งานวันน้ำโลก สทนช.ประกาศ 9มาตรการ เชิงรุก รับมือหน้าฝนปีนี้ ป้องกันผลกระทบเกิดกับประชาชนให้ได้มากที่สุด

​21 มี.ค. 2568- นางสาวจิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นประธานเปิดงานวันน้ำโลก ประจำปี พ.ศ. 2568 ซึ่งจัดขึ้นภายใต้แนวคิด “น้ำคือชีวิต การอนุรักษ์น้ำและธารน้ำแข็งเพื่ออนาคตที่ยั่งยืน” สอดรับกับประเด็น “Glacier Preservation” หรือ “การอนุรักษ์ธารน้ำแข็ง” ที่องค์การสหประชาชาติ (UN) กำหนด โดยมี ดร.สุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ให้การต้อนรับ พร้อมด้วยผู้แทนจากหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน เอกอัครราชทูตและผู้แทนจากองค์กรระหว่างประเทศที่มีความร่วมมือด้านน้ำ คณะกรรมการลุ่มน้ำ รวมถึงภาคประชาชน จำนวนกว่า 300คนเข้าร่วมงาน ณ ห้องแคทลียา ชั้น 1 โรงแรมรามาการ์เด้นส์ กรุงเทพมหานคร โดยในช่วงพิธีเปิดงานได้ฉายวิดีทัศน์การแถลงสารจากนายกรัฐมนตรี เพื่อประกาศนโยบายและเจตนารมณ์ในการรณรงค์ให้เกิดการอนุรักษ์แหล่งน้ำ ใช้น้ำอย่างรู้คุณค่า และร่วมปรับตัวต่อสถานการณ์น้ำของโลก

นางสาวจิราพร กล่าวว่า องค์การสหประชาชาติ (UN) กำหนดให้วันที่ 22 มีนาคมของทุกปี เป็น “วันน้ำโลก” (World Water Day) เพื่อสร้างความตระหนักถึงความสำคัญของน้ำต่อการดำรงชีวิตและการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยในปีนี้ได้เน้นให้เห็นถึงวิกฤตภัยคุกคามจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่กำลังเกิดขึ้นกับธารน้ำแข็งซึ่งเป็นแหล่งกักเก็บน้ำจืดธรรมชาติที่สำคัญที่สุดของโลก ซึ่งขณะนี้กำลังละลายอย่างรวดเร็ว ส่งผลกระทบโดยตรงต่อระบบนิเวศและการดำรงชีวิตของประชากรโลกรวมถึงประเทศไทยด้วย เนื่องจาก การละลายของธารน้ำแข็งทำให้ระดับน้ำทะเลเพิ่มสูงขึ้นกระทบต่อพื้นที่ลุ่มต่ำ เช่น กรุงเทพมหานครและพื้นที่ชายฝั่งทะเลของไทย ขณะเดียวกัน การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศยังเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดทั้งภัยแล้งและอุทกภัยที่รุนแรงและถี่ขึ้น ส่งผลกระทบอย่างมากต่อทรัพยากรน้ำ การเกษตร และความเป็นอยู่ของประชาชน ดังนั้น การอนุรักษ์และบริหารจัดการน้ำอย่างยั่งยืนจึงเป็นวาระเร่งด่วนที่มีความสำคัญระดับโลก การจัดงานวันน้ำโลกจึงไม่ใช่แค่กิจกรรมเชิงสัญลักษณ์ แต่เป็นการกระตุ้นให้ทุกภาคส่วนตระหนักและร่วมกันลงมือแก้ไขปัญหาอย่างจริงจังเพื่อสร้างแนวทางการใช้น้ำอย่างยั่งยืน

​ด้าน เลขาธิการ สทนช. กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัจจุบันโลกกำลังเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศอย่างสุดขั้ว โดยเลขาธิการสหประชาชาติได้แถลงเตือนเมื่อปี 2566 ว่า โลกได้สิ้นสุดจากภาวะโลกร้อนเข้าสู่ยุคของภาวะโลกเดือด หรือ Global Boiling แล้ว ซึ่งส่งผลกระทบที่สำคัญหลายประการ ทั้งการละลายของธารน้ำแข็งรวดเร็วยิ่งขึ้น การเพิ่มสูงขึ้นของระดับน้ำทะเล ผลกระทบจากน้ำท่วมน้ำแล้งมีความรุนแรงขึ้น คุณภาพน้ำและระบบนิเวศเสื่อมโทรมลง ซึ่งถือเป็นปัญหาและความท้าทายด้านน้ำที่นานาประเทศทั่วโลกต้องเผชิญ โดยในช่วงปี 2557 จนถึงปัจจุบัน ประเทศไทยต้องประสบกับสภาวะเอลนีโญและลานีญาที่ส่งผลต่อการเกิดภัยแล้งและอุทกภัย อย่างต่อเนื่องและมีแนวโน้มที่จะรุนแรงขึ้น เช่น การเกิดภัยแล้งรุนแรงในปี 2557 การเกิดพายุไต้ฝุ่นยางิซึ่งเป็นซุปเปอร์ไต้ฝุ่นในปี 2567 การตรวจค่าความเค็มในแม่น้ำเจ้าพระยาที่พบสถิติสูงสุดเท่าที่เคยเกิดในปี 2564 จากน้ำทะเลหนุน รวมทั้งในปีนี้ที่ประเทศไทยยังคงประสบกับสภาวะลานีญาและคาดว่าจะเกิดขึ้นต่อเนื่องจนถึงเดือนเมษายนนี้ด้วย

ทั้งนี้ เพื่อรับมือกับผลกระทบด้านทรัพยากรน้ำต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศอย่างมีประสิทธิภาพสทนช. ได้กำหนดแผนแม่บทการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ 20 ปี สำหรับเป็นกรอบแนวทางสำคัญในการแก้ไขปัญหาและพัฒนาทรัพยากรน้ำของประเทศ รวมทั้งส่งเสริมมาตรการประจำปีเพื่อบรรเทาภัยที่อาจเกิดขึ้นจากบริบทที่เปลี่ยนแปลงไป โดยในฤดูแล้งนี้ สทนช. ร่วมกับทุกภาคส่วนได้ขับเคลื่อน 8 มาตรการรองรับฤดูแล้ง ปี 2567/2568 อย่างเคร่งครัด พร้อมทั้งดำเนินการตาม 9 มาตรการรับมือฤดูฝน ปี 2568 ล่วงหน้า โดยเน้นการทำงานเชิงรุกเพื่อป้องกันและบรรเทาผลกระทบต่อประชาชนให้ได้มากที่สุด

นอกจากนี้ ยังได้ขับเคลื่อนการบริหารจัดการน้ำระหว่างประเทศอย่างยั่งยืน ทั้งในแม่น้ำกก แม่น้ำสาย – แม่น้ำรวก ลุ่มน้ำโขง ลุ่มน้ำสาละวิน ลุ่มน้ำโตนเลสาบ ลุ่มน้ำโก – ลก รวมทั้งได้สร้างความร่วมมือด้านน้ำระหว่างประเทศ องค์กรระดับโลกและภูมิภาค ที่สำคัญ รวมถึงยังจัดกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อพัฒนาบุคลากรและส่งเสริมให้ประเทศไทยเป็นศูนย์การเรียนรู้ด้านน้ำในระดับภูมิภาคด้วย

ดร.สุรสีห์ กล่าวอีกว่า สำหรับงานวันน้ำโลกในปีนี้มีเป้าหมายเพื่อหาแนวทางการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำในระยะยาว โดยเฉพาะการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ หรือ Climate Change Adaptation ซึ่งเป็นหัวข้อการเสวนาภายในงาน ซึ่งนอกจากการถ่ายทอดความรู้และประสบการณ์ของผู้เชี่ยวชาญด้านน้ำและสิ่งแวดล้อมจากหน่วยงานภาครัฐและภาคประชาสังคมแล้ว ยังมีการแลกเปลี่ยนมุมมองจากตัวแทนชุมชนที่ได้รับผลกระทบโดยตรง โดยมีนางสาวเข็มอัปสร สิริสุขะ ผู้แทนประชาสัมพันธ์ (Brand Ambassador) ด้านการบริหารทรัพยากรน้ำ ของ สทนช. ร่วมการเสวนาในครั้งนี้ด้วย นอกจากนี้ ยังมีการจัดนิทรรศการให้ความรู้เกี่ยวกับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ความรู้เกี่ยวกับธารน้ำแข็ง ประเด็นปัญหาและความท้าทายด้านน้ำ ไปจนถึงการรับมือภัยพิบัติจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของประเทศไทย และการบริหารจัดการน้ำระหว่างประเทศอย่างยั่งยืน จึงนับเป็นโอกาสสำคัญที่เราทุกคนจะหันมาใส่ใจและตระหนักถึงปัญหาน้ำอย่างจริงจัง ตั้งแต่ระดับประเทศถึงระดับโลก เพราะน้ำคือชีวิต และการจัดการน้ำอย่างยั่งยืนคือกุญแจสำคัญในการสร้างอนาคตที่มั่นคง

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

นายกฯ ปราศรัย 'วันน้ำโลก' ชวนคนไทยร่วมกันอนุรักษ์แหล่งน้ำ ใช้อย่างรู้คุณค่า

นายกฯ กล่าวคำปราศรัยเนื่องในวันน้ำโลก ประจำปี 2568 ชวนคนไทยและทุกภาคส่วนร่วมกันอนุรักษ์แหล่งน้ำ ใช้อย่างรู้คุณค่า

สทนช. มันสมองของการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำของชาติ

ก้าวย่างเข้าสู่ปีที่ 8 ในปี 2568 ของสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ที่เน้นการทำงานในเชิงรุก โดยการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำแบบบูรณาการเป็นระบบลุ่มน้ำ

ขีดเส้นตายประกาศผังน้ำ22ลุ่มน้ำภายในปีนี้ สทนช.สั่งเร่งเครื่องเต็มสูบคลอดแล้ว5 ลุ่มน้ำ

เตรียมเสนอกนช. ประกาศผังน้ำเพิ่มอีก 3 ลุ่มน้ำ หลังจากผังน้ำ “ลุ่มน้ำชี-ลุ่มน้ำภาคใต้ฝั่งตะวันออกตอนล่าง” ได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว สทนช.

ร้องผู้ตรวจการฯ สอบ สทนช. ละเว้นปฏิบัติหน้าที่-ข้อมูลไม่ครบ แต่เดินหน้าจัดเวทีสร้างเขื่อนสานะคาม

ยื่นผู้ตรวจการแผ่นดินสอบ สทนช. ละเว้นปฎิบัติหน้าที่-ข้อมูลไม่ครบแต่เดินหน้าจัดเวทีโครงการสร้างเขื่อนสานะคาม