ไฟเซอร์-ไบออนเทคเผยผลการทดลองระยะที่ 3 ของการฉีดวัคซีนต้านโควิด-19 โดสบูสเตอร์ของไฟเซอร์ ว่าให้ประสิทธิภาพสูงถึง 95.6% ในการป้องกันการติดเชื้อที่แสดงอาการ รวมถึงสายพันธุ์เดลตา ด้านเอฟดีเออนุมัติใช้โมเดอร์นาและเจแอนด์เจเป็นบูสเตอร์ และสามารถฉีดวัคซีนไขว้ได้ด้วย
แถลงการณ์ของบริษัท ไฟเซอร์ จากสหรัฐ และบริษัท ไบออนเทค จากเยอรมนี เมื่อวันที่ 21 ตุลาคม 2564 กล่าวว่า การทดลองทางคลินิกระยะที่ 3 กับผู้เข้าร่วม 10,000 ราย ที่อายุ 16 ปีขึ้นไป แสดงให้เห็นว่า การฉีดไฟเซอร์เป็นโดสกระตุ้นภูมิคุ้มกันให้ประสิทธิภาพ 95.6% ในการต้านการติดเชื้อโควิด-19 ที่แสดงอาการ การทดลองนี้กระทำในช่วงเวลาที่ไวรัสสายพันธุ์เดลตาเป็นสายพันธุ์ที่แพร่หลาย
รายงานรอยเตอร์อ้างคำแถลงของไฟเซอร์ว่า ประสิทธิภาพของวัคซีน 2 โดสนั้นลดลงตามกาลเวลา โดยผลการศึกษาเผยให้เห็นว่า ประสิทธิภาพหลังฉีดโดสที่ 2 ผ่านไป 4 เดือน ลดเหลือ 84% จาก 96%
การศึกษาเว้นช่วงระหว่างโดสที่ 2 กับโดสกระตุ้นหรือโดสหลอก ประมาณ 11 เดือน โดยพบผู้ป่วยโควิด-19 เพียง 5 รายในกลุ่มที่ได้รับโดสกระตุ้น ขณะที่กลุ่มที่ได้รับวัคซีนหลอกนั้น พบผู้ป่วย 109 ราย กลุ่มที่ศึกษามีอายุเฉลี่ย 53 ปี โดย 55.5% เป็นกลุ่มที่อายุระหว่าง 16-55 ปี และ 23.3% อายุ 65 ปีขึ้นไป
ไฟเซอร์-ไบออนเทคบอกว่า พวกเขาจะส่งผลลัพธ์ของการทดลองอย่างละเอียดเพื่อตีพิมพ์สำหรับการตรวจทานโดยผู้รู้เสมอกัน รวมถึงส่งให้สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาสหรัฐ (เอฟดีเอ), องค์การยาแห่งยุโรป และหน่วยงานกำกับดูแลอื่นๆ โดยเร็วที่สุดเท่าที่เป็นไปได้
หน่วยงานกำกับดูแลของสหรัฐและสหภาพยุโรปได้อนุมัติการใช้วัคซีนของไฟเซอร์และโมเดอร์นาเป็นโดสกระตุ้นภูมิแล้วก่อนหน้านี้ สำหรับผู้ป่วยที่มีระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ
เมื่อวันพุธ เอฟดีเอเพิ่งประกาศอนุมัติการใช้วัคซีนสูตรไขว้สำหรับโดสบูสเตอร์สำหรับกลุ่มคนที่จำเป็นต้องกระตุ้นภูมิ ไม่ว่าจะฉีดวัคซีนชนิดใดใน 3 ชนิดที่ผ่านการอนุมัติในสหรัฐ ซึ่งได้แก่ ไฟเซอร์-ไบออนเทค, โมเดอร์นา และจอห์นสันแอนด์จอห์นสัน
เอเอฟพีรายงานว่า ผลการตัดสินใจของเอฟดีเอล่าสุด จะทำให้ผู้ที่ได้ฉีดโมเดอร์นา 2 โดสแรก และเป็นผู้ที่อายุ 65 ปีขึ้นไป, ผู้ที่อายุ 18 ปีขึ้นไปที่มีความเสี่ยงสูงต่อโควิด หรือผู้ที่อายุ 18 ปีขึ้นไปที่ทำงานเสี่ยงต่อการติดเชื้อ สามารถฉีดบูสเตอร์ได้
ส่วนผู้ใหญ่ทุกคนที่ฉีดวัคซีนเจแอนด์เจ ซึ่งฉีดเพียง 1 เข็ม ก็มีสิทธิฉีดบูสเตอร์หลังจากนั้นอย่างน้อย 2 เดือน
ก่อนหน้านี้ ทางการสหรัฐอนุญาตให้ฉีดไฟเซอร์โดสกระตุ้นกับผู้ที่อยู่ในภูมิคุ้มกันอ่อนแอ, ผู้สูงอายุหรือกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงเท่านั้น
คำแถลงกล่าวด้วยว่า ข้อมูลที่มีเผยว่าผู้ที่ฉีดเจแอนด์เจเข็มแรกมีการตอบสนองทางภูมิคุ้มกันดีขึ้นเมื่อฉีดไฟเซอร์หรือโมเดอร์นา และการฉีดบูสเตอร์สูตรไขว้มีความปลอดภัยกับผู้ใหญ่ แต่เจ้าหน้าที่เอฟดีเอย้ำว่า ข้อมูลที่มียังไม่มีความชัดเจนว่าการผสมสูตรใดให้ผลที่ดีกว่า.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
งานวิจัยชี้ เข็มกระตุ้นเกิน 3 เข็มขึ้นไป ไม่ได้ช่วยให้ภูมิคุ้มกันชนิดเม็ดเลือดขาว T cell สูงขึ้น
'ดร.อนันต์' เผยงานวิจัย เข็มกระตุ้นที่เกิน 3 เข็มขึ้นไป ไม่ได้ช่วยให้ภูมิคุ้มกันชนิดเม็ดเลือดขาว T cell สูงขึ้น ประโยชน์ของการกระตุ้นภูมิด้วยวัคซีนจะเป็นจากแอนติบอดีเป็นหลัก แต่ในร่างกายได้ไม่นานเท่า T cell การป้องกันการติดเชื้อจึงยาก
'อนุทิน' แจงเลื่อนยกเลิก 'ยูเซป' เพื่อความมั่นคงสธ. ยันทุกอย่างยังเหมือนเดิม ปัดขัดแย้งกทม.
'อนุทิน'แจงเลื่อนยกเลิก 'ยูเซป' เพื่อความมั่นคงสธ. เหตุคนติดเชื้อพุ่ง ย้ำทุกอย่างยังเหมือนเดิม พร้อมเพิ่มคู่สายสปสช. จ่อชง 'ศบค.' ปรับลดเงินประกันนทท.เข้าไทยเหลือ 3หมื่นเหรียญ ยันสธ.ฝ่ายสนับสนุน กทม. แก้โควิด
'หมอยง' เฉลยฉีดวัคซีนโควิดกี่เข็มจะพอดี เปรียบเหมือนเติมน้ำให้เต็มขัน
ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะด้านไวรัสวิทยา คลินิกภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์เฟซบุ๊กในหัวข้อ "วัคซีนโควิด จะฉีดวัคซีนกี่เข็มพอ"
วอนฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น เผยตัวเลขน้อยแค่ 14 % เตือนอย่าประมาท 'โอมิครอน'
พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. แถลงสถานการณ์การแพร่ระบาดในประเทศไทย
ข่าวดีจากแอฟริกาใต้ บูสต์ด้วย 'จอห์นสัน' ได้ผล 85% กับโอมิครอน
ผลการศึกษาจากการทดลองในประเทศแอฟริกาใต้เมื่อวันพฤหัสบดีพบว่า การฉีดวัคซีนบูสเตอร์ของจอห์นสันแอนด์จอห์นสัน มีประสิทธิภาพถึง 85% ในการป้องกันอาการป่วยโควิดรุนแรงในพื้นที่ที่โอมิครอนแพร่ระบาดมากสุด