ไป 'บางแสน-สัตหีบ 'ชมหาดสวย ทะเลใส

การเดินทางท่องเที่ยวในช่วงนี้ต้องมีการวางแผนและคอยติดตามข้อมูลสภาพดินฟ้าอากาศกันอย่างใกล้ชิด เพราะในหลายพื้นที่มีฝนตกชุก อาจจะทำให้การเดินทางไม่ค่อยสะดวก ทริปนี้ได้มีโอกาสเดินทางไปเยือนชลบุรี จังหวัดยอดฮิตของชาวกรุง ที่อยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ มีสถานที่ท่องเที่ยวหลายแห่ง โดยเฉพาะทะเล ที่มีให้เลือกหลากหลายหาด ไม่ว่าจะหาดบางแสน หาดพัทยา หาดจอมเทียน หาดน้ำใสฯลฯ ถูกใจคนที่เลิฟเวอร์ทะเลมากๆ

เดินทางออกจากกรุงเทพฯ 2 ชั่วโมงนิดๆ เราก็มาถึงหาดบางแสน อ.เมือง ท้องฟ้าสดใสเหมือนรอต้อนรับการเดินทางมาเยือน สำหรับหาดบางแสนจะอยู่ช่วงกลางของหาดและเป็นจุดที่นิยมลงเล่นน้ำกัน  ถัดมาคือแหลมแท่น  เป็นช่วงเหนือสุดของหาดมีโขดหินสวยงามแต่ลงเล่นน้ำไม่ได้  และส่วนสุดท้ายคือ  หาดวอนนภา  เป็นชายหาดตอนใต้สุด บรรยากาศเหมาะกับการนั่งเล่นชมวิวทะเลและ มีหมู่บ้านประมงพื้นถิ่นเล็กๆ กระจายอยู่ห่างๆ กัน รวมความยาวกว่า 2,200 เมตร

หลายปีก่อนเราเคยมาเยือนหาดแห่งนี้ความทรงจำ ณ ช่วงเวลานั้นต้องยอมรับว่าหาดบางแสนมองออกไปไม่ค่อยจะสบายตาเท่าไหร่ เพราะขยะที่ลอยมาติดตามชายหาด หรือขยะที่มาจากการท่องเที่ยวทำให้เกิดความสกปรก น้ำทะเลสีขุ่นมัว แต่ในวันนี้หาดบางแสนทำให้เราต้องลบภาพเก่าๆทิ้งไป เพราะชายหาดดูแล้วสะอาดสบายตา น้ำทะเลใสแจ๋ว มีนักท่องเที่ยวลงเล่นน้ำกันอย่างสนุกสนาน มีเครื่องเล่นบานานาโบ๊ท จอดคอยให้บริการ

ถัดจากชายหาดจะเป็นเตียงผ้าใบที่จัดเรียงเป็นระเบียบไว้ให้บริการนักท่องเที่ยวได้มานั่งพัก ทานอาหาร เดินขึ้นมาอีกหน่อยจะเป็นโซนถนนคนเดิน ที่มีกระเบื้องเป็นทางเดินเท้าอย่างดี ระหว่างสองข้างทางมีต้นมะพร้าวเรียงรายคอยให้ร่มเงาและสตรีทฟู้ดหลากหลายร้านที่ตั้งขายอย่างเป็นระเบียบและมีการดูแลรักษาความสะอาดเป็นอย่างดี  เราและเพื่อนร่วมเดินเล่นกันอย่างเพลิดเพลิน หากมาในวันธรรมดาหาดแห่งนี้จะเงียบสงบผู้คนไม่พลุกพล่านเหมือนกับวันหยุดสุดสัปดาห์หรือวันหยุดนักขัตฤกษ์ ในใจอดคิดไม่ได้ที่อยากจะเห็นความสวยงามของหาดบางแสนคงอยู่แบบนี้ตลอดไป

มาเสริมสิริมงคลกันต่อที่ศาลเจ้าหน่าจาซาไท้จื้อ หรือ วิหารเทพสถิตพระกิติเฉลิม ศาลเจ้าที่มีสถาปัตยกรรมจีนสวยงามอยู่ริมถนนเลียบชายทะเล ศาลเจ้าแห่งนี้มีการตกแต่งด้วยสถาปัตยกรรมลวดลายแบบจีน หลังคาเป็นเชิงซ้อนลดหลั่นลงมาตามระดับประดับด้วยประติมากรรมมังกร เช่นเดียวกับลวดลายของเสา ที่ปั้นมังกรตัวยาวที่เลื้อยพันรอบเสาสวยงาม ไฮไลท์ของศาลเจ้าแห่งนี้คือ วิหารเทพสถิตพระกิติเฉลิม ซึ่งมีความหมายว่า เป็นที่สถิตของทวยเทพเจ้าทั้งหลาย ความอลังการของวิหาร ภายในเป็นที่ประดิษฐานพระกษิติครรภโพธิสัตว์, องค์เทพเจ้าหน่าจาซาไท้จื้อ ปางที่จำลองมาจากมณฑลเสฉวนประเทศจีน, องค์เง็กเซียนฮ่องเต้, พระศรีศากยมุนีพระพุทธเจ้า องค์พุทธเจ้าอีก 5 พระองค์

นอกจากการตกแต่งด้วยลวดลายที่พริ้วไหวดังสายน้ำ สีสันจัดจ้านสื่อความหมายความเป็นมงคล ยังมีการประดับด้วยรูปปั้นมังกรมากถึง 2,840 ตัว ที่เราจะเห็นตามกระถางธูปศักดิ์สิทธิ์ เสาฟ้าดิน งดงาม ตรงกลางคือรูปปั้นขององค์เทพเจ้าหน่าจาซาไท้จื้อ สีทองอล่าม และเทพเจ้าจีนองค์ต่างๆที่ประดิษฐานอยู่ในอาคารที่นักท่องเที่ยวสามารถเลือกกราบไหว้ได้ตามศรัทธา นอกจากนี้ยังเป็นสถานที่ที่มีองค์ไท้ส่วยเอี้ย ซึ่งเป็นดาวเทพคุ้มครองดวงชะตาประจำปีเกิดของมวลมนุษย์ ครบ 60 องค์ เป็นต้น

ออกจากศาลเจ้ามาเข้าวัดที่ มหาเจดีย์เกตุแก้วจุฬามณีอาสนสุขมหาวิหาร ตั้งอยู่ในวัดแสนสุขวิสุทธิวราราม หรือที่รู้จักกันในชื่อ วัดแสนสุข เป็นเก่าแก่อายุราวๆ 38 ปี ก่อนจะเดินถึงมหาเจดีย์ฯ จะต้องเดินผ่านองค์พญานาคที่ล้อมรอบทั้ง 4 ทิศเป็นเหมือนสะพานที่ทอดยาวข้ามน้ำ เพื่อเข้าสู่บันไดทางขึ้นไปยังมหาเจดีย์ฯ เดินมาถึงจะพบกับความสวยงามเด่นตระหง่านของมหาเจดีย์ฯ มีประตูทางเข้าทั้ง 4 ทิศ ด้านในมีพระประธานสีทองอร่ามองค์ใหญ่เป็นสง่า บรรยากาศด้านในทำให้เราได้สัมผัสถึงความรู้สึกสบายกายสบายใจ อาจจะเพราะตัววิหารด้านในทำให้สูงโปร่งมีอากาศถ่ายเทสะดวก เหมาะกับการมาสักการะขอพรหรือนั่งสมาธิสั้นๆ ก็เข้าท่าดี

ขับรถมาชมวิวทะเลอีกมุมบนสะพานชลมารควิถีเฉลิมพระเกียรติ 84 พรรษา หรือที่เรียกกันทั่วไปว่า สะพานเลียบชายทะเลชลบุรี เป็นสะพานที่ทอดยาวเลียบชายทะเลประมาณ 5 กิโลเมตร กั้นพื้นชุมชนชาวเลตั้งแต่เขตเทศบาลเมืองชลบุรีไปจนถึงเทศบาลตำบลบางทราย อ.เมือง ทำให้สะพานแห่งนี้ไม่เป็นเพียงแค่เส้นทางสัญจรแต่ยังเป็นจุดแวะพักผ่อนชมวิวทะเล มีรถฟู้ดทรัคคันเล็กตั้งขายอาหาร แต่ไม่เยอะจนกีดขวางเส้นทาง หากมาช่วงเย็นๆ จะได้ชมพระอาทิตย์ลาลับขอบทะเลโรแมนติกสุดๆ

จากบางแสนมุ่งหน้าไปต่อที่อ.สัตหีบ เป็นอีกหมุดหมายที่มีทะเลสวยงาม จุดหมายแรกในสัตหีบต้องมาที่ ศาลกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ หรือเรือเอกพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ (เสด็จเตี่ย) ณ แหลมปู่เจ้า ตั้งอยู่บริเวณใต้สุดของโค้งอ่าวเตยงาม ที่มีไฮไลท์คือ แท่นหินอ่อนที่บรรจุพระอัฐิของพระองค์ท่านอยู่ด้านหลังพระรูปองค์ใหญ่ ซึ่งมีที่เดียว จึงเป็นที่เคารพนับถือของชาวบ้านและผู้คนที่เดินทางต่างก็ต้องกราบไหว้เพื่อความเป็นสิริมงคล และยังเป็นจุดชมวิวที่ได้เห็นทั้งอ่าวสัตหีบ อ่าวเตยงาม เกาะพระ เกาะเตาหม้อ และอ่าวไทย หากขึ้นไปบนหอชมวิวก็จะเห็นฐานทัพเรือ แต่ห้ามถ่ายรูปเพราะถือว่าเป็นข้อมูลทางทหาร และยังมีสถานที่จัดแสดงอาวุธและเรือรบจำลองในแบบต่างๆ ให้ได้ชม

จุดหมายสุดท้ายชมพระอาทิตย์ตกที่หาดน้ำใส  ชายหาดอันแสนสงบที่สะอาดสะอ้านตั้งอยู่ในพื้นที่ของหน่วยสงครามพิเศษทางเรือ กองเรือยุทธการ ชายหาดทอดยาวประมาณ 600 เมตร หาดทรายละเอียด น้ำทะเลใส สมกับชื่อหาดน้ำใส มีร่มเงาของต้นสนให้นั่งพักผ่อนริมหาด และลงเล่นน้ำได้มีเจ้าหน้าที่คอยดูแลความปลอดภัยตลอดเวลา ภายในหาดมีศูนย์อาหาร ร้านอาหารหลายร้าน ช่วงเวลาที่เราไปผู้คนเริ่มทยอยเดินทางกลับมีบางส่วนที่ยังคงเล่นน้ำ นั่งชมวิวริมทะเล ดวงอาทิตย์กลมโตค่อยๆเคลื่อนตัวลงลาลับขอบทะเลเหลือเพียงแสงสุดท้าย เป็นสัญญาณบอกลาเหล่านักท่องเที่ยว สำหรับหาดน้ำใสจะเปิดให้เข้าตั้งแต่ 06.00-18.00 น.

ชายหาดทั้งในอ.เมืองและอ.สัตหีบ ล้วนเป็นปลายทางของการพักผ่อนริมทะเลที่มีเสน่ห์ที่แตกต่างกัน แต่สิ่งที่เหมือนกันคือ ความสวยงามของธรรมชาติ ที่จ.ชลบุรียังมีทะเลและแหล่งท่องเที่ยวอีกมากมาย ร้านอาหารทะเลสด คาเฟ่เก๋ๆ ใครที่ชื่นชอบบรรยากาศผ่อนคลานรับลมทะเลมาที่นี่คุ้มค่าแน่นอน.