เที่ยวเมืองกาญวันเดย์ทริป ตามรอยเส้นทาง Go Travel 

กาญจนบุรี เป็นอีกจังหวัดที่น่าไปเที่ยวมากๆ หลายคนที่เลือกเดินทางไปเมืองกาญเพราะด้วยภูมิศาสตร์ของทิวเขาที่ล้อมรอบมีสายน้ำธรรมชาติไหลพาดผ่านเหมาะแก่การไปนอนพักผ่อนริมน้ำ ล่องแพ ชิวๆ แน่นอนว่าที่นี่ไม่ได้มีดีแค่ธรรมแต่ยังมีแหล่งท่องเที่ยวอีกมากมายเลย

สำหรับใครที่อยากเดินทางไปเที่ยวกาญไม่รู้ว่าจะเริ่มจากที่ไหนดี ลองใช้ตัวช่วยในการวางแพลนเที่ยว เปิดประสบการณ์เดินทางไปกับ แอปพลิเคชัน GO by Krungsri Auto โดยเข้าใช้งานบนฟีเจอร์ GO Travel ที่ทางรุงศรี ออโต้  เครือธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) ร่วมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)  พัฒนาฟีเจอร์นี้เพื่อนำเสนอข้อมูลแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวภายในประเทศไทย เปิดตัว 10 เส้นทางใหม่ในเมืองน่าเที่ยว ด้วยตัวช่วยวางแผนการเดินทางที่สามารถเลือกเส้นทางได้ตามใจชอบผ่านระบบนำทาง Google Maps ที่เชื่อมต่อ Apple CarPlay และ Google CarPlay พร้อมแสดงผลผ่านหน้าจอในรถ การจองที่พักและโรงแรมผ่านแพลตฟอร์มพันธมิตรด้านการท่องเที่ยว พร้อมนำเสนอสิทธิพิเศษที่ครอบคลุมเรื่องกิน ดื่ม เที่ยว ตลอดเส้นทาง

ออกเดินทางไปยังจุดหมายแรกจากกรุงเทพฯสู่เมืองกาญ เป็นอีกจังหวัดที่เดินทางไปง่ายๆ ใช้เวลาเพียง 3-4 ชั่วโมง  และในอนาคตก็จะมีเส้นทางมอเตอร์เวย์บางใหญ่-กาญจนบุรี ใช้เวลาเดินทางไม่ถึงชั่วโมงย่นระยะเวลาให้เร็วขึ้นอีกด้วย มาถึงจุดหมายแรกที่ร้าน Mulberry Mellow ในอ.เมืองกาญจนบุรีหากมองจากด้านหน้าก็ดูเหมือนร้านคาเฟ่ทั่วๆไป แต่พอได้เดินเข้ามาด้านในจะพบกับพื้นที่สีเขียว ราวกับหลุดเข้ามาในสวนสาธารณะเมืองนอก ต้นไม้ที่ให้ร่มเงาถูกจัดวางไว้อย่างลงตัว บนพื้นหญ้าเขียวขจีมีมุมโต๊ะให้แขกที่ได้มาเยือนจะนั่งหรือนอนเอนหลังรับลมได้ชิวๆ

ความโดดเด่นของร้าน Mulberry Mellow นอกจากบรรยากาศดีๆแล้ว ที่นี่ยังเป็นแหล่งปลูกมัลเบอร์รี่หรือลูกหม่อน  ปิลันธน์ คูหากาญจน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท มัลเบอร์รี่ เวิร์ค จำกัด และเจ้าของร้านได้เล่าว่า เดิมครอบครัวมีธุรกิจทำเหมืองแร่มีพื้นที่ประมาณ 200 ไร่ อยู่บริเวณใกล้ๆกับวัดถ้ำเขาแหลม พอเมืองขยายตัวมากขึ้นจึงได้ยกเลิกสัปทานเหมือง และหันมาเรียนรู้วิถีชีวิตของชาวบ้านที่นิยมปลูกหม่อนเลี้ยงไหม จึงได้เริ่มต้นปลูกหม่อนประมาณ 120 ไร่  ทำเป็นผลิตภัณฑ์ใบชา และปลูกแบบออแกนิกซึ่งได้ใบรับรองจากต่างประเทศ

หลังจากปลูกหม่อนได้มากกว่า 20 ปี ในระหว่างทางก็สนใจที่จะทำร้านคาเฟ่พร้อมอาหาร โดยใช้พื้นที่ด้านหน้าประมาณ 5 ไร่ ติดกับถนนที่รกร้างมาปรับสภาพพื้นที่ให้เป็นสวนสาธารณะ เพื่อให้ลูกค้าที่เข้ามาได้ผ่อนคลายสบายใจ พร้อมลิ้มรสเมนูพิเศษอย่าง มัลเบอร์รี่ปั่น หวานอมเปรี้ยวหน่อยๆ สดชื่น ยังมีเมนูเค้กมัลเบอร์รี่ และใบหม่อนทอดเป็นเครื่องเคียงน่าทาน นอกจากนี้ลูกค้ายังสามารถเข้าไปเก็บหม่อนเข้าชมสวนหม่อนได้ด้วย

มื้อกลางวันมุ่งหน้ามาที่ต้องกาญ คาเฟ่ ร้านริมน้ำแควที่มีการออกแบบตัวร้านให้ส่วนเว้าส่วนโค้ง ให้ความรู้เหมือนคลื่นน้ำ เข้ามาแล้วรู้ให้ความสบายด้วยโทนสีขาวน้ำตาล ที่นี่มีอาหารหลากหลายเมนู อย่างปลากะพงสองใจ ทอดร้อนทานคู่กับน้ำยำมะม่วงแซ่บๆ หอหมกทะเลมะพร้าวอ่อนเครื่องแน่นเนื้อเยอะ ทอดมันกุ้งชิ้นโตเนื้อเต็มคำ แกงเห็ดเผาะรสชาติถึงเครื่องแกง และอีกหลายเมนูอิ่มจนพุงกางเลยทีเดียว

หากร่างกายพุพังจากการทำงาน แนะนำเลยว่าต้องมาที่ ศรีชัยยะปุระ แหล่งท่องเที่ยวเชิงสุขภาพภูมิปัญญาไทยและสมุนไพร ซึ่งมีฐานกิจกรรมให้นักท่องเที่ยวได้ร่วมปรับสมดุลร่างกายจุดต่างๆ ตามสรรพศาสตร์ของการดูแลสุขภาพ ด้วยหลักของ ความสมดุล คือเสมอกัน หรือความพอดี คือกำลังดี โดยมีการรับรองจาก กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ประเภทนวดเพื่อสุขภาพ มั่นใจได้เลยว่าจะได้รับการบริการที่ได้มาตรฐานแน่นอน

ไปลุยกับกิจกรรมสุขภาพในฐานต่างๆ เริ่มที่ฐานปรับสมดุลร่างกาย เดินเท้าเปล่ากับหญ้า ทราย หินจากแม่น้ำแคว เดินในน้ำกดจุดสะท้อนฝ่าเท้าด้วยหินลาวากับอัญมณีนิล เป็นการบำบัดสุขภาพด้วยพลังธรรมชาติที่มีประโยชน์ กระตุ้นให้ จากนั้นมาสุมยา คือ การใช้ความร้อนชื้นจากไอน้ำเป็นตัวพาน้ำมันหอมระเหยจากยาสมุนไพรที่มีฤทธิ์ในการช่วยขยายทางเดินหายใจ เพิ่มการไหลเวียนให้การหายใจดีขึ้น และย่างยาหรือย่างเท้า เพื่อกระจายลมที่คั่งค้างบริเวณเท้า ขา เข่า ทำให้เลือดลมไหลเวียนสะดวก ด้วยการใช้น้ำมันไข่เป็ดสูตรหมอพื้นบ้านวัดคีรีวงก์(น้ำตก) นวดเพื่อให้เกิดความผ่อนคลา

มาต่อที่ฐานพอกเข่า-ตา เพื่อดูแลและบรรเทาอาการตาต้อ กระจายลมที่คั่งค้างบริเวณเข่า สูตรสมุนไพรหมอพื้นบ้านหมอพรจากวัดคีรีวงก์(น้ำตก) และจบที่ฐานนวดศรีชัยยะ ซึ่งเป็นลิขสิทธิ์เฉพาะของที่นี่ เป็นการนวดแผนโบราณด้วยการนำวัสดุและแร่ธาตุธรรมชาติของจังหวัดกาญจนบุรีมาช่วยใน ศาสตร์บำบัดและบรรเทา โดยจะเน้นในลักษณะการกด การคลึง การบีบ การดัด การดึง และการอบ ประคบ ให้ร่างกายที่อ่อนล้า ปวดเมื่อยบรรเทาลงได้ดีทีเดียว  ที่นี่มีบริการที่ครบมากกว่านี่ซึ่งหากใครสนใจต้องมาพักค้างคืนที่จะได้รับบริการด้านสุขภาพแบบครบวงจรเลย

เที่ยวในเมืองจนหนำใจ หมุดหมายวันสุดท้ายที่กาญจนบุรี เรามาบ้านหนองขาว อ.ท่าม่วง เป็นแหล่งท่องเที่ยวเรียนรู้วิถีชุมชน วัฒนธรรม ภูมิปัญญา ที่ยังคงสืบทอดมาจนถึงปัจจุบัน ชุมชนแห่งนี้ทำเรื่องการท่องเที่ยวอย่างจริงจังและทุกคนให้ความร่วมมือเพื่อให้ชุมขนเป็นแหล่งเรียนรู้และสร้างรายได้ให้กับชาวบ้าน โปรแกรมสั้นๆ จึงเกิดขึ้น เริ่มที่สักการะพระป่าเลไลยก์ สันนิษฐานว่าอาจปฏิสังขรณ์ขึ้นมาจากซากวิหารเดิม สร้างด้วยปูนปั้นแบบโบราณเป็นแกนไม้รวก ประดิษฐานอยู่ในวิหารของวัดอินทารามหรือวัดหนองขาว ยังมีโบราณสถานสำคัญคือพระปรางค์ ตั้งอยู่ด้านหลังวิหารพระป่าเลไลยก์ เป็นพระปรางค์ทรงไทย ก่ออิฐฉาบปูน จากลักษณะศิลปกรรม สันนิษฐานว่าอายุอาจจะอยู่ในช่วงสมัยอยุธยาตอนปลาย

ภายในบริเวณวัดยังมีพิพิธภัณฑ์ท้องถิ่นบ้านหนองขาว ที่ตั้งอยู่ในอาคารโรงเรียนโกวิทอินทราทรหลังเก่า ภายในจัดแสดงเรื่องราวประวัติความเป็นมาของหมู่บ้านหนองขาว ประเพณี วัฒนธรรม และเครื่องมือในการทำนา ทอผ้า ข้าวของเครื่องใช้ในอดีตต่างๆ หลังจากนั้นเพื่อให้ได้สัมผัสอากาศอย่างใกล้ชิดกับการนั่งพานหนะสุดคลาสสิก อย่าง รถอีแต๋น ที่ชาวบ้านยังคงใช้ขับไปไร่ไปนา โดยได้นำมาใช้เป็นท่องเที่ยว 6 คัน มีการตกแต่งให้เหมาะกับการนั่งท้าย รถอีแต๋นค่อยๆเคลื่อนไปอย่างช้าๆ มาถึงบ้านเพลงผ้า เพราะที่บ้านหนองขาวแห่งนี้ขึ้นชื่อว่าแหล่งผ้าขาวม้าร้อยสี เพราะในหนึ่งผืนจะมีหลายสีทั้ง แดง ส้ม เหลือง ขาว น้ำเงิน ชมพู เขียว มีลายเอกลักษณ์คือ ลายจักหรือตาจัก  เดิมจะทอด้วยหูก แต่ปัจจุบันจะใช้กี่กระตุก ที่เร็วกว่าและผลิตได้เพียงพอต่อความต้องการ ผ้าขาวม้าของที่นี่เป็นสินค้า OTOP ที่มีการพัฒนาเป็นกระเป๋า หมวก เสื้อ กางเกง หรือผ้าผืน เป็นสินค้าที่นักท่องเที่ยวชื่นชอบอย่างมาก

จากบ้านเพลงผ้า รถอีแต๋นพามุ่งหน้าจากถนนคอนกรีตสู่ทุ่งนา ผ่านจุดถ่ายทำภาพยนตร์สมเด็จพระนเรศวร ซึ่งชาวบ้านได้เล่าให้ฟังว่า พื้นที่แห่งนี้คาดว่าน่าจะเป็นสนามรบในอดีต เพราะมีการขุดเจอโบราณวัตถุพวกถ้วยชามโบราณค่อนข้างเยอะ  เพื่อชมวิถีการขึ้นตาลต้นตาลโตนด ที่ต้องใช้ความชำนาญเฉพาะบุคคลจริง เนื่องจากต้นตาลมีความสูงใหญ่ ซึ่งที่นี่มีการนำผลตาลมาทำขนมตาลรสชาติหวานกลมกล่อม น้ำตาลสด และได้ลงมือทำพวงมาลัยพาขาวม้าที่มีเหล่าผู้สูงวัยแต่ฝีมือสุดชำนาญมาสอนทำอย่างใกล้ชิด  ถ้ายังไม่จุใจจะพักสักคืนก็มีโฮมสเตย์ไว้บริการซึมซับวิถีอันเรียบง่าย และกางแขนรับมิตรภาพน่ารักๆของชาวบ้านประทับใจอย่างแน่นอน

ตอนเย็นพาร่างกายมารับบรรยากาศดีๆ ที่  Skywalk Kanchanaburi City นับเป็นหนึ่งในแลนด์มาร์กชมวิวแม่น้ำแควใหญ่และแควน้อยที่ไหลมาบรรจบกัน สำหรับสกายวอล์คมีความสูง 12 เมตรและ ยาว 150 เมตร ลิฟต์ให้บริการขึ้นไปด้านบน ตลอดแผ่นกระจกที่ทอดยาวเรามองเห็นวิวได้ 360 องศา และยังมองเห็นพระพุทธรูปสีขาวปางประทานพรองค์ใหญ่ตั้งอยู่ทางฝั่งของวัดถ้ำเขาแหลมโดดเด่นตระหง่านงดงาม

หากใครที่อยากไปเที่ยวแต่ขี้เกียจว่างแผนเดินทาง แนะนำลองเปิดใจใช้แอปพลิเคชัน GO by Krungsri Auto ในฟีเจอร์  GO Trave ดูก็สะดวกไปอีกแบบ บนฟีเจอร์นี้ไม่ได้มีแค่ที่เที่ยวในจ.กาญจนบุรีนะ ยังมีอีกหลายเมืองน่าเที่ยวให้ได้เลือกตามความชอบ  ในอนาคตฟีเจอร์นี้จะมีการพัฒนาด้านการท่องเที่ยวที่ครอบคลุมมากขึ้นด้วย เหมาะกับคนที่ชอบเดินทางโหลดไว้ในโทรศัพท์ได้เลย.