เป็นที่ทราบกันดีว่า ประเทศไทยยังมีจุดอ่อนด้านขีดความสามารถการแข่งขัน โดยเฉพาะในภาคอุตสาหกรรมการผลิต ที่ยังปรับตัวไม่ทันกับการเปลี่ยนแปลงของโลก ที่มุ่งสู่การขายความคิดสร้างสรรค์ด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม ซึ่งพื้นฐานของการพัฒนาวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม ล้วนมาจากการวิจัยแทบทั้งสิ้น
ทั้งนี้ หากย้อนหลังไปดูการสนับสนุนการวิจัยวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมของภาครัฐในช่วงระยะ 5 ปี ตั้งแต่ปี2564- 2568 พบว่ามีวงเงินการสนับสนุนไม่มากนัก ผ่านทางงบประมาณด้านวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (ววน.) ที่อยู่ภายใต้การบริหารของ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัย และ นวัตกรรม (สกสว.) โดยในปี 2564 :มียอด 19,916.63 ล้านบาท (จัดสรรให้ 153 หน่วยงาน) ,ปี 2565 วงเงิน 14,176.05 ล้านบาท (จัดสรรให้ 164 หน่วยงาน) ปี 2566 วงเงิน 16,354.28 ล้านบาท (จัดสรรให้ 165 หน่วยงาน) ปี 2567 วงเงิน 19,033.67 ล้านบาท (จัดสรรให้ 186 หน่วยงาน) ปี 2568 วงเงิน 19,350.77 ล้านบาท (จัดสรรให้ 195 หน่วยงาน)
ล่าสุดในการประชุมประชุมสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ (สภานโยบาย) ครั้งที่ 3/2567 โดยมีนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานสภานโยบาย เป็นประธานการประชุม พร้อมด้วยนางสาวศุภมาส อิศรภักดี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ในฐานะรองประธานคนที่สอง และคณะรัฐมนตรี ในฐานะกรรมการโดยตำแหน่ง ตลอดจนผู้บริหารระดับสูงจากกระทรวง และผู้ทรงคุณวุฒิ ที่เกี่ยวข้อง รวมถึง ศ.เกียรติคุณ ดร.นพ. สิริฤกษ์ ทรงศิวิไล ประธานกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (กสว.) และ รศ.ดร. ปัทมาวดี โพชนุกูล ผู้อำนวยการ สกสว. เข้าร่วมประชุมการพิจารณากรอบแนวทางการนำการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อววน.) เพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาอุตสาหกรรมเทคโนโลยีขั้นสูงตามความต้องการของประเทศ
การประชุครั้งนี้ สภานโยบายได้มีมติเห็นชอบกรอบวงเงินงบประมาณด้านการอุดมศึกษา และกรอบวงเงินงบประมาณด้านวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมของประเทศ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 วงเงินรวมทั้งสิ้น 160,136 ล้านบาท เป็นงบประมาณด้านการอุดมศึกษาประมาณ 115,236 ล้านบาท และงบประมาณด้านวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม 44,900 ล้านบาท เพื่อการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคมและสิ่งแวดล้อม ซึ่งในส่วนงบประมาณด้านวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมนี้ จะอยู่ภายใต้กองทุนส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (กองทุน ววน.) บริหารจัดการโดย คณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (กสว.) และ มีสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัย และ นวัตกรรม (สกสว.) เป็นฝ่ายเลขานุการ
ทั้งนี้ จะเห็นได้ว่า งบประมาณด้านวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม 44,900 ล้านบาท หรืองบฯสนับสนุนการวิจัยวิทยาศสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม มีวงเงินที่สูงที่สุดเมื่อเทียบกับวงเงินสนับสนุนในปี ที่ผ่านๆมา หรือหากเทียบกับปี2568 ที่มีวงเงิน 19,350.77 ล้านบาท นับว่าสู่งกว่าเท่าตัว
เป้าหมายการใช้วงเงิน 44,900 ล้านบาท เพื่อสนับสนุนการวิจัย ที่ประชุมสภานโยบาย อุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม หรือ อววน. วางกรอบการใช้เงินอันดับแรก ที่ถือเป็นวาระสำคัญเร่งด่วน ก็คือ การขับเคลื่อนการพัฒนาอุตสาหกรรมเทคโนโลยีขั้นสูงตามความต้องการของ ตอบโจทย์การพัฒนาประเทศในมิติต่าง ๆ โดยเฉพาะการผลิตและพัฒนากำลังคนทักษะสูง เพื่อเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนนโยบายสำคัญของรัฐบาล รวมถึงการส่งเสริมให้เกิดการนำงานวิจัยและนวัตกรรมไปใช้ประโยชน์ในภาคอุตสาหกรรม โดยมุ่งเน้นใน 4 อุตสาหกรรมเป้าหมายและ 2 วาระสำคัญเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนของประเทศ ได้แก่ 1. อุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์และอิเล็กทรอนิกส์ขั้นสูง 2. อุตสาหกรรมปัญญาประดิษฐ์ (AI) 3. อุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า และ 4. อุตสาหกรรมการแพทย์ขั้นสูง
นอกจากนี้ ยังมีวาระสำคัญ 2 วาระ ประกอบด้วย 1. การเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานไปสู่พลังงานสะอาด และ 2. การสร้างความยั่งยืนของทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ทั้งในมิติของการใช้ทรัพยากรอย่างยั่งยืน การจัดการมลพิษ และการลดผลกระทบจากภัยธรรมชาติที่อาจเกิดขึ้นได้ในอนาคต โดย สกสว. ได้รับมอบหมายให้ร่วมกับสำนักงานสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ (สอวช.) และสำนักงานปลัดกระทรวง อว. (สป.อว.) ดำเนินการต่อไป
ด้าน รศ.ดร.ปัทมาวดี โพชนุกูล ผู้อำนวยการสกสว. เปิดเผยหลังประชุมสภานโยบายว่า ที่ประชุมมีมติเห็นชอบกรอบงบประมาณด้านวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (ววน.) จำนวน 44,900 ล้านบาท แบ่งเป็น กรอบงบประมาณด้านการวิจัยและนวัตกรรม จำนวน 41,900 ล้านบาท เพื่อสนับสนุนงานมูลฐาน (Fundamental Fund) 8,100 ล้านบาท และงานเชิงกลยุทธ์ (Strategic Fund) 33,800 ล้านบาท และกรอบงบประมาณด้านการพัฒนาวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี จำนวน 3,000 ล้านบาท
สำหรับการดำเนินภายใต้กรอบงบประมาณปี 2569 นี้ ได้กำหนดผลลัพธ์ ผลกระทบสำคัญที่สามารถนำไปใช้พัฒนาเศรษฐกิจ การยกระดับสังคมและสิ่งแวดล้อม รวมถึงการพัฒนาวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี การวิจัยและนวัตกรรมระดับขั้นแนวหน้าที่ก้าวหน้าล้ำยุค การพัฒนากำลังคนและสถาบันด้านวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม และการแก้ไขประเด็นวิกฤตและเร่งด่วนของประเทศ โดยอาศัยองค์ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ที่ตอบโจทย์ความต้องการของประเทศ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
พลิก!สยามผบช.น. สันติไปปส.น้องเสธ.หิคุมไซเบอร์/ประสบการณ์ใหม่‘อิ๊งค์’
"นายกฯ" นั่งหัวโต๊ะ ก.ตร. ลากยาว 4 ชม. ถกแต่งตั้ง 41 นายพลสีกากีระดับรอง
นายกฯอิ๊งค์ แถลงผลงานรัฐบาลรอบ 100 วัน 12 ธ.ค.นี้
น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการแถลงผลงานรัฐบาลในรอบ 100 วันจะเป็นช่วงใด ว่า ประมาณเดือน ธ.ค.
ครม.ไร้วาระโต้ง ชื่อยังไม่ถึงคลัง ผวาขัดกฎหมาย
นายกฯ เมินเสียงวิจารณ์ "กิตติรัตน์" นั่ง ปธ.บอร์ด ธปท.
‘อิ๊งค์’ตีปี๊บผลงาน100วัน
“นายกฯ อิ๊งค์” ต่อสายยินดี “ทรัมป์” พร้อมชวนมาเมืองไทย นายกฯ
'อิ๊งค์' นำประชุมใหญ่วิสามัญพรรคเพื่อไทย ขอบคุณ สส.ทำงานหนัก
พรรคเพื่อไทย จัดประชุมใหญ่วิสามัญครั้งที่ 1/ 2567 มีน.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทย นายสรวงศ์ เทียนทอง รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา
รัฐบาลเคาะแจกเงินหมื่น เฟส 2 ให้คนอายุ 60 ปีขึ้นไป ก่อนวันตรุษจีนปี 68
น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งที่ 1/2567 โดยมี นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรมว.การคลัง