'พะเยา-เชียงราย 'ฐานผลิตข้าวหอมมะลิไทย ยกระดับแปรรูปสู่สากล

ผลิตภัณฑ์ ข้าวพองกรอบเคลือบช็อกโกแลต

“ข้าว” เป็นสินค้าเกษตรหลักในการส่งออกและบริโภคภายในประเทศ ซึ่งนอกจากผลผลิตผลที่เป็นข้าวเปลือกหรือข้าวสารแล้ว อีกปัจจัยที่จะช่วยขับเคลื่อนและสร้างมูลค่าให้กับข้าวได้ก็คือ การนำข้าวมาแปรรูป  ด้วยเหตุนี้กองพัฒนาผลิตภัณฑ์ข้าว กรมการข้าว จึงได้ลงพื้นที่แหล่งแปรรูปข้าวหลากสายพันธุ์ และผลิตภัณฑ์แปรรูปจากข้าวท้องถิ่น สู่โลคอลซอฟต์พาวเวอร์ ณ วิสาหกิจชุมชนศูนย์ส่งเสริมและผลิตพันธุ์ข้าวชุมชนตำบลจุน จ.พะเยา และศูนย์ข้าวชุมชนตำบลศรีดอนมูล จ.เชียงราย เพื่อเป็นโมเดลต่อยอดและส่งเสริมวิสาหกิจชุมชนในประเทศ

โอวาท ยิ่งลาภ

โอวาท ยิ่งลาภ ผู้อำนวยการกองพัฒนาผลิตภัณฑ์ข้าว กรมการข้าว กล่าวว่า ในประเทศไทยมีพื้นที่ปลูกข้าวทั้งหมดกว่า 60 ล้านไร่ ได้ผลผลิตจากข้าวนาปี 300 กิโลกรัมต่อไร่ต่อรอบการเก็บเกี่ยว และข้าวนาปรัง 1,300 กิโลกรัมต่อไร่ต่อรอบการเก็บเกี่ยว(เฉลี่ย 1 ปี ปลูกได้ 4 รอบ) มีเมล็ดพันธุ์ข้าวที่เกษตรกรต้องการประมาณ 15 กิโลกรัมต่อไร่ ในแต่ละปีจึงมีความต้องการเมล็ดพันธุ์หลายล้านตัน ซึ่งกรมการข้าวมีกำลังการผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวเพียงแสนล้านตัน โดยสายพันธุ์เมล็ดข้าวที่ได้รับรองมีกว่า 150 สายพันธุ์ แต่ทางกระทรวงพาณิชย์ได้จัดกลุ่มประเภทข้าวเป็น 5 กลุ่ม ข้าวขาว ข้าวพื้นนุ่ม ข้าวพื้นแข็ง ข้าวเหนียว  และข้าวหอมมะลิไทย ซึ่งข้าวหอมมะลิไทยมี 2 สายพันธุ์ ได้แก่ กข 15 และขาวดอกมะลิ 105 ส่วนข้าวกข ประเภทอื่นๆ จะอยู่ในกลุ่มข้าวอื่นๆ

โอวาท กล่าวต่อว่า โดยพื้นที่ปลูกข้าวหอมมะลิไทยมีเพียง 23 จังหวัดที่ได้การยอมรับ  แบ่งเป็นภาคอีสาน 20 จังหวัด และภาคเหนือ 3 จังหวัด ได้แก่ เชียงใหม่ เชียงราย พะเยา ในอนาคตอาจจะมีการหาแนวทางร่วมกันระหว่างกรมการข้าวและกระทรวงพาณิชย์ ในเรื่องของการขยายพันธุ์ข้าวหอมมะลิในพื้นที่ปลูกข้าวทั่วประเทศ เพื่อส่งเสริมให้พื้นที่อื่นๆ มีศักยภาพในการเป็นพื้นที่ปลูกข้าวหอมมะลิไทยที่ได้การรับรองด้วย

พื้นที่นาวิสาหกิจชุมชนศูนย์ส่งเสริมและผลิตพันธุ์ข้าวชุมชนตำบลจุน

“ดังนั้นจึงจำเป็นที่จะต้องสร้างและร่วมมือกับเกษตรกรเป็นผู้ผลิตเมล็ดพันธุ์ที่จะสามารถนำไปขยายพันธุ์ต่อได้ นอกจากการมีเมล็ดพันธุ์ข้าวที่เพียงพอต้องมีการส่งเสริม   ด้านผลิตภัณฑ์ผ่านการทำงานกับวิสาหกิจชุมชน เพราะหากเกษตรกรจำหน่ายเพียงแค่ข้าวเปลือก ตัวเกษตรกรในฐานะผู้ผลิตจะไม่สามารถประเมินราคาหรือกำหนดราคาเองได้ ผู้ที่กำหนดราคาคือผู้ที่มารับซื้อ ซึ่งแตกต่างจากผลิตภัณฑ์อื่นๆที่ผู้ผลิตจะสามารถกำหนดราคาได้ ดังนั้นส่วนสำคัญคือการเพิ่มมูลค่า อาทิการปลูกข้าวตามมาตรฐาน GAP หรืออินทรีย์ และการแปรรูปข้าว โดยต้องมีการศึกษาบริบทและศักยภาพของแต่ละพื้นที่ในการสร้างผลิตภัณฑ์แปรรูปข้าวสาร  โดยเกษตรกรในวิสาหกิจชุมชนต้องมีความเข้มแข็งมีการบริหารจัดการอย่างเป็นระบบ พร้อมกับส่งเสริมทางด้านการตลาด เพื่อสร้างรายได้เพิ่มขึ้น” โอวาท กล่าว

พื้นที่นาศูนย์ข้าวชุมชนศรีดอนมูล

ด้านสถานการณ์ข้าวในไทย โอวาท เผยว่า การส่งออกข้าวในปีนี้ตั้งเป้าข้าวสารไว้ที่ประมาณ 10 ล้านตัน ขณะนี้การส่งออกอยู่ที่ราวๆ 7 ล้านตันแล้ว ซึ่งอยู่ในแนวโน้มที่น่าพึงพอใจ และราคาข้าวสูงขึ้น ทำให้ในปีนี้เกษตรกรไม่ได้มีการร้องเรียนหรือเรียกร้องเรื่องราคาข้าว แต่หลังจากนี้อีก 2-3 เดือน ที่เป็นฤดูเก็บเกี่ยวก็จะต้องมีการติดตามตัวเลขของราคาข้าวอีกครั้ง

การแปรรูปข้าว เพื่อขับเคลื่อนศักยภาพผลิตภัณฑ์จากข้าวในพื้นที่ภาคเหนือ  โอวาท กล่าวว่า ในต.จุน จ.พะเยา มีจุดเด่น ปกติกลิ่นข้าวหอมมะลิจะหอมประมาณ 3-4 เดือน หลังจากเก็บไว้นานๆจะลดลง แต่ที่จ.พะเยา ข้าวหอมมะลิผ่านการเก็บไป 1 ปี ก็ยังมีความหอมอยู่  โดยความหอมของข้าวขึ้นอยู่กับปัจจัยของธาตุอาหารในดิน โดยเฉพาะธาตุโพแทสเซียม ที่จะช่วยบำรุงผลของข้าว จึงได้มีการนำดินที่ใช้ปลูกข้าวในวิสาหกิจชุมชนศูนย์ส่งเสริมและผลิตพันธุ์ข้าวชุมชนตำบลจุน ไปตรวจสอบพบว่ามีส่วนประกอบของธาตุโพแทสเซียม ที่มีลักษณะคล้ายกับธาตุที่เป็นส่วนประกอบบริเวณที่เป็นดินภูเขาไฟ แม้ว่าในพื้นที่จะไม่ได้มีภูมิศาสตร์ที่บ่งชี้ว่ามีภูเขาไฟ

“นอกจากนี้ในพื้นที่ยังมีการปลูกได้ 5 สาย จึงได้นำจุดเด่นตรงนี้มาสร้างเป็นเรื่องราวในการสร้างมูลค่าให้กับผลิตภัณฑ์ข้าวของต.จุน นำไปสู่การรับรองคุณภาพ GI เป็นตัวอย่างของชุมชนที่สร้างมูลค่าจากการใช้กรรมวิธีเกษตรอินทรีย์ ซึ่งสอดคล้องกับในช่วงสองปีที่ผ่านมามูลค่าสินค้าเกษตรอินทรีย์เพิ่มขึ้น 27% (มูลค่าปี 2565 อยู่ที่ 9,169.29 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2564 ที่ 7,127.63 ล้านบาท) มีการเพิ่มขึ้นของพื้นที่การทำเกษตรอินทรีย์กว่า 4% รวมถึงผู้บริโภคทั่วโลกที่หันมาให้ความสำคัญกับการบริโภคสินค้าเพื่อสุขภาพเพิ่มมากขึ้น”

ในส่วนศูนย์ข้าวชุมชนตำบลศรีดอนมูล จ.เชียงราย โอวาท กล่าวว่า นับเป็นอีกชุมชนต้นแบบที่มีแนวคิดการปลูกข้าวปลอดภัย เพื่อแก้ปัญหาการผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวให้มีคุณภาพดี ลดการใช้ปุ๋ยและสารเคมีจนได้รับมาตรฐานการรับรอง GAP และ GAP Seed จากกรมการข้าว ควบคู่กับการจัดทำระบบควบคุมภายในเพื่อควบคุมการผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวเป็นแหล่งกระจายและจำหน่ายเมล็ดพันธุ์ข้าวคุณภาพดีสู่ชาวนาในพื้นที่ด้วยพื้นที่เพื่อการผลิตเฉพาะเมล็ดพันธุ์ถึง 238 ไร่ สามารถกระจายไปถึง 5 พื้นที่ที่มีการปลูกข้าว พร้อมเป็นศูนย์ถ่ายทอดความรู้ข้อมูลข่าวสารที่สำคัญให้กับคนในพื้นที่ใกล้เคียง

นอกจากนี้เกษตรกรยังมีความมุ่งมั่นในการเป็นศูนย์การผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวแบบประณีต พร้อมทั้งการส่งเสริมการลดต้นทุนการผลิต และสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลผลิตข้าวตลอดห่วงโซ่ และการแปรรูปข้าวให้เป็นสินค้าและผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย มีการดำเนินการด้านการตลาดเข้าถึงผู้บริโภคที่ใส่ใจกับสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ ตลอดจนการเชื่อมต่อผลผลิตข้าวเพื่อยกระดับเศรษฐกิจฐานรากให้มีศักยภาพในการสร้างงาน กระจายรายได้ให้กับประชาชนในตำบล

ชัญญาณัฐ พระวิสัตย์

ชัญญาณัฐ พระวิสัตย์ ตัวแทนวิสาหกิจชุมชนศูนย์ส่งเสริมและผลิตพันธุ์ข้าวชุมชนตำบลจุน กล่าวว่า ในพื้นที่กรมการปลูกข้าวของวิสาหกิจในชุมชนฯ  ของสมาชิกรวม 1,000 คนประมาณ  200 ครัวเรือน มีพื้นที่ปลูกข้าว 1,000-2,000 ไร่ เกษตรกรจะทำการปลูกข้าวด้วยกรรมวิธีอินทรีย์ผสานกับการใช้เทคโนโลยีต่าง ๆ ที่จำเป็น โดยเป็นการทำนาปีละ 1 ครั้ง มีฤดูกาลเพาะปลูกคือเดือน พฤษภาคม – ตุลาคม และเก็บเกี่ยวในช่วงเดือนพฤศจิกายน – ธันวาคม ผลผลิตเฉลี่ยประมาณ 650 กิโลกรัม/ไร่ โดยปีที่ผ่านมามีผลผลิตรวม 50 ตัน  สามารถจำหน่ายข้าวเปลือกได้ตันละ 15,000 บาท สามารถปลูกข้าวได้5 สายพันธุ์ ประกอบด้วย ข้าวหอมมะลิ (กข15 และกข105) ข้าวกล้อง ข้าวมะลิแดง ข้าวก่ำ และข้าวไรซ์เบอรี่

“เมื่อได้เมล็ดพันธุ์ข้าวที่ดี จึงต่อยอดความต้องการของตลาด ภายใต้แบรนด์ข้าวหอมมะลิสร้อยศรี ที่เน้นการผลิตข้าวแบบอินทรีย์ เช่น ข้าวหอมมะลิบรรจุถุง   ข้าวพองกรอบเคลือบช็อกโกแลต เวย์ข้าวโปรตีนผสมธัญพืช 9 ชนิด  เป็นต้น โดยมีกรมการข้าวได้ให้การสนับสนุนและส่งเสริมองค์ความรู้สมัยใหม่ในการผลิตข้าว รวมถึงการเพิ่มมูลค่าข้าวในทางการค้าเชิงพาณิชย์ ทั้งออฟไลน์และออนไลน์ เพื่อยกระดับข้าวพื้นเมืองให้ได้คุณภาพและมาตรฐานสากล” ชัญญาณัฐ กล่าว

ธนานุวัฒน์ จันทร์ฟอง

ธนานุวัฒน์ จันทร์ฟอง ประธานศูนย์ข้าวชุมชนศรีดอนมูล กล่าวว่า ในพื้นที่ชุมชนศรีดอนมูล มีข้าวพื้นเมือง 2 สายพันธุ์ ประกอบด้วย ข้าวหอมมะลิ (กข15 และกข105)  ข้าวเหนียว (กข6  สันป่าตอง และกข-แม่โจ้ 2)ชาวบ้านในพื้นที่รวม 38 คน 45 ครัวเรือน พื้นที่ปลูกข้าวรวม 1,037 ไร่ ทำนาปีละ 2 ครั้ง ขึ้นอยู่กับปริมาณน้ำ มีฤดูกาลเพาะปลูกคือเดือน มิถุนายน – สิงหาคม และเดือน พฤศจิกายน – กุมภาพันธ์ และเก็บเกี่ยวในช่วงเดือน เมษายน และเดือน มิถุนายน ผลผลิตเฉลี่ยประมาณ 800 กิโลกรัม – 1.29 ตัน/ไร่ โดยปีที่ผ่านมามีผลผลิตรวม 250 ตัน สามารถจำหน่ายข้าวเปลือกได้ตันละ 11,000  บาท

ผลิตภัณฑ์คราฟเบียร์ 

ธนานุวัฒน์ กล่าวต่อว่า กลุ่มสินค้าข้าวที่ขายดีที่สุดและสร้างรายได้ให้กับชุมชนคือ ข้าวหอมมะลิ นอกจากนี่ด้วยเมล็ดพันธุ์ที่มีคุณภาพดี จึงได้ต่อยอดขยายพันธุ์ข้าวให้มีเมล็ดพันธุ์เพิ่มมากขึ้น เริ่มจากสมาชิกในชุมชน และให้เกษตรกรเลือกเพาะปลูก เพื่อผลผลิตที่ดี ตอบโจทย์ความต้องการของศูนย์ข้าวชุมชนในการขยายพันธุ์ข้าวให้มีเมล็ดพันธุ์เพิ่มมากขึ้น และได้แปรรูปผลิตภัณฑ์ข้าวเหนียวเขี้ยวงู เป็น คราฟต์เบียร์ ภายใต้แบรนด์สุราฮิมนา และแปรรูปเป็นเหล้าขาว ในรูปแบบโซจู ที่ทำการตกแต่งกลิ่นและรสชาติหลากหลายรส อาทิ  ลิ้นจี้ สตอเบอรี่ มะม่วง และพีช และมียังมีแนวคิดในการแปรรูปข้าวหอมมะลิ 105 เป็น ชา ที่มีความหอมของข้าวหอมมะลิ โดยแนวคิดเหล่านี้กำลังอยู่ในกระบวนการต่อยอดความสำเร็จในผลิตภัณฑ์ ให้เป็นสินค้าประจำชุมชนในการสร้างรายได้อนาคต.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

โฆษกศปช. เผยเคลียร์พื้นที่น้ำท่วมเชียงรายเสร็จเกือบ 100% แล้ว

นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการ “เสียงจากใจไทยคู่ฟ้า” ตอนหนึ่งว่า สรุปศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย วาตภัย และดินโคลนถล่ม (ศปช.ส่วนหน้า) โดย พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม

เคลียร์ชัด! 'กรมป่าไม้' ตรวจสอบแล้ว 'ไร่เชิญตะวัน' พระ ว.วชิรเมธี ไม่บุกรุกป่า

นายบรรณรักษ์ เสริมทอง รองอธิบดีกรมป่าไม้ ในฐานะโฆษกกรมป่าไม้ กล่าวว่า จากกรณีที่สาธารณชนและสื่อมวลชนให้ความสนใจและติดตามข่าวการอนุญาตใช้ประโยชน์และอยู่อาศัยในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าดอยปุย

มูลนิธิหัวใจบริสุทธิ์ จับมือ TSB และ EA ส่งมอบสีให้ตำรวจน้ำ ช่วยโรงเรียนน้ำท่วมเชียงราย

นางเธียรรัตน์ นะวะมะวัฒน์ ประธานมูลนิธิหัวใจบริสุทธิ์ เปิดเผยว่า หลังจากที่ได้ลงพื้นที่ดำเนินโครง “สังคมร่วมใจ คืนความสดใสให้วัดและโรงเรียน จ.เชียงราย” เข้าช่วยเหลือและฟื้นฟูอาคารวัดและอาคารเรียน 20 แห่ง

ดร.เอ้ ชี้เชียงรายน้ำลด ปัญหาไม่ลด วิกฤตยังคงอยู่ ชง 3 สิ่งสำคัญ ‘กู้ภัย-ฟื้นฟู’  

ดร.เอ้ ชี้เชียงรายน้ำลด ปัญหาไม่ลด วิกฤตยังคงอยู่ เชื่อมั่นคนไทยต้องไม่ทิ้งกัน แต่ถ้ายังทิ้งปัญหาไว้ น่าเห็นใจชาวบ้าน

มูลนิธิหัวใจบริสุทธิ์ จับมือ TSB และ EA ลุยฟื้นฟูวัดน้ำท่วม จ.เชียงราย

มูลนิธิหัวใจบริสุทธิ์ ร่วมกับ ไทย สมายล์ กรุ๊ป บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน)  และภาคีเครือข่าย เดินหน้าสานต่อโครงการ “สังคมร่วมใจ คืนความสดใสให้วัดและโรงเรียน จ.เชียงราย” สนับสนุนกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน เร่งฟื้นฟูวัด ชุมชนน้ำท่วม

มูลนิธิหัวใจบริสุทธิ์ จับมือ TSB และ EA ช่วยฟื้นฟูโรงเรียนน้ำท่วม จ.เชียงราย

นางเธียรรัตน์ นะวะมะวัฒน์ ประธานมูลนิธิหัวใจบริสุทธิ์ เปิดเผยว่า ได้รับการประสานจากนายอนุสร เทพปินตา ชาวเชียงราย ว่าพื้นที่จังหวัดเชียงราย