จ่อขยับราคาสินค้า สงครามดันน้ำมันแพงเพิ่มต้นทุนการผลิตสอท.คุมไม่อยู่

วิกฤตรัสเซีย-ยูเครน กระทบเป็นลูกโซ่ ดันราคาน้ำมันพุ่ง  ส.อ.ท.โอดกระทบหนักต้นทุนการผลิต คุมราคาสินค้าไม่ไหว คาด 3-6 เดือนจะทยอยปรับเพิ่มขึ้น เผยดัชนีเชื่อมั่นเอกชนงวด ก.พ.ลดลงในรอบ 6 เดือน แนะรัฐตรึงดีเซล 30 บาทต่อลิตร สหพันธ์การขนส่งฯ จี้รัฐยังดูแลราคาน้ำมันไม่สุดทาง   โฆษกรัฐบาลแจงยิบข้อมูลราคาน้ำมันขายปลีกของไทยเปรียบเทียบทั่วโลก ซัดผู้ไม่หวังดีบิดเบือนให้ ปชช.เข้าใจผิด

เมื่อวันที่ 10 มีนาคม นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ชี้แจงกรณีพรรคฝ่ายค้านโจมตีรัฐบาล  และสังคมส่วนหนึ่งกังวลเรื่องสถานการณ์ราคาน้ำมันว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ติดตามสถานการณ์ราคาพลังงานโลกอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะน้ำมันถือเป็นวาระเร่งด่วน เนื่องจากเป็นต้นทุนโดยตรงในการผลิตสินค้าและค่าขนส่ง โดยได้หารือคณะที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจและคณะกรรมการพลังงานแห่งชาติ เพื่อกำหนดมาตรการให้สอดคล้องกับความเป็นจริง และเกิดผลกระทบต่อประชาชนน้อยที่สุด สิ่งสำคัญต้องเข้าใจว่าปัญหาราคาน้ำมันแพงเป็นปัญหาระดับโลกที่ทุกประเทศกำลังเผชิญอยู่จากวิกฤตรัสเซีย-ยูเครน ไม่มีประเทศใดหรือใครหลีกเลี่ยงได้

 นายธนกรกล่าวว่า ยังมีความพยายามบิดเบือนของผู้ไม่หวังดี เจตนาให้ประชาชนมีความเข้าใจคลาดเคลื่อนว่าราคาน้ำมันของประเทศไทยในขณะนี้แพงที่สุดในภูมิภาคหรือในโลก ทั้งที่ความจริงไม่ใช่ ในอดีตไทยต้องเผชิญกับปัญหาราคาน้ำมันแพงมาแล้วหลายครั้ง ซึ่งส่วนใหญ่มาจากปัจจัยภายนอก เช่น ปี 2516 สมัยรัฐบาลจอมพลถนอม กิตติขจร เศรษฐกิจโลกขยายตัวความต้องการน้ำมันสูง, ปี 2522 รัฐบาล พล.อ.เกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์ โอเปกขึ้นราคาน้ำมัน, ปี 2533-2534 รัฐบาล พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ เกิดสงครามอ่าวเปอร์เซีย, ปี 2551 รัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ราคาน้ำมันดีเซลสูงถึง 44.24 บาท/ลิตร น้ำมันเบนซิน 42.89 บาท/ลิตร และปี 2557 รัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร น้ำมันดีเซล 29.99 บาท/ลิตร และน้ำมันเบนซิน 49.15 บาท/ลิตร

ที่รัฐสภา ในการประชุมคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. ที่มีนายสาธิต ปิตุเตชะ รมช.สาธารณสุข เป็นประธาน กมธ. โดยนายสาธิตได้แจ้งต่อที่ประชุมว่า ในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีการพูดถึงสถานการณ์สงครามรัสเซียกับยูเครน นายกรัฐมนตรีจึงฝากมาว่า อยากให้ กมธ.ทุกคนได้ช่วยกันพูดกับประชาชนว่าไม่ว่าจะเป็นสถานการณ์วิกฤตพลังงาน วิกฤตข้าวของแพง เป็นประเด็นที่เกิดจากผลกระทบจากสงครามที่มีแนวโน้มยืดเยื้อ

 "รัฐบาลก็จะเดินหน้าเต็มที่ในการที่จะไปดำเนินการช่วยเหลือประชาชน แต่ก็ขึ้นอยู่กับปัจจัยเรื่องงบประมาณและเรื่องต่างๆ ด้วย แต่ในส่วนที่ทำได้ เช่น กรณีที่นายกฯ เดินทางไปประเทศซาอุดีอาระเบีย กระทรวงการต่างประเทศมีข้อเสนอที่จะไปพูดคุยในเรื่องที่เป็นประโยชน์ในแง่ของพลังงาน ที่ประเทศซาอุฯ เป็นผู้ผลิตรายใหญ่ ที่เล่าให้ทุกท่านฟัง เพื่อให้ทุกท่านสื่อสารว่าในวิกฤตทั้งสองเรื่องนี้ คนไทยยังต้องเผชิญหน้าอยู่อีก ตามที่ฝ่ายความมั่นคงประเมินสถานการณ์ว่าอาจจะต้องยืดเยื้อออกไปอีก" นายสาธิต กล่าว

นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ผลกระทบจากวิกฤตรัสเซียและยูเครน ตลอดจนการตอบโต้ของประเทศที่เกี่ยวข้อง ซึ่งเป็นสิ่งที่ ส.อ.ท.กำลังติดตามใกล้ชิดและกังวลมาก เนื่องจากเหตุการณ์ดังกล่าวได้สร้างผลกระทบต่อต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น โดยเฉพาะจากระดับราคาพลังงาน ดังนั้นจึงเห็นว่าภาครัฐจำเป็นต้องดูแลราคาพลังงานที่จะไม่ให้กระทบต่อเศรษฐกิจโดยรวม โดยเห็นว่าควรจะตรึงราคาดีเซลไว้ไม่เกิน 30 บาทต่อลิตร การคงค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติ (เอฟที) งวดใหม่ (พ.ค.-ส.ค.65) รวมถึงราคาแอลพีจี (ก๊าซหุงต้ม) เพื่อดูแลค่าครองชีพประชาชน 

 “สถานการณ์นี้เหมือนช้างสารชนกันหญ้าแพรกก็แหลกลาญ​ ซึ่งไทยคือหญ้าแพรก​ทั้ง 45 กลุ่มอุตสาหกรรมมีความกังวลต่อต้นทุนที่เพิ่มขึ้นมาก โดยเฉพาะจากน้ำมันที่สูง และไทยเราเป็นประเทศผู้นำเข้า และเวลานี้เป็นสิ่งที่น่าตกใจที่เงินเฟ้อเราสูงอย่างมาก ขณะที่รายได้ไม่ทันกับภาวะเงินเฟ้อที่จะทำให้บั่นทอนต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจ” นายสุพันธุ์กล่าว 

ประธาน ส.อ.ท.กล่าวว่า ภาครัฐควรมองเป็นโอกาสในการดึงนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะจากสหภาพยุโรป (อียู) ที่กำลังเข้าสู่ฤดูหนาวและยังเผชิญกับราคาพลังงานที่สูงขึ้นมาท่องเที่ยวในไทย โดยควรพิจารณายกเลิกมาตรการ Test & Go โดยให้ผู้เดินทางเข้าประเทศแสดงวัคซีนพาสปอร์ตแทนก่อนเข้าประเทศ พร้อมทั้งจัดให้มีระบบตรวจติดตามผู้เดินทางเข้าประเทศเพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่นักท่องเที่ยวต่างชาติ

ขณะเดียวกัน ส.อ.ท.ได้สำรวจความเชื่อมั่นจากผู้ประกอบการ​ 1,242 ราย ครอบคลุม 45 กลุ่มอุตสาหกรรมทั่วประเทศ​ ประจำเดือน ก.พ. 2565 พบว่า​ ลดเหลือระดับ 86.7 ถือเป็นการลดลงครั้งแรกในรอบ​ 6 เดือน​ เนื่องจากมีความกังวลปัจจัยต่อปัจจัยด้านราคาน้ำมันถึง​ 75.2%, สถานการณ์ระบาดของโควิด​ 68.5%, เศรษฐกิจในประเทศ 56.8%,  สภาวะเศรษฐกิจโลก 52.3%, อัตราแลกเปลี่ยน 48.3%, สถานการณ์การเมืองในประเทศ 45.5% และอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ 45.6% อย่างไรก็ตาม​ ผู้ประกอบการยังคาดหวังว่าอีก​ 3 เดือนข้างหน้า​ โดยความเชื่อมั่นเพิ่มเป็น 97.1 เพราะมองว่าสายพันธุ์โอมิครอนไม่รุนแรงเหมือนช่วงก่อนหน้า ทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจยังดำเนินต่อไป

 นายเกรียงไกร เธียรนุกุล รองประธานส.อ.ท. และในฐานะประธานสภาธุรกิจไทย-รัสเซีย กล่าวว่า ส.อ.ท.ได้สำรวจความเห็นต่อผลกระทบความขัดแย้งระหว่างยูเครน-รัสเซีย จาก 26 กลุ่มอุตสาหกรรมเมื่อ 7 มี.ค. ว่าส่วนใหญ่ได้รับผลกระทบทางอ้อมที่ราคาน้ำมันดิบตลาดโลก ค่าระวางเรือ และวัตถุดิบต่างๆ ที่สูงขึ้น เช่น นิกเกิล  ข้าวสาลี ข้าวโพด ฯลฯ เป็นปัจจัยที่ทำให้ต้นทุนการผลิตภาพรวมเพิ่มสูง ดังนั้นคำสั่งซื้อมีแนวโน้มต้องปรับราคาสินค้าเพิ่มขึ้นตามต้นทุนที่สูงเกือบทั้งหมด 

 “ส.อ.ท.ได้ขอให้สมาชิกช่วยตรึงราคาสินค้า แต่ยอมรับว่าสต๊อกเก่าที่มีอยู่เริ่มร่อยหรอลง ซึ่งแต่ละรายต้นทุนและสต๊อกก็ต่างกันไป ภาพรวมในอีก 3-6 เดือนข้างหน้าราคาสินค้าคงจะทยอยปรับเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะปุ๋ย ที่คาดว่าจะปรับขึ้นในอีก 1-2 เดือนนี้หลังจากรัสเซียห้ามส่งออกปุ๋ย ดังนั้นเห็นว่าหากน้ำมันดิบตลาดโลกขึ้นสูง ภาครัฐอาจลดภาษีสรรพสามิตที่เหลือ 3.20 บาทต่อลิตร ก็จะช่วยบรรเทาผลกระทบได้อีกทางหนึ่ง” นายเกรียงไกร กล่าว 

อย่างไรก็ตาม ส.อ.ท.ยังคงกังวลหากมีการปิดท่อก๊าซที่จะส่งไปยังอียู ซึ่งอาจกระทบต่อการผลิตอุตสาหกรรม โดยเฉพาะในเยอรมนี ที่มีการผลิตอุตสาหกรรมหนักจำนวนมากที่เป็นห่วงโซ่การผลิตของหลายอุตสาหกรรมทั่วโลก รวมถึงการคว่ำบาตรที่จะทำให้แร่ธาตุต่างๆ ในการผลิตที่มาจากรัสเซียและยูเครนเกิดชะงักงัน เหล่านี้อาจกลายเป็นโดมิโนซัพพลายเชน รวมไปถึงระดับราคาน้ำมันที่ยังคงผันผวนระดับสูง ดังนั้นหากภาครัฐตรึงดีเซล 30 บาทต่อลิตรต่อไป ก็จะเป็นสิ่งที่ดี

“น้ำมันขึ้นทุก 1 เหรียญฯ จะมีผลต่อราคาขายปลีกไทยขึ้น 25 สตางค์ต่อลิตรแต่ต้นทุนการผลิตยังมีอื่นๆ ทั้งวัตถุดิบ ชิ้นส่วนฯ ก่อนหน้านี้รัฐได้ลดภาษีสรรพสามิตดีเซลลงไป 3 บาทต่อลิตร ยังคงเหลือเก็บอยู่ราว 2.99 บาทต่อลิตร จุดนี้อาจนำมาดูแลได้ แต่ก็เข้าใจว่าถ้าน้ำมันดิบตลาดโลกที่เริ่มมีการพูดกันไปถึงระดับ 300 เหรียญฯ ต่อบาร์เรลเกิดขึ้นจริง การตรึงไว้ระดับเดิมก็คงจะไม่ไหวเช่นกัน”นายเกรียงไกรกล่าว  

 ด้านนายอภิชาติ ไพรรุ่งเรือง ประธานสหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ขณะนี้กลุ่มรถบรรทุกที่เป็นสมาชิกเครือข่ายยังคงไม่พิจารณาปรับขึ้นค่าส่งจากเดิมที่เตรียมจะปรับอีก 15-20% ในช่วง ก.พ. เนื่องจากระดับราคาสินค้าต่างๆ ปรับเพิ่มขึ้นจนกระทบต่อประชาชนจึงไม่ต้องการซ้ำเติม โดยจะขอติดตามสถานการณ์น้ำมันดิบตลาดโลกใกล้ชิดหากสถานการณ์การสู้รบระหว่างรัสเซีย-ยูเครนสงบลง และน้ำมันกลับไปสู่ภาวะปกติ จึงจะกลับมาพิจารณาภาพรวมอีกครั้ง 

 อย่างไรก็ตาม การดูแลราคาดีเซลที่ 30 บาทต่อลิตร หากรัฐบาลจะพิจารณาขยับเพดานการตรึงให้สูงขึ้นอีก ไม่เห็นด้วย เพราะมองว่ารัฐยังคงดำเนินนโยบายช่วยเหลือแบบไม่สุดทาง เนื่องจากการปรับลดอัตราภาษีสรรพสามิตดีเซลไปก่อนหน้านั้น 3 บาทต่อลิตร ยังคงเหลืออีก 3.20 บาทต่อลิตรที่ยังลดลงได้อีก เพราะรัฐเองยังลดภาษีน้ำมันเครื่องบินให้เหลือ 0.20 บาทต่อลิตรได้เลย ขณะเดียวกันควรพิจารณาถอดการผสมไบโอดีเซล (B100) ในดีเซลที่ปัจจุบันเป็นเกรดเดียวคือ ดีเซล B5 (ผสม 5%) ให้เหลือศูนย์ชั่วคราว รวมไปถึงการลดหรือถอดเอทานอลที่ผสมในเบนซินด้วยเพื่อช่วยลดผลกระทบกลุ่มเบนซินที่ราคาขายปลีกปรับขึ้นจนกระทบค่าครองชีพประชาชน  

 “รัฐบาลควรใช้กลไกเครื่องมือต่างๆ ไปดูแลให้ดีก่อน อย่างราคาก๊าซหุงต้ม (แอลพีจี) ครัวเรือนที่อุ้มอยู่ถึงกิโลกรัมละ 18.17 บาทนั้น เป็นการอุ้มภาคอุตสาหกรรมด้วยหรือไม่ เพราะหลายอุตสาหกรรมเองก็หันมาใช้มากแล้ว เขาสะท้อนต้นทุนไปยังราคาสินค้าได้ เวลาน้ำมันลงเขาลดราคาสินค้าหรือไม่ หากรัฐทำจนสุดทางแล้วถ้าจะลอยตัวดีเซลก็จะไม่ว่าอะไร” นายอภิชาติระบุ

นายรุ่งโรจน์ รังสิโยภาส กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) หรือเอสซีจี เปิดเผยถึงสถานการณ์ราคาพลังงานที่ปรับขึ้นแรงจากสงครามรัสเซียและยูเครนว่า ส่งผลกระทบต่อธุรกิจเอสซีจีทั้ง 3 กลุ่มในสัดส่วนที่ต่างกันไป โดยกลุ่มแรก เคมีภัณฑ์  ราคาพลังงานกระทบต้นทุนการผลิต 80%, กลุ่มสอง ซีเมนต์และวัสดุก่อสร้าง   15-20% และกลุ่มสาม บรรจุภัณฑ์และกระดาษ  5% จากผลกระทบดังกล่าวส่งผลให้บางผลิตภัณฑ์ที่พึ่งพาพลังงานระดับสูง อาจต้องมีการปรับราคาภายใต้กลไกตลาด.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ฟ้องต้นตอหมอคางดำ

สภาทนายความฯ เตรียมฟ้องแพ่งบิ๊กเอกชน-หน่วยงานรัฐ ต้นตอ "เอเลี่ยนสปีชีส์"

‘เนวิน’รวมใจชาวบุรีรัมย์ จัดมิวสิคัลเทิดพระเกียรติ

“เนวิน” รวมใจชาวบุรีรัมย์ จัดเทิดพระเกียรติ 72 พรรษา แสดง แสง สี เสียง มิวสิคัล “ลมหายใจของแผ่นดิน” โดยบุรีรัมย์ออร์เคสตรา แสดงความจงรักภักดี 28-30 ก.ค.2567 สนามช้างอารีนา บุรีรัมย์