำจัดแนวป้องกันทางฝั่งตะวันตกและตะวันตกเฉียงเหนือ ส่วนฝั่งตะวันออก เมืองโบรวารีก็อยู่ในภาวะเสี่ยง

วิตาลี คลิตช์โก นายกเทศมนตรีเคียฟ กล่าวเมื่อวันพฤหัสบดีว่า ประชากรในกรุงเคียฟครึ่งหนึ่งหนีออกไปได้แล้ว และตอนนี้เคียฟถูกเปลี่ยนเป็น "ป้อมปราการ" ถนนทุกสาย อาคารทุกหลัง จุดตรวจทุกแห่งได้รับการเสริมความแข็งแกร่ง

เมืองชานกรุงทางตะวันตกเฉียงเหนือ รวมถึงเมืองเอียร์ปินและบูชา โดนระเบิดถล่มอย่างหนักมานานหลายวัน และยานเกราะของรัสเซียกำลังเคลื่อนมายังขอบตะวันออกเฉียงเหนือของกรุงเคียฟ ทหารยูเครนยังเปิดเผยว่ามีการสู้รบอย่างดุเดือดเพื่อควบคุมทางหลวงสายหลักที่มุ่งสู่เคียฟ

รายงานข่าวกรองล่าสุดของกระทรวงกลาโหมอังกฤษกล่าวว่า รัสเซียน่าจะกำลังพยายามรวบรวมกำลังและจัดวางตำแหน่งใหม่ เพื่อปฏิบัติการเชิงรุกครั้งใหม่ในไม่กี่วันข้างหน้า ซึ่งอาจรวมถึงปฏิบัติการที่กรุงเคียฟ

ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน สั่งการให้เปิดปฏิบัติการทางทหารที่ยูเครน โดยชาติตะวันตกระบุว่า ปูตินส่งกำลังทหารเกือบทั้งหมดที่เคยวางกำลังมากกว่า 100,000 นายตามแนวชายแดน เข้ามาในยูเครนแล้ว ปูตินเคยประกาศว่าปฏิบัติการนี้จะใช้ทหาร "อาชีพ" เท่านั้น แต่สัปดาห์นี้กองทัพรัสเซียยอมรับว่ามีทหารเกณฑ์เข้าร่วม ในวันศุกร์ ปูตินยังได้สนับสนุนแผนการรับอาสาสมัคร รวมถึงจากต่างแดน เข้าร่วมในการสู้รบด้วย

ดมิตรี เปสคอฟ โฆษกทำเนียบเครมลิน กล่าวว่า การส่งนักรบอาสาสมัครไปสู้รบในยูเครนเป็นเรื่องที่ยอมรับได้ เพราะสหรัฐเองก็สนับสนุนมาตรการส่งทหารรับจ้างมาช่วยกองทัพยูเครนสู้รบเช่นกัน ฉะนั้น นักรบจากซีเรียและตะวันออกกลางจะได้รับอนุญาตให้เข้าร่วมการสู้รบในยูเครนด้วย

เซอร์เกย์ ชอยกู รัฐมนตรีกลาโหมของรัสเซีย อ้างว่า มีอาสาสมัครมากกว่า 16,000 คน ซึ่งส่วนใหญ่มาจากตะวันออกกลาง ได้ร้องขอเข้าร่วมปฏิบัติการทางทหารของรัสเซีย

หน่วยงานขององค์การสหประชาชาติเปิดเผยว่า การสู้รบในยูเครนส่งผลให้มีผู้ลี้ภัยออกนอกประเทศแล้วราว 2.5 ล้านคน นับตั้งแต่วันที่ 24 กุมภาพันธ์ รัสเซียประกาศจัดตั้งระเบียงมนุษยธรรมเป็นเส้นทางการอพยพออกจากหลายเมืองที่โดนโจมตีในช่วงหลายวันมานี้ เจ้าหน้าที่ยูเครนกล่าวว่า ช่วง 2 วันที่ผ่านมามีประชาชนประมาณ 100,000 คนสามารถออกจากเมืองซูมีในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ, เมืองอีเซียมในภาคตะวันออก และหลายพื้นที่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของกรุงเคียฟ

รัฐบาลรัสเซียยังประกาศจะเปิดระเบียงมนุษยธรรมทุกวัน เพื่อให้พลเรือนสามารถอพยพเข้าดินแดนของรัสเซีย แต่รัฐบาลยูเครนปฏิเสธเส้นทางดังกล่าว

เมืองท่ามาริอูโปลในภาคใต้ของยูเครนโดนถล่มทางอากาศอย่างไม่หยุดหย่อนมานานหลายวัน ประธานาธิบดีเซเลนสกีโจมตีรัสเซียด้วยว่า รถถังรัสเซียโจมตีในเส้นทางระเบียงมนุษยธรรม ที่เขาส่งขบวนออกไปขนอาหาร, น้ำและยาเข้ามาในเมือง

วาดิม บอยเชนโก นายกเทศมนตรีเมืองนี้เปิดเผยผ่านวิดีโอว่า เครื่องบินรบรัสเซียโจมตีพื้นที่อยู่อาศัยในเมือง "ทุก 30 นาที" เมื่อวันพฤหัสบดี ฆ่าพลเรือน, คนแก่, ผู้หญิง และเด็ก สถานการณ์ในเมืองนี้เหมือนวันพยากรณ์สิ้นโลก มีพลเรือนโดนฆ่าตายไปมากกว่า 1,200 คนแล้ว

 คณะกรรมการกาชาดระหว่างประเทศ (ไอซีอาร์ซี) กล่าวว่า ชาวเมืองบางคนเริ่มต่อสู้กันเพื่อแย่งชิงอาหาร และจำนวนมากเกือบจะไม่มีน้ำดื่มเหลืออยู่แล้ว "ผู้คนเริ่มโจมตีกันเพื่อหาอาหาร เริ่มทำลายรถของคนอื่นเพื่อสูบน้ำมัน" ซาชา โวลคอฟ ผู้แทนไอซีอาร์ซีในมาริอูโปล กล่าวผ่านบันทึกเสียง และว่า หลายคนไม่มีน้ำดื่มเหลือแล้ว ร้านค้าและร้านขายยาทุกแห่งโดนปล้นสะดมเมื่อ 4-5 วันก่อน บางคนยังพอมีอาหาร แต่ไม่แน่ใจว่าจะอยู่ได้นานเท่าใด คนจำนวนมากแจ้งว่าไม่มีอาหารสำหรับเด็กๆ

ยูเลีย ครูวัย 29 ปีที่หนีออกจากเมืองได้ เผยกับเอเอฟพีว่า แม่สามีของเธอยังอยู่ที่นั่น และบอกว่ามีการโจมตีไม่หยุด มีศพจำนวนมากบทถนนและไม่มีใครไปเก็บศพมาฝัง

การเจรจาที่ตุรกีระหว่างรัฐมนตรีต่างประเทศ ดมิโตร คูเลบา ของยูเครน กับเซอร์เกย์ ลัฟรอฟ ของรัสเซีย เมื่อวันพฤหัสบดีจบลงโดยไม่มีความคืบหน้าใดๆ แม้แต่การตกลงหยุดยิง 24 ชั่วโมง ลัฟรอฟกล่าวว่าทั้งสองฝ่ายจะพูดคุยกันต่อไป

เขาตอบคำถามผู้สื่อข่าวด้วยว่า รัสเซียไม่มีแผนจะโจมตีประเทศอื่น และรัสเซียก็ไม่ได้โจมตียูเครน แต่รัสเซียเปิดปฏิบัติการนี้เพื่อป้องกันตนเอง เพราะสถานการณ์ในยูเครน "ก่อภัยคุกคามโดยตรงต่อสหพันธรัฐรัสเซีย"

ไม่กี่วันมานี้ รัสเซียอ้างบ่อยครั้งว่าสหรัฐและยูเครนกำลังวิจัยและพัฒนาอาวุธชีวภาพในยูเครน แต่เจ้าหน้าที่สหรัฐและตะวันตกกล่าวว่า รัสเซียกุเรื่องขึ้นเพื่อเป็นข้ออ้างสร้างความชอบสำหรับความเป็นไปได้ที่รัสเซียจะใช้อาวุธชีวภาพในยูเครน

คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติมีกำหนดประชุมฉุกเฉินที่นิวยอร์กวันศุกร์ตามคำร้องขอของรัสเซียเพื่อหารือคำกล่าวหาเรื่องอาวุธชีวภาพในยูเครน

ชาติตะวันตกและพันธมิตรได้เสนอการสนับสนุนทางทหารและมนุษยธรรมแก่ยูเครน และในวันศุกร์ สภาคองเกรสของสหรัฐผ่านงบประมาณสนับสนุนยูเครน ที่รวมถึงงบช่วยเหลือทางทหารและมนุษยธรรม 14,000 ล้านดอลลาร์

อีกด้านหนึ่ง เอเอฟพีและรอยเตอร์เผยว่า บริษัท เมตา เจ้าของแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียทั้งเฟซบุ๊กและอินสตาแกรม ยอมรับว่าได้เปลี่ยนแปลงนโยบายเกี่ยวกับคำพูดที่แสดงความเกลียดชังเป็นการชั่วคราว โดยต่อจากนี้จะอนุญาตให้ผู้ใช้เฟซบุ๊กและอินสตาแกรมในบางประเทศ เรียกร้องให้ใช้ความรุนแรงกับชาวรัสเซียและทหารรัสเซียที่มีส่วนร่วมในการรุกรานยูเครนได้

ในอีเมลที่ชี้แจงต่อรอยเตอร์ เมตากล่าวด้วยว่า จะอนุญาตโพสต์ที่สาปแช่งประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซีย หรือประธานาธิบดีอเล็กซานเดอร์ ลูกาเชนโก ของเบลารุส แต่จะต้องไม่มีการอ้างถึงเป้าหมายรายอื่นหรือมีสิ่งบ่งชี้ที่น่าเชื่อถือ 2 อย่าง เช่น พิกัด หรือวิธีการสังหาร

สถานทูตของรัสเซียประจำสหรัฐออกแถลงการณ์ทางทวิตเตอร์ภายหลังปรากฏข่าวการเปลี่ยนนโยบายของเฟซบุ๊ก เรียกร้องให้รัฐบาลสหรัฐหยุด "กิจกรรมสุดโต่ง" ของบริษัทเมตา โดยกล่าวว่า ผู้ใช้งานเฟซบุ๊กและอินสตาแกรมไม่ได้ให้สิทธิ์เจ้าของแพลตฟอร์มเหล่านี้ในการกำหนดเกณฑ์ของความจริง และเสี้ยมให้ประเทศขัดแย้งกัน.