การรักษาสมดุลระหว่างสัตว์และสิ่งแวดล้อม มีความสำคัญยิ่งต่อการรักษาไว้ซึ่งโลกอันเป็นบ้านของเรา แต่สำหรับสัตว์บางสายพันธุ์ เวลาที่มีอยู่กลับลดน้อยลงทุกที เมื่อสัตว์ชนิดหนึ่งสูญพันธุ์ไป ย่อมส่งผลกระทบต่อชีวิตของเราโดยรวมด้วย
จากมุมมองดังกล่าว เป็นที่มาของการเกิดนิทรรศการ “NATIONAL GEOGRAPHIC PHOTO ARK” ณ โซนลิฟวิ่งฮอลล์ ชั้น 3 สยามพารากอน ระหว่างวัน11-29 กรกฏาคม 2567 โดยมีสถานเอกอัครราชฑูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย เป็นเจ้าภาพ นำเสนอนิทรรศการภายใต้หัวข้อ”ภารกิจพิทักษ์สัตว์ผ่านภาพถ่าย” ซึ่งตัวนิทรรศการได้นำเสนอผลงานภาพถ่ายสัตว์อันน่าทึ่งของ โจเอล ซาร์ทอรี ช่างภาพและนักสำรวจ เนชั่นแนล จีโอกราฟฟิก เจ้าของรางวัล Rolex National Geographic Explorer of the Year ประจำปี 2561
15ปีที่แล้ว ที่โครงการ National Geographic Photo Ark ได้กำเนิดขึ้นภายใต้การริเริ่มของ โจเอล ซาร์ทอรี ณ รัฐเนบราสก้า ที่เป็นบ้านเกิดของเขา จุดประสงค์ของโครงการก็คือ พยายามสร้างความตระหนักรู้และหาทางออกให้กับปัญหาเร่งด่วนที่ส่งผลกระทบต่อสัตว์ป่าและถิ่นที่อยู่อาศัยของสัตว์เหล่านั้น โดยโจเอล ได้ออกเดินทางโดยมีเป้าหมายที่จะสะสมคลังภาพสัตว์สายพันธุ์ต่าง ๆ ทั่วโลก กว่า 20,000 สายพันธุ์ ทั้งนก ปลา สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม สัตว์เลื้อยคลาน สัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ และสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลัง วัตถุประสงค์เพื่อเก็บรวบรวมภาพถ่ายของสัตว์ทุกสายพันธุ์ ทั้งที่อยู่ในสวนสัตว์ พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ และเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ตลอดจนสร้างแรงบันดาลใจให้เกิดการอนุรักษ์ผ่านการให้ข้อมูลความรู้ และช่วยอนุรักษ์สัตว์ป่าโดยสนับสนุนกิจกรรมเชิงอนุรักษ์ในพื้นที่จริง
โครงการ Photo Ark นี้จึงเป็นการบันทึกสำคัญที่บอกเล่าถึงการดำรงอยู่ของสัตว์แต่ละชนิดและเป็นข้อพิสูจน์ที่ชัดแจ้งถึงถึงสาเหตุที่มนุษย์ต้องดูแลรักษาพวกมันไว้ หรือเป็นการรังสรรค์ภาพถ่ายแห่งความหวัง
“Eye Contact หรือการสบตากับสัตว์เหล่านี้ และเพราะแววตาของสัตว์ที่มองมานี่แหละ คือสิ่งที่ให้ความรู้สึกบางอย่างแก่ผู้ชม” ซาร์ทอรีอธิบาย พร้อมกับย้ำว่า แววตาเป็นสิ่งที่ทำให้ผู้ชมรู้สึกได้ถึงความรู้สึกสงสาร เห็นใจ และอยากเข้าไปช่วยเหลือสัตว์เหล่านี้
ภาพสัตว์แต่ละชนิดที่นำแสดง ซาร์ทอรี่ ระบุว่าทุกชนิดล้วนแต่อยู่ในภาวะ”เสี่ยงสูญพันธ์” ไม่ว่าจะเป็นแมลงเคทีติดปีกยาว ที่เป็นแหล่งกำเนิดอเมริกาเหนือ หมาป่าโคโยตี้ แถบเนบราสก้า หมูป่าหน้าหูดธรรมดา ,เสือดาวแอฟฟริกา,สมเสร็จมาลายู ,สลอธคอสีน้ำตาล จากปานามา,ลิงมารีโนเซทสีเงิน จากกรุงปราก สาธารณรัฐเช็ก หรือลิงชิมแปนซี ที่แสนจะน่ารัก
สำหรับประเทศไทย ซาร์ทอรี่ ยังบอกอีกว่า ประเทศไทยถือว่าเป็นประเทศที่มีความหลากหลายทางชีวภาพสูงมาก มากกว่าหลายประเทศที่อยู่ในโซนพื้นที่เดียวกัน และการมาแสดงนิทรรศการครั้งนี้ เขาได้มีโอกาสไปเยือนสวนสัตว์ในไทยหลายแห่ง อาทิ สวนสัตว์เปิดเขาเขียว สวนนกที่ จ.ชัยนาท สวนงู เป็นต้น และมองว่าประเทศไทยเองก็มีสัตว์ที่ต้องการการอนุรักษ์ เพื่อไม่ให้สุ่มเสี่ยงสูญพันธุ์ เช่น เสือ นกเหงือก ไก่ฟ้าหัวขาว หรือพะยูน สำหรับพะยูนนั้น ซาร์ทอรี่บอกว่าการปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่เกิดขึ้น จะกระทบทำให้พะยูน 40%ต้องเสียชีวิต ภายใน 12 เดือนเพราะพะไม่มีแหล่งหญ้าทะเลเป็นอาหาร
“เรามีเวลาอีกเพียงแค่ 3ปีที่จะดูแล พะยูน ไม่ให้สูญพันธุ์ เพราะอากาศร้อนจะทำให้ปะการังตาย พะยูน0tขาดแหล่งอาหาร เป็นเรื่องที่เราต้องคิดหาทางแก้ไข” ซาร์ทอรี่กล่าว
ซาร์ทอรี่ ยังเน้นย้ำเรียกร้องให้คนทั่วไปให้ความสนใจต่อสิ่งแวดล้อม ธรรมชาติ และสัตว์ต่างๆ ซึ่งหากแหล่งที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่า ถูกรุกรานไปเรื่อยๆ จนสัตว์เหล่านี้ไม่มีที่อยู่อาศัย ก็จะทำให้มันสูญพันธุ์ไปในที่สุด
“ผมอยากให้คนรุ่นต่างๆสนใจ ใส่ใจ ชีวิตของสัตว์ เหมือนเราสนใจK-Pop อย่ามองว่ามันไม่ได้เกี่ยวข้องกับชีวิตของเรา ส่วนคนรุ่นเด็กๆ ความสนใจเรื่องสัตว์ อาจจะต้องอาศัยให้พ่อแม่ช่วยปลูกฝัง ถ้าพ่อแม่พวกเขาไม่สนใจ ก็อาจจะทำให้เด็กๆพลอยไม่สนใจปัญหานี้ไปด้วย “
ในช่วงนำเสนอนิทรรศการ ซาร์ทอรี่ ได้บรรยายการทำงานของเขาว่า ผลงานภาพถ่าย Photo Ark ไม่ว่าจะเป็นสัตว์ใหญ่หรือเล็กเพียงใด สัตว์แต่ละชนิดจะได้รับการดูแลและให้ความเคารพอย่างเท่าเทียมกัน ภาพถ่ายที่ได้จึงไม่ได้เป็นเพียงภาพความงามอันน่าทึ่งเท่านั้น แต่ยังให้มุมมองที่ใกล้ชิดและสร้างอารมณ์ความรู้สึกอย่างมาก เขาเป็นเพียงผู้ถ่ายทอดเรื่องราวให้ผู้คนทุกวัยได้รับรู้ถึงความงดงามในธรรมชาติอันหลากหลายของโลกใบนี้ และให้ผู้คนได้ลองสัมผัสกับชีวิตของสัตว์ป่าในแบบที่มันเป็นจริง ๆ ความน่ารัก และสวยงาม ของสัตว์ ที่นำเสนอ ทำให้หัวใจหลายคนต้องละลาย
ด้าน นายโรเบิร์ต เอฟ .โกเดด เอกอัครราชฑูตสหรัฐอเมริกา ประจำประเทศไทย กล่าวเปิดงานนิทรรศการ โดยเน้นย้ำถึงความสำคัญความร่วมมือระดับโลกในการปกป้องสัตว์ป่าใกล้สูญพันธุ์ ความว่า นิทรรศการครั้งนี้ นำเสนอความงามอันหาที่เปรียบมิได้ ของสัตว์ป่าในโลกของเรา ทั้งยังเป็นเครื่องเตือนใจที่ทรงพลังถึงหน้าที่ความรับผิดชอบที่เรามีร่วมกันเพื่อปกป้องโลกใบนี้ ไม่มีช่วงเวลาใด จะเร่งด่วนไปกว่าตอนนี้ ที่โลกของเรากำลังเผชิญกับการสูญพันธุ์ของสัตว์ป่าในอัตราที่เร็วกว่าครั้งใดๆในอดีต นับตั้งแต่เมื่อครั้งไดโนเสาร์สูญพันธุ์ไปจากโลกนี้
“ความร่วมมือด้านสิ่งแวดล้อมจะเป็นเสาสำคัญของความสัมพันธ์ระดับทวิภาคีของเราโดยเสมอมา และจะเป็นเช่นนี้ต่อไป และเราสองประเทศก็เป็นพันธมิตรใกล้ชิดในด้านการอนุรักษ์สัตว์ป่า โดยเป็นส่วนหนึ่งของความมุ่งมั่น ที่เรามีต่อสิ่งแวดล้อม หน่วยงานเช่น สำนักงานกิจการปลาและสัตว์ป่าของสหรัฐ( FWS)กระทรวงต่างประเทศของสหรัฐ ฯและองค์การเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศของสหรัฐอเมริกา (USAID) ร่วมมือกับภาคีชาวไทย เพื่อต่อสู้การลักลอบค้าสัตว์ป่าในประเทศเพื่อนบ้าน เราทำงานร่วมกันในหลายโครงการ ตั้งแต่โครงการลดมลพิษทางอากาศ ไปจนถึงการต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งล้วนแต่มีจุดมุ่งหมาย เพื่อสงวนรักษามรดกทางธรรมชาติไว้ให้คนรุ่นต่อๆไป”นายโรเบิร์ต เอฟ .โกเดด กล่าว
โครงการ National Geographic Photo ที่เผยแพร่ผ๋านนิทรรศการ หนังสือ รายการโทรทัศน์ นิตยสาร National Geographic และยังกิจกรรมที่จัดขึ้นทั่วโลก นอกจากนี้ ข้อมูลเกี่ยวกับ Photo Ark บนเว็บไซต์ ที่สามารถสร้างประสบการณ์การเรียนรู้แบบอินเทอร์แอคทีฟให้กับผู้เข้าใช้งาน ซึ่งสามารถดูภาพถ่ายของสัตว์ในคลังภาพ และแชร์ข้อมูลสัตว์ป่าหายากผ่านทางโซเชียลมีเดียได้ด้วย
งานนิทรรศการ National Geographic Photo ที่จัดแสดง ณ สยามพารากอน ยังมีกิจกรรมหลากหลายให้กับผู้สนใจ อาทิ วันเสาร์ที่ 13 ก.ค.เวลา 13:00-15:00 กิจกรรมเวิร์กช็อปการถ่ายภาพ สำรวจความซับซ้อนของแมลงและสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กผ่านภาพถ่ายวันจันทร์ที่ 15 ก.ค.มีการเสวนา พร้อมฉายสารคดี “มรดกอันดามัน” การพูดคุยหัวข้อพลังของการสื่อสารผ่านภาพถ่าย: การเล่าเรื่องและจุดประเด็นด้านสิ่งแวดล้อม วันที่ 16ก.ค.เวลา 12:30-13:30 ฟังการบรรยาย จากภาพถ่ายสู่สารคดีสัตว์ป่า – ความเหมือนที่แตกต่าง เปิดเผยเบื้องหลังการถ่ายทำภาพยนตร์สารคดีโดยฝีมือช่างภาพสัตว์ป่าที่ใช้ประสบการณ์กว่า 20 ปี ถ่ายทอดเรื่องราวของสัตว์ป่าที่หาชมยาก เป็นต้น
ผู้สนใจสามารถติดตามรายละเอียดโครงการเพิ่มเติมได้ที่ NatGeoPhotoArk.org. มาร่วมสร้างความเปลี่ยนแปลงไปกับเราผ่านการแชร์ สนับสนุน และอนุรักษ์ โดยบริจาคได้ที่ NatGeoPhotoArk.org .
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
กรมสมเด็จพระเทพฯ ทรงเปิดงาน'สานสายใยเพื่อผลิตภัณฑ์สายใจไทย'
29 ต.ค.2567 - เวลา 09.00 น. สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี องค์ประธานมูลนิธิสายใจไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ เสด็จฯ ไปทรงเป็นประธานเปิดงาน“สานสายใยเพื่อผลิตภัณฑ์สายใจไทย ครั้งที่ 26 ” ณ ลิฟวิ่ง ฮอลล์ ชั้น 3 สยามพารากอน
'วิน เมธวิน' ตอกย้ำความปัง! ขยายสาขาร้านขนม 'SOURI'
นาทีนี้เปิดโซเชียลคนดังก็ต้องเจอการรีวิวขนมของพระเอกหนุ่มสุดฮ็อต สำหรับ "SOURI" (ซูรี) ร้านขนมสไตล์ Contemporary Patisserie ที่มีมาการองขึ้นชื่อที่ใครๆ ก็ต้องได้ลิ้มลอง ของนักแสดงหนุ่มชื่อดัง "วิน-เมธวิน โอภาสเอี่ยมขจร" และพี่สาวผู้ก่อตั้งแบรนด์ ตั้งใจมอบความสุขและรอยยิ้มให้กับทุกคนผ่านขนม สมกับความหมายของ SOURI ที่แปลว่า "รอยยิ้ม" ในภาษาฝรั่งเศส