แก้ฝุ่นพิษ เร่งออกกม.PRTR ลดค่ามาตรฐาน PM2.5

จากสถานการณ์ฝุ่นละอองขนาดเล็กไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM 2.5) มีค่าเกินมาตรฐานสูงในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะกรุงเทพมหานครและปริมณฑล รัฐบาลยกระดับมาตรการการบริหารจัดการป้องกันและแก้ไขปัญหา PM 2.5 คุมเข้มตรวจจับรถปล่อยควันดำ ลดฝุ่นในเขตเมืองจากแหล่งกำเนิดต่างๆ ลดฝุ่นจากโครงการก่อสร้าง ขอความร่วมมือภาคเอกชนปฏิบัติตาม Work from Home รวมถึงเข็นมาตรการขึ้นรถไฟฟ้า รถเมล์ ขสมก. ฟรี 7 วัน แก้ฝุ่น ขณะที่ 17 จังหวัดภาคเหนือออกมาตรการห้ามเผาในภาคเกษตร แต่มาตรการเหล่านี้ไม่สามารถสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนผู้ได้รับผลกระทบทางสุขภาพจากปัญหาฝุ่นพิษว่าจะแก้ปัญหาได้  เพราะแม้แต่มาตรการที่เตรียมการไว้ล่วงหน้าก่อนฤดูฝุ่นมาถึงก็ยังไม่สามารถบรรเทาวิกฤตฝุ่น PM2.5

การกำหนดเกณฑ์มาตรฐานคุณภาพอากาศ PM 2.5 มีประโยชน์ต่อมาตรการป้องกันผลกระทบจากฝุ่น แต่เกณฑ์ที่ไทยใช้ปัจจุบันยังตามหลังเกณฑ์ขององค์การอนามัยโลกอยู่มาก นักวิชาการจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเสนอรัฐบาลปรับเกณฑ์ค่าฝุ่นให้สอดคล้องกับองค์การอนามัยโลก และผลักดันกฎหมายปลดปล่อยและเคลื่อนย้ายมลพิษ (Pollutant Release and Transfer Register หรือ PRTR) เพื่อลดผลกระทบที่จะเกิดกับประชาชน ผ่านเวทีเสวนาทางวิชาการ Chula the Impact ครั้งที่ 30 ภายใต้หัวข้อ “จุฬาฯ ระดมคิด พลิกวิกฤต PM2.5”  จัดโดยจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เมื่อวันก่อน ณ เรือนจุฬานฤมิต งานนี้  ระดมผู้เชี่ยวชาญจากหลากหลายสาขาร่วมแลกเปลี่ยนความรู้และนำเสนองานวิจัยเป็นฐานในการขับเคลื่อน สื่อสารชี้นำสังคม และสนับสนุนมาตรการ นโยบายแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ ลดผลกระทบจากฝุ่น PM2.5 ซึ่งเป็นปัญหาสิ่งแวดล้อมที่ส่งผลต่อสุขภาพของประชาชน

รศ.ดร.ศิริมา ปัญญาเมธีกุล ภาควิชาวิศวกรรมสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืน คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาฯ  กล่าวว่า สถานการณ์ฝุ่น PM2.5 ในพื้นที่กรุงเทพฯ  ซึ่งมีการจราจรหนาแน่นตลอดปี นำมาสู่การปลดปล่อยมลพิษทางอากาศ ซึ่งไม่เฉพาะฝุ่น PM2.5 แต่มีมลพิษอื่นๆ ด้วย รวมถึงฝุ่นจากโรงงานอุตสาหกรรม เผาทางการเกษตรและเผาขยะ เผาที่โล่งแจ้ง ช่วงนี้ฝุ่นเกินค่ามาตรฐาน เพราะอุณหภูมิผกผันเป็นปัจจัยเสริมที่มากดจากมลพิษเดิม การปลดปล่อยเดิม ทำให้ฝุ่นสะสม ส่งผลค่าฝุ่นเพิ่มขึ้น การคาดการณ์สถานการณ์ฝุ่น 7 วันข้างหน้า พื้นที่กทม.และปริมณฑล มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นวันที่ 31 ม.ค. – 4 ก.พ. 2568 และยังคงต้องเฝ้าระวังในบางพื้นที่ แม้ไทยปรับค่ามาตรฐานรายปีและรายวันแล้ว แต่ในฐานะประชาชนที่ต้องการอากาศสะอาดหายใจ ต้องการให้ไปสู่ค่าคำแนะนำของ WHO ซึ่งเป็นโจทย์ที่ท้าทายมาก

ในมุมมอง รศ.ดร.ศิริมา ต่อมาตรการแก้ปัญหาฝุ่น PM2.5 กล่าวว่า รัฐบาลเน้นบังคับใช้กฎหมายแก้ฝุ่น​ PM2.5 มีมาตรการห้ามเผาทุกประเภท​ถึง 31 พ.ค. 2568  ซึ่งความเป็นจริงคนในพื้นที่ไม่อยากเผา แต่ต้องมีวิธีการหรือแนวทางให้เกษตรกรหรือชาวบ้านจัดการ กรณีอ้อยจะต้องมีการสังคายนาการจัดแปลงกับโรงงานน้ำตาล เกษตรกรในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบหาทางแก้ไข และไม่อยากเป็นแพะ เป็นผู้ปล่อยมลพิษกระทบจังหวัดอื่นๆ ปัญหามลพิษอากาศใช้เวลาในการแก้ไข แต่ต้องมีการกำหนดเป้าหมาย ประเมินประสิทธิภาพและประสิทธิผล หากดีดำเนินการต่อเนื่อง หากไม่ดีพิสูจน์แล้วเชิงวิทยาศาสตร์ต้องยอมถอย  

“ ปัจจุบันค่าฝุ่น PM2.5 เฉลี่ยรายปี 23 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร จะลดให้ได้ ต้องเพิ่มมาตรการ เพราะมาตรการเดิมๆ ไม่สำเจ ส่วนในเขตเมืองจะลดฝุ่นต้องส่งเสริมการเดินทางที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ระบบขนส่งสาธารณะไม่เฉพาะระบบรถไฟฟ้า รถใต้ดิน แต่ต้องมีระบบ FEEDER จากบ้านสู่ระบบรางต่างๆ สามารถรองรับการเดินได้สะดวก  ทางเดินเท้า ทางจักรยานพร้อมระบบนิเวศของจักรยาน โครงสร้างพื้นฐานต้องมองทั้งระบบ เพื่อหนุนการเดินทางระบบขนส่งสาธาณระให้ดีขึ้น  รัฐบาล และ กทม. รวมถึงเมืองใหญ่ต้องผลักดัน “ รศ.ดร.ศิริมา กล่าว

ส่วนการลดฝุ่นละอองขนาดเล็กจากโรงงานภาคอุตสาหกรรม นักวิชาการจุฬาฯ เสนอให้รัฐบาลผลักดันกฎหมายปลดปล่อยและเคลื่อนย้ายมลพิษ (Pollutant Release and Transfer Register หรือ PRTR) เป็นกฎหมายที่จะบังคับให้โรงงานอุตสาหกรรมเปิดข้อมูลการปล่อยมลพิษที่เกิดจากการผลิตภายในโรงงานเพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าถึงข้อมูลและตรวจสอบที่มาของมลพิษที่อยู่ใกล้ตัวที่อาจส่งผลต่อสภาพแวดล้อมที่ตนอาศัยอยู่  ซึ่งบัญชีการปล่อยสารเคมีของโรงงานจะนำมาสู่การบริหารจัดการการปล่อยและบริหารจัดการกรณีเกิดเหตุอุบัติภัยสารเคมีรวมถึงอุตสาหกรรมที่หลุดลอดนิยามโรงงาน มีหลานพันโรงหลุด กรมโรงงานอุตสาหกรรมไม่มีหน้าที่ควบคุม ท้องถิ่นรู้เท่าทันและควบคุมได้อย่างถูกต้องเหมาะสม   

การคาดการณ์ฝุ่น PM2.5 ต้องทำงานเชิงรุก  ปัจจุบันคาดการณ์ฝุ่นล่วงหน้า 3 วัน ได้อย่างแม่นยำมากขึ้นด้วยเทคโนโลยี แต่เป็นไปได้เพื่อจัดการก่อนเกิดค่าฝุ่นเกินมาตรฐาน เพื่อลดความเข้มข้นที่มีอยู่ กดลงไปก่อนที่จะมีปัจจัยภานอกเข้ามาเสริมสถานการณ์ฝุ่นให้รุนแรงขึ้น สิ่งนี้สำคัญมากยิ่งกว่า การแจ้งเตือนล่วงหน้าให้กับประชาชน ผู้กำหนดนโยบายต้องมาหาแนวทางจัดการ อีกทั้งการแก้ปัญหาระยะยาวต้องอยู่บนพื้นฐานหลักวิชาการและวิทยาศาสตร์ ภาครัฐต้องสนับสนุนทุนให้นักวิชาการวิเคราะห์เรื่องฝุ่น ย้ำว่า เราต้องการวิเคราะห์องค์ประกอบ ไม่ใช่แค่วิเคราะห์วันนี้แล้วจบ เพราะฝุ่นมีแหล่งกำเนิดมีความแตกต่างทั้งพื้นที่และเวลา ต้องมอนิเตอร์ยาวๆ ข้อมูลเหล่านี้รัฐไทยมีอย่างกระจัดกระจาย ใน พรบ.อากาศสะอาด จะมีเรื่อง Big Data จะได้มาคลี่บนเส้นเรื่องเดียวกันเพื่อมาพูดคุยหาทางออกร่วมกัน

“ มาตรการของรัฐตั้งแต่เรามีแผนวาระแห่งชาติ ทุกหน่วยงานมีแผนและมี KPI เป็น PM 2.5 โดยไม่รู้ว่า เป้าหมายจริงๆ คือ อากาศสะอาด ทำให้วิธีการของหน่วยงานนั้นๆ ไม่เข้าใจกับการจัดการปัญหา คงต้องบูรณาการโดยแต่ละหน่วยงานเข้าใจตรงกัน เราต้องการอากาศสะอาดเพื่อคนไทยทุกคน ไม่เฉพาะ กทม. เรามีอีก 77 จังหวัด แต่ละจังหวัดมีบริบทมีแหล่งกำเนิดต่างกัน   ต้องขับเคลื่อนเชิงนโยบายเพื่อให้คนไทยมีอากาศสะอาดหายใจ  “ นักวิชาการจุฬาฯ กล่าว

อ.ดร.พญ.ภัทราวลัย สิรินารา  ภาควิชาเวชศาสตร์ป้องกัน คณะแพทยศาสตร์ จุฬาฯ กล่าวว่า งานวิจัยทั่วโลกยืนยันผลกระทบทางสุขภาพของฝุ่น PM2.5 มีทั้งแบบฉับพลัน เช่น อาการไอแห้งๆ ระคายเคืองตา ผื่นคันขึ้นตามตัว บางรายมีอาการหอบหืบกำเริบ ส่วนผลกระทบเรื้อรัง เนื่องจากPM2.5 ขนาดเล็กมาก สามารถเข้าสู่ปอด ส่วนหลอดลมลึกที่สุดผ่านเข้าสู่กระแสเลือด ส่งผลให้เกิดโรคหลอดลมอักเสบและเสี่ยงโรคมะเร็งปอดระยะยาว อีกทั้งงานวิจัยต่างประเทศยืนยันช่วงที่ค่าฝุ่นเกินมาตรฐานมีผู้ป่วยโรคหัวใจขาดเลือดเฉียบพลันเข้ารักษาสูงมากอย่างมีนัยยะสำคัญ รวมถึงโรคอัลไซเมอร์ นอกจากนี้ ฝุ่นพิษทำให้เกิดการอักเสบในเซลล์ทั่วร่างกาย เซลล์ที่อักเสบเรื้อรังซ้ำๆ จะทำให้การซ่อมแซมบริเวณนั้นแย่ลง ก่อให้เกิดโรคมะเร็งในระยะยาว และเสียชีวิตก่อนวัยอันควร

สำหรับผลกระทบฝุ่นต่อกลุ่มเปราะบาง โดยเฉพาะเด็กเล็ก จะมีอาการหอบหืดฉับพลัน เลือดกำเดาไหล ให้งดกิจกรรมกลางแจ้งในวันค่าฝุ่นสูง ให้อยู่ในอาคารหรือห้องเปิดเครื่องฟอกอากาศ หรืออยู่ในห้องแรงดันบวก ซึ่งค่า PM 2.5 ที่ปลอดภัยจริงๆ ในอาคารควรอยู่ที่ 5-10 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร   ส่วนกลุ่มหญิงตั้งครรภ์จะทำให้เด็กคลอดก่อนกำหนดและน้ำหนักต่ำกว่าเกณฑ์  ส่วนผู้ป่วยสูงอายุจะเป็นกลุ่มผู้ป่วยโรคทางเดินหายใจ ฝุ่นPM2.5 ทำให้หอบหืดกำเริบและถุงลมโป่งพอง รวมถึงเสี่ยงมะเร็ง

ระบบสาธารณสุขของไทยมีการรณรงค์ให้ความรู้กับประชากรทั่วไปและกลุ่มเปราะบาง สำหรับประชาชนทั่วไปแนะนำหน้ากากระดับ N95 หน้ากากที่ดีที่สุด ไม่ใช่แพงที่สุด แต่เป็นหน้ากากที่กระชับใบหน้า จะปลอดภัยจากฝุ่นพิษ ถ้าสวมหน้ากากอนามัยแล้ว หายใจแรงๆ มีลมเล็ดลอดออกมา แสดงว่าหน้ากากฯ หลวมไป ฝุ่นเข้าได้  อีกทั้งช่วงฤดูฝุ่นไม่ควรวิ่งกลางแจ้งหรือวิ่งมาราธอน เพราะระดับการหายใจจะรับฝุ่นเพิ่มขึ้น15-20 เท่า โอกาสเกิดโรคมะเร็งสูงมาก โดยเฉพาะฝุ่นใน กทม.และปริมณฑล  มีปริมาณสารโลหะหนักที่ก่อมะเร็งสูง เช่น สารหนู  แคดเมียม โครเมียม ก่อมะเร็งปอดและมะเร็งทุกส่วนของร่างกาย  

เวทีเสวนาระดมความคิดจากนักวิชาการเพื่อแก้ปัญหาฝุ่น PM2.5 อ.ดร.พญ.ภัทราวลัย เสนอว่า  ปัจจุบันเกณฑ์ความปลอดภัยของฝุ่น PM 2.5 ค่าเฉลี่ย 24 ชั่วโมง อยู่ที่ 37.5 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร แต่หากปรับลดลงเหลือ 15 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตรตามเกณฑ์องค์การอนามัยโลก (WHO)   จะสามารถป้องกันผู้ป่วยโรคมะเร็งถึง 44% แต่หากไม่ได้จริงๆ พบกันครึ่งทางลดเหลือ 25 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร จะรักษาชีวิตคนไทยจากโรคมะเร็งได้ 17% อยากให้รัฐบาลและภาคประชาสังคมช่วยกันผลักดันค่าความปลอดภัยให้สอดคล้องกับ WHO จะลดภาระทางสาธารณสุข

“ จากสถิติกรมควลคุมโรคผู้ป่วยเข้ารับการรักษาห้องฉุกเฉินทั่วประเทศมีตัวเลขเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด ในช่วงฤดูฝุ่น โดยเฉพาะโรคหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน หรือโรคหอบหืดที่ต้องมารับย่าพ้นยากำเริบฉับพลัน กำลังรวบรวมข้อมูลเพื่อวางแผนระบบสุขภาพและสาธารณสุขของประเทศไทย PM 2.5 กระทบต่อสุขภาพอย่างรุนแรง ถ้าสะสมเรื่อยๆ ก่อมะเร็ง  ฝุ่น กทม. และปริมณฑล มีสารก่อมะร็ง สารหนู ปริมาณสูง เสนอให้มีการผลักดันกฎหมายควบคุมการปล่อยสารโลหะหนักจากแหล่งกำเนิดต่างๆ ทั้งโรงงานอุตสาหกรรม ในประเทศไทยควบคุมสารตะกั่ว แต่ไม่ควบคุมสารก่อมะเร็งอื่นๆ ที่ก่ออันตรายต่อสุขภาพของประชาชน ต่างจากประเทศที่มีกฎหมายควบคุม “อ.ดร.พญ.ภัทราวลัย กล่าว

ตามที่สถานการณ์ฝุ่น PM2.5 มีค่าสูงในหลายพื้นที่โดยเฉพาะพื้นที่กรุงเทพฯ  รัฐบาลได้ให้นโยบายในการบังคับการใช้กฎหมายที่เข้มงวดกับแหล่งกำเนิดมลพิษทุกชนิด โดยเฉพาะการตรวจสอบตรวจจับและระงับใช้ยานพาหนะที่ปล่อยควันดำเกินมาตรฐานอย่างจริงจัง แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่า บนท้องถนนในกรุงเทพฯ ยังพบรถยนต์ส่วนบุคคล รถกระบะบรรทุก รถโดยสารสาธารณะ รถบรรทุก  รถโดยสารประจำทางที่เป็นของหน่วยงานรัฐและรถร่วมบริการปล่อยควันดำโขมง

ล่าสุด กรมควบคุมมลพิษ (คพ.)  ร่วมกับ กองบังคับการตำรวจจราจรยกระดับมาตรการห้ามใช้รถที่ปล่อยควันดำ โดยเข้มข้นบังคับใช้กฎหมายตาม พ.ร.บ. จราจรทางบก และ พรบ.ส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. 2535 ถ้าปรากฏว่าผู้ขับขี่นำรถที่มีควันดำเกินค่ามาตรฐานไปใช้ในทาง จะต้องถูกปรับสูงสุดตามบทบัญญัติของกฎหมาย เจ้าพนักงานจราจรจะใช้อำนาจสั่งให้เจ้าของหรือผู้ครอบครองรถที่มีควันดำเกินมาตรฐานต้องนำรถไปปรับปรุงแก้ไขภายในระยะเวลา 15 วัน ซึ่งเป็นการลดระยะเวลาจากเดิมที่กำหนด 30 วัน เนื่องจากพบว่ามีการนำรถที่มีปัญหาควันดำซึ่งถูกติดสติกเกอร์ “ห้ามใช้ชั่วคราว” เพื่อให้นำรถไปปรับปรุงแก้ไขมาวิ่งในช่วงเวลาที่ห้ามใช้ มาตรการนี้จะใช้บังคับกับรถทุกประเภท เริ่มบังคับใช้แล้วตั้งแต่วันนี้

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

นายกฯอิ๊งค์ ดีใจร่วมงานบอล พิธีกรแซวลูกล้ำหน้ามองจากชั้น 14 ยังเห็นชัด

ภายหลังจากที่ นายกรัฐมนตรี​ ร่วมงานประเพณีฟุตบอลธรรมศาสตร์ -​จุฬาฯครั้งที่ 75 นายกรัฐมนตรีได้เดินทางกลับในเวลา 16.22 น โดยตอบคำถามสื่อมวลชนสั้นๆ

อากาศแปรปรวน! เหนือ-อีสานหนาวเช้า กลางวันร้อนจัด-ฝุ่นพิษมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น

กรมอุตุนิยมวิทยา เผยพื้นที่ภาคเหนือและอีสานยังคงหนาวเย็นในช่วงเช้า แต่พอตกบ่ายอุณหภูมิพุ่งสูงแตะ 36-38 องศาเซลเซียส ขณะที่ภาคกลาง กรุงเทพฯ และภาคตะวันออกเจอฟ้าหลัว ฝุ่นละอองสะสมเพิ่มขึ้น ส่วนภาคใต้มีฝนประปราย ชาวเรืออ่าวไทยตอนล่างควรระวังคลื่นลมแรงในบางจุด

กัลฟ์ จับมือ ทันตะ จุฬาฯ สานต่อโครงการ GULF Sparks Smiles ปีที่ 5 มอบรอยยิ้มให้คนพิเศษในวันแห่งความรัก ตอกย้ำความมุ่งมั่นสร้างโอกาสอย่างเท่าเทียม

บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ กัลฟ์ ร่วมกับ คณะทันตแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

'ดร.เอ้' ลงพื้นที่สยามสแควร์ แจกหน้ากากกันฝุ่น พบ PM 2.5 สูงกว่าปกติถึง 10 เท่า

ศ.ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ (ดร.เอ้) รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมคณะ ได้ลงพื้นที่บริเวณสยามสแควร์ เขตปทุมวัน ซึ่งเป็นหนึ่งในกรุงเทพชั้นใน ตรวจวัดระดับค่าฝุ่น PM 2.5 และ มอบหน้ากากกันฝุ่นแก่ประชาชน

ฮือฮา! พบซากดึกดำบรรพ์ 'ไฮยีนา' กว่า 2 แสนปี ในถ้ำกระบี่

ผศ.ดร.กันตภณ สุระประสิทธิ์ อาจารย์ประจำภาควิชาธรณีวิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พร้อมทีมนักธรณีวิทยา ร่วมกับอาจารย์นิวัฒน์ วัฒนยมนาพร ชมรมคนรักถ้ำกระบี่