โครงการประกวดนวัตกรรมเพื่อชิงทุนการศึกษา ‘Ford Innovator Scholarship 2024’ จัดขึ้นภายใต้หัวข้อ ‘การออกแบบนวัตกรรมพลังบวก เชื่อมต่อชุมชน เพื่อโลกที่ดีกว่า’ (Connect Innovation with Communities for a Better World Challenge)’ โดยเน้นให้ผลงานนวัตกรรมสร้างประโยชน์แก่ชุมชนได้จริง ครอบคลุมแนวทางหลัก 3 ด้าน ได้แก่ นวัตกรรมสร้างศักยภาพเพื่ออาชีพในอนาคต นวัตกรรมเสริมอาชีพเพื่อธุรกิจยุคใหม่ และนวัตกรรมสร้างความปลอดภัยในชุมชน โครงการนี้เปิดรับสมัครผลงานตั้งแต่เดือนสิงหาคมที่ผ่านมา มีทีมนักเรียน นักศึกษา จากระดับมัธยมศึกษา อาชีวศึกษา และอุดมศึกษาทั่วประเทศ สมัครเข้าร่วมการแข่งขันถึง 235 ทีม จากนั้นคณะกรรมการได้คัดเลือก 10 ทีมเข้าสู่รอบสุดท้าย ประกอบด้วย ทีมมัธยมศึกษา 1 ทีม ทีมมัธยมศึกษาร่วมกับอุดมศึกษา 1 ทีม ทีมอาชีวศึกษา 4 ทีม และทีมอุดมศึกษา 4 ทีม โดยทีมที่ผ่านเข้ารอบได้ร่วมกิจกรรมเวิร์กช็อปเพื่อพัฒนาทักษะและเสริมความรู้จากผู้เชี่ยวชาญของฟอร์ดและสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ หรือ NIA รวมถึงการฝึกเทคนิคการนำเสนอผลงานให้มีประสิทธิภาพจากทีมงานทีวีบูรพาในกิจกรรม Hackathon อีกด้วย
โอกาสนี้ นางสาวกมลชนก ประเสริฐสม ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารองค์กร ฟอร์ด ประเทศไทย และตลาดอาเซียน กล่าวว่าฟอร์ดภูมิใจที่ได้มีส่วนสำคัญในการสร้างนวัตกรรุ่นใหม่ให้เติบโตอย่างต่อเนื่องในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา โครงการนี้ไม่เพียงสนับสนุนการสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ แต่ยังมุ่งเน้นการนำนวัตกรรมต่างๆ ไปใช้งานจริงเพื่อสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อชุมชน รวมถึงจัดกิจกรรมเพื่อส่งเสริมบรรยากาศการเรียนรู้ และการสร้างนวัตกรเพื่อสังคมในประเทศไทย
ภายในงานฉลองครบรอบ 10 ปี โครงการ Ford Innovator Scholarship ฟอร์ด ประเทศไทย และพันธมิตร ได้จัดเวทีเสวนาพิเศษที่มีผู้ชนะจากโครงการในปีก่อนหน้า เช่น นายธีรภัทร ล่องเลี่ยม นักเรียนผู้ชนะโครงการประกวดในปี 2021 นายชุมพล ชารีเสน อาจารย์จากโรงเรียนกาฬสินธุ์พิทยาสรรพ์ ที่ปรึกษาโครงงานที่ได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 ปี 2023 นายสนิท สุวรรณศร ที่ปรึกษาสมาคมพัฒนาประชากรและชุมชน หรือ พีดีเอ ดร.ชิต เหล่าวัฒนา ผู้ก่อตั้งและที่ปรึกษาสถาบันวิทยาการหุ่นยนต์ภาคสนาม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี ร่วมแชร์ความสำเร็จของโครงการและส่งต่อแรงบันดาลใจให้กับคนรุ่นใหม่ในการคิดค้นนวัตกรรมเพื่อสังคมที่น่าอยู่ นอกจากนี้ ยังมีการจัดแสดงผลงานที่ผ่านเข้ารอบ และกิจกรรม Hackathon กระตุ้นความคิดในบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความสนุกสนานก่อนการนำเสนอผลงานต่อคณะกรรมการในช่วงบ่าย โดย 10 ผลงานที่ผ่านเข้ารอบในปีนี้ ได้แก่
1.นวัตกรรมช่วยอํานวยความสะดวกให้แก่ผู้พิการทางสายตา ผลงานของโรงเรียนอัสสัมชัญ ธนบุรี 2.นวัตกรรมการแปรรูปเธอร์โมพลาสติกจากพลาสติกเหลือใช้ ด้วยเทคนิค Injection Molding สำหรับการใช้งานเชิงอุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี และโรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย 3.นวัตกรรมโรงเรือนเพาะเลี้ยงและเร่งการเจริญเติบโตของไข่ผำแบบออร์แกนิกด้วยสเปกตรัม LED เพื่อส่งเสริมอาชีพให้กลุ่มวิสาหกิจชุมชนผู้เลี้ยงไข่ผำเชียงงาม วิทยาลัยเทคนิคเขาวง จังหวัดกาฬสินธุ์ 4.นวัตกรรมเครื่องคัดแยกขนาดพุทรานมสดโดยใช้ระบบน้ำวน เพื่อพัฒนากลุ่มเกษตรกรชุมชน วิทยาลัยเทคนิคเขาวง จังหวัดกาฬสินธุ์
5.นวัตกรรมกระตุ้นการกินอาหารของหนอนไหม เพื่อเพิ่มปริมาณ และคุณภาพเส้นไหม จากโรงเรียนกาฬสินธุ์พิทยาสรรพ์ จังหวัดกาฬสินธุ์ 6. นวัตกรรมเครื่องนับจำนวนและแยกไซซ์ขนาดทุเรียนบนต้นด้วยเทคโนโลยีเอไอ (AI) วิทยาลัยเทคนิคสุราษฎร์ธานี จังหวัดสุราษฎร์ธานี 7. นวัตกรรมระบบตรวจจับและเก็บเกี่ยวปูนิ่มในการเลี้ยงระบบปิดแบบธรรมชาติ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี วิทยาการหุ่นยนต์ภาคสนาม
8.นวัตกรรมตรวจโรคหัวใจด้วยตนเองเสต็ทโตสโคปวิเคราะห์ร่วมกับเทคโนโลยีเอไอ (AI) ผ่านแอปพลิเคชัน จฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 9.นวัตกรรมปัญญาประดิษฐ์แบบการเรียนรู้เชิงลึก (Deep Learning) ตรวจสอบความถูกต้องของท่ากายภาพบำบัด จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย10.นวัตกรรมวัสดุเพื่อความยั่งยืนในอุตสาหกรรมแฟชั่น หนังเทียมจากเปลือกโกโก้ เปลือกมังคุด และใยเปลือกทุเรียน ต้านเชื้อแบคทีเรีย มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
ผลการประกวดปรากฎว่า เป็นปีแรกที่ทีมเยาวชนจากระดับมัธยมศึกษา สามารถคว้ารางวัลชนะเลิศอันดับ 1 ไปครอง ด้วยนวัตกรรม ‘ThirdEye’ อุปกรณ์ช่วยอํานวยความสะดวกให้แก่ผู้พิการทางสายตา จากโรงเรียนอัสสัมชัญธนบุรี ซึ่งออกแบบและสร้างอุปกรณ์เพื่อช่วยอํานวยความสะดวกให้แก่ผู้พิการทางสายตา โดยใช้เทคโนโลยีการเรียนรู้เชิงลึก และกลไกการให้ความสนใจเชิงภาพ เพื่อจําลองการทํางานด้านการมองเห็นของมนุษย์ผ่านโมเดลโครงข่ายประสาทเทียมในการประมวลผลภาพ เช่น การจําแนกภาพ การตรวจจับวัตถุ และการสร้างคําอธิบายภาพ มีความสามารถในการระบุตําแหน่งสิ่งของ อ่านข้อความ ป้าย และสัญลักษณ์ต่างๆ ได้อย่างแม่นยํา ด้วยการทํางานอัตโนมัติหรือสั่งการด้วยเสียงได้ ช่วยให้ผู้พิการทางสายตาใช้ชีวิตประจําวันได้อย่างอิสระและปลอดภัยมากขึ้น
รางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ 1 ได้แก่ ผลงาน ‘นวัตกรรมวัสดุหนังเทียมเพื่อความยั่งยืนในอุตสาหกรรมแฟชั่น’ จากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ โดยใช้วัสดุเหลือทิ้งทางการเกษตรอย่างเปลือกโกโก้ ใยเปลือกทุเรียน และเปลือกมังคุด ซึ่งเป็นวัสดุที่หาได้ง่าย ต้นทุนต่ำ มีคุณสมบัติยืดหยุ่น ทนทาน และย่อยสลายได้อย่างสมบูรณ์ และสามารถต้านเชื้อแบคทีเรียได้ เหมาะสำหรับนำมาเป็นวัสดุทดแทนหนัง นวัตกรรมนี้ไม่เพียงแต่เพิ่มมูลค่าให้กับวัสดุเหลือทิ้ง แต่ยังสามารถสามารถสร้างสินค้าทันสมัย และช่วยเพิ่มรายได้ให้กับชุมชน
รางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ 2 ได้แก่ ผลงาน ‘นวัตกรรม CS-M Tool เครื่องมือตรวจโรคหัวใจด้วยตนเองเสต็ทโตสโคปวิเคราะห์ร่วมกับเทคโนโลยีเอไอ (AI) ผ่านแอปพลิเคชัน’ จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งเป็นนวัตกรรมทางแพทย์ตัวแรก ที่ช่วยให้ทุกคนสามารถตรวจโรคหัวใจได้ด้วยตนเองง่ายๆ ที่บ้าน ด้วยการใช้เสียงหัวใจฟังผ่านเสต็ทโตสโคป จากนั้นวิเคราะห์เสียงด้วย AI และแสดงผลผ่านแอปพลิเคชัน นวัตกรรมนี้ช่วยให้ผู้ที่มีความเสี่ยงเข้ารับการรักษาได้ทันท่วงที ลดโอกาสการเสียชีวิตก่อนเวลาอันควร อีกทั้งยังเพิ่มโอกาสให้ผู้ที่อยู่ในพื้นที่ห่างไกลสามารถเข้าถึงการตรวจโรคหัวใจได้มากขึ้น
รางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ 3 ได้แก่ ผลงาน ‘นวัตกรรมเครื่องนับจำนวนและแยกไซซ์ขนาดทุเรียนบนต้นด้วยเทคโนโลยีเอไอ (AI)’ จากวิทยาลัยเทคนิคสุราษฎร์ธานี นวัตกรรมนี้ ได้รับการออกแบบให้เคลื่อนที่ได้สะดวก เพิ่มประสิทธิภาพโดยลดต้นทุนแรงงานในการนับผลผลิตทำให้ค่าใช้จ่ายลดลง
“ฟอร์ดขอแสดงความยินดีกับทีมที่ได้รับรางวัลชนะเลิศ รวมทั้งทีมที่ผ่านการคัดเลือกเข้ารอบสุดท้ายในโครงการ Ford Innovator Scholarship ของปีนี้ ซึ่งถือเป็นปีที่พิเศษเนื่องในโอกาสครบรอบ 10 ปี และเรายังภูมิใจเป็นอย่างยิ่งที่ได้มีส่วนสำคัญในการสร้างนวัตกรไทยรุ่นใหม่ให้เติบโตอย่างต่อเนื่องในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา โครงการนี้ไม่เพียงสนับสนุนการสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ แต่ยังมุ่งเน้นการนำนวัตกรรมต่างๆ ไปใช้จริงเพื่อสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อชุมชนและสังคม รวมถึงจัดกิจกรรมพิเศษเพื่อส่งเสริมบรรยากาศการเรียนรู้ และการสร้างนวัตกรเพื่อสังคมในประเทศไทย” นางสาวกมลชนก
Ford Innovator Scholarship อย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี พ.ศ. 2558 ภายใต้การจัดสรรงบประมาณของ ฟอร์ด ฟิแลนโธรพี (Ford Philanthropy) หน่วยงานเพื่อสังคมของฟอร์ด มอเตอร์ คัมปะนี มอบทุนสนับสนุนแก่ทีมผู้ชนะแล้วถึง 232 ทุน รวมกว่า 6,700,000 บาท นับเป็นหนึ่งในโครงการมอบทุนการศึกษาและพัฒนาทักษะด้านนวัตกรรมสำหรับเยาวชนและสถาบันการศึกษาในประเทศไทย โดยคณะผู้จัดโครงการยังมุ่งเน้นการเสริมองค์ความรู้ และฝึกฝนความสามารถของนักเรียน นักศึกษา ให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของตลาดแรงงาน ถือเป็นการลงทุนในทรัพยากรมนุษย์ในแนวทางที่ยั่งยืน พร้อมสร้างการเชื่อมต่อนวัตกรรมเพื่อสร้างประโยชน์แก่ชุมชนและสังคมได้จริง สอดคล้องกับพันธกิจของฟอร์ด ฟิแลนโธรพี ในมิติการส่งเสริมการเรียนรู้ของเยาวชนเพื่อตอบโจทย์ทักษะอาชีพในอนาคต.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ทศวรรษแห่งสายสัมพันธ์ ‘อะกิตะ’-‘ไทยแลนด์’ | ห้องข่าวไทยโพสต์สุดสัปดาห์
ห้องข่าวไทยโพสต์สุดสัปดาห์ : วันอาทิตย์ที่ 17 พฤศจิกายน 2567