ไหว้พระ แช่น้ำพุร้อน สันกำแพง เชียงใหม่

เชียงใหม่ เป็นอีกจังหวัดที่มากี่ครั้งก็รู้สึกไม่เบื่อ  มีสถานที่ท่องเที่ยวใหม่ๆผุดขึ้นชวนให้ไปเช็คอินอีกด้วย จึงไม่แปลกใจเลยที่นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติมาเที่ยวเชียงใหม่กันเนือง ๆ  เพราะมีทั้ง วัด ตลาด คาเฟ่ หรือแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ได้กลิ่นอายความเป็นภาคเหนืออย่างสัมผัสได้ เป็นเสน่ห์ดึงดูด

เกือบทุกครั้งของการมาเยือนเชียงใหม่ จุดหมายแรกของทริปคือการเดินทางไปสักการะวัดพระธาตุดอยสุเทพราชวรวิหาร ตั้งอยู่ในอุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย ซึ่งวัดอยู่ห่างจากตัวเมืองเชียงใหม่เพียง 15 กิโลเมตร ระยะทางมีความคดเคี้ยวบ้างเป็นปกติของการเดินทางขึ้นเขา เมื่อมาถึงที่วัดนักท่องเที่ยวสามารถเลือกได้ว่าจะเดินขึ้นบันไดประมาณ 306 ขั้น หรือใช้บริการลิฟท์ ค่าบริการคนละ 20 บาท ก็แล้วแต่สะดวก แต่ในวันที่เราไปมีฝนตกปรอยๆ ตลอดทั้งวัน ทำให้การเดินขึ้นบันไดไม่สะดวกและอาจจะเกิดอันตรายได้ เราและเพื่อนร่วมทริปบางส่วนจึงเลือกใช้บริการลิฟท์ ซึ่งมีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติใช้บริการเยอะเลยทีเดียว

สมเด็จพระจักรพรรดิองค์สีขาว

พระธาตุดอยสุเทพ นับว่าเป็นเจดีย์องค์สำคัญคู่บ้านคู่เมืองของเชียงใหม่ เป็นที่เคารพและศรัทธาของคนในพื้นที่และนักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก พระธาตุดอยสุเทพ ตั้งเด่นตระหง่านอยู่ท่ามกลางวิหารล้อมรอบทั้ง 4 ด้าน องค์เจดีย์ เป็นแบบเชียงแสนก่ออิฐถือปูน บุด้วยทองเหลืองปิดทองคำเปลวอย่างดี ที่ยอดมีฉัตรตามแบบเจดีย์ล้านนา ดูงดงามท่ามกลางสายฝนที่กำลังริน

พระธาตุเจดีย์ดอยสุเทพ

เส้นทางระหว่างกลับจากวัดพระธาตุดอยสุเทพฯ มีอีกวัดที่ไม่ควรพลาดคือ วัดผาลาด(สกิทาคามี) เมื่อถึงยังวัดเราเหมือนได้หลุดเข้ามาอีกโลกที่เต็มไปด้วยความร่มรื่นของต้นไม้และภูเขาอันเขียวชอุ่มมีจิ้งหรีดร้องท่ามกลางความเงียบสงบ วัดแห่งนี้เป็นโบราณเก่าแก่สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยพระเจ้ากือนา เพื่อเป็นอนุสรณ์ในการเสี่ยงทายหาสถานที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุในปี 1373 หลังจากซ่อมแซมหลายครั้งก็ถูกทิ้งร้างจนถึงปี 2515 พระอาจารย์พงษ์ศักดิ์ เตชะธัมโม ได้ย้ายเข้ามา บูรณะโดยกรมศิลปากรเมื่อสี่ปีที่แล้ว แม้จะมีการบูรณะแต่วัดแห่งนี้ยังคงความเรียบง่ายและความเงียบสงบในการอยู่ร่วมกับธรรมชาติ สำหรับโบราณสถานภายในวัดที่สำคัญที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 600 ปี  คือ วิหาร ที่สร้างขึ้นในสมัยครูบาศรีวิชัย เพื่อสร้างทางขึ้นดอยสุเทพ ด้านในประดิษฐานพระอุ่นเมือง ศิลปะแบบสุโขทัย  

เจดีย์ศิลปะแบบพม่า

ด้านหลังวิหารเป็นเจดีย์ ศิลปะพม่า สร้างโดยช่างชาวพม่า ในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 มีขโมยแอบขุดเจาะเอาของมีค่าออกไป จนเป็นเหตุให้ยอดเจดีย์พังลงมา มีการบูรณะต่อเติมจนเต็มองค์ แต่ยังคงไว้ซึ่งศิลปะการก่อสร้างแบบเดิม ตัวเจดีย์เมื่อกาลเวลาผ่านไปก็มีเก่าแต่มีเสน่ห์ชวนน่าค้นหา โดยเฉพาะในช่วงหน้าฝนหรือหน้าหนาวจะมีมอสปกคลุมเกือบทั้งองค์ เดินผ่านลานฏิบัติธรรม หรือข่วงแก้ว ที่มีศาลาบาตรหรือศาลาลาย มุงหลังคาด้วยกระเบื้องดินเผาแบบโบราณ เพื่อใช้เป็นที่ตั้งบาตรใส่บาตรให้ชาวบ้านเนื่องจากวิหารเล็ก ตรงกลางเป็นลานกว้างใช้สำหรับจัดกิจกรรมธรรมะต่างๆ ขึ้นไปด้านทางด้านบนจะเป็น อุโบสถ ประดิษฐานสมเด็จพระจักรพรรดิองค์สีขาวนวล เป็นศิลปะล้านนา เชียงแสนทรงเครื่อง เหตุที่ใช้สีขาวทั้งองค์เพื่อบ่งบอกว่าได้สร้างขึ้นในยุคปัจจุบัน

หอพระพุทธรูปหน้าผา ไฮไลท์วัดผาลาด

หอพระพุทธรูปหน้าผา เป็นอีกไฮไลท์ของวัดแห่งนี้ ซึ่งมีความงดงามทางสถาปัตยกรรมที่มีลักษณะเป็นทรงสี่เหลี่ยมตกแต่งด้วยลายปูนปั้น มีกลิ่นอายของศิลปะแบบมอญผสมผสานกับศิลปะอังกฤษ ด้านในเป็นที่รวบรวมพระพุทธปางมารวิชัยรูปโบราณแบบเชียงแสนและพม่า

มื้อเที่ยงมาฝากท้องที่ร้านเก๊าไม้ล้านนา ซึ่งอดีตเป็นโรงบ่มยาสูบเก่า บริเวณโดยรอบมีทั้งร้านอาหาร  รีสอร์ทและคาเฟ่ รวมพื้นที่กว่า 43 ไร่  ที่นี่โอบล้อมไปด้วยธรรมชาติและประวัติศาสตร์ของโรงบ่มยาสูบ  สถานที่ได้รับการรีโนเวทเป็นโครงการเก๊าไม้ล้านรีสอร์ท และโครงการ เก๊าไม้เอสเตท 1955 ที่จะมีร้านอาหารและคาเฟ่ ซึ่งเป็นโครงการเน้นการฟื้นฟูและอนุรักษ์พื้นที่ธรรมชาติ และการอนุรักษ์อาคารในพื้นที่ การฟื้นฟูสภาพธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยโรงบ่มบางส่วนได้แบ่งสัดส่วนสร้างเป็นรีสอร์ทจำนวน 16 อาคาร 34 ห้อง  คาเฟ่ 1 อาคาร  ร้านชา 1 อาคาร และร้านอาหาร 1 อาคาร ซึ่งมีส่วนที่เป็นอาคารอนุรักษ์โรงบ่อยาสูบแบบดั้งเดิมไว้  อีกทั้งถนนในเก๊าไม้ล้านนา ยังได้การยอมรับในด้านการอนุรักษ์วัฒนธรรมและสิ่งแวดล้อม UNESCO Asia-Pacific Award for Cultural Heritage Conservation ในปี 2018 สำหรับอาหารที่นี่จะมีทั้งพื้นเมืองและฟิวชั่น อย่างเมนูที่ได้ลิ้มรส คือ หมึกมะแขว่น แกงฮังเลขาหมูตุ๋น ซึ่งเป็นไฮไลท์ของทางร้านเลย

ถนนในเก๊าไม้ล้านนา ได้รางวัลด้านการอนุรักษ์วัฒนธรรมและสิ่งแวดล้อมปี 2018  จากยูเนสโก้

ช่วงเย็นๆ มาเดินเล่นถ่ายรูปกับจุดเช็คอินยอดฮิตที่ ประตูท่าแพ ซึ่งจะเห็นเหล่านักท่องเที่ยว โดยเฉพาะชาวจีนที่นิยมมาถ่ายรูปคู่กับประตูท่าแพพร้อมกับฝูงนกพิราบจำนวนมาก  เป็น1 ใน 5 ประตูเมืองชั้นในของเวียงเชียงใหม่ ทางทิศตะวันออก ปัจจุบันเป็นประตูเมืองเพียงแห่งเดียวที่มีบานประตู และในช่วงนี้ได้มีมาตรการคุมเข้มกลุ่มผู้ค้าอาหารนกพิราบ บนลานอเนกประสงค์ช่วงประตูท่าแพ อ.เมืองเชียงใหม่ เพื่อความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว

จริงใจ มาร์เก็ต
งานฝีมือเพ้นท์ลายจานขาม

ลุยต่อวันที่ 2 กับเช้านี้ที่จริงใจ มาร์เก็ต เป็นตลาดรวมสินค้าแฮนด์เมดที่ใหญ่ที่สุดในเชียงใหม่ และเป็นตลาดเกษตรอินทรีย์แห่งแรกของกลุ่มเซ็นทรัล ตั้งอยู่ภายในโครงการจริงใจมาร์เก็ตเชียงใหม่ มาถึงปุ๊ปก็ตกหลุมรักตลาดแห่งนี้เข้าแล้ว เพราะที่นี่มีสินแฮนด์เมดให้เลือกมากมายเลย ทั้งเสื้อผ้า กระเป๋า เครื่องประดับ รองเท้า ของตกแต่งต่างๆ เรียกได้ว่ามีแทบทุกอย่าง และมีหลายโซนให้เลือกเดิน โซนตรงกลางใต้ร่มไม้ใหญ่จะมีลานเวทีเล็กๆ สำหรับเล่นดนตรีสด และสนามเด็กเล่นให้กับเหล่าเด็กๆ ส่วนใครอยากช้อปซื้อพัดผลไม้ก็มีโซนตลาดสด หรือจะนั่งชิวก็มีคาเฟ่และร้านอาหารให้เลือกได้ตามสะดวกเลย โครงการจริงใจมาร์เก็ต เปิดให้บริการทุกวัน วันจันทร์-ศุกร์ เวลา 08.30 – 21.00 น. วันเสาร์และอาทิตย์ เวลา 06.30 – 22.00 น.

นักท่องเที่ยวต้มไข่จากน้ำพุร้อน

มาผ่อนคลายร่างกายที่ น้ำพุร้อนสันกำแพง ในอ.แม่ออน ตั้งอยู่ท่ามกลางบ่อน้ำพุร้อนถึง 20 บ่อ แต่เปิดเพื่อการท่องเที่ยวเพียง 3 บ่อ สำหรับจุดเด่นของที่นี้คือน้ำพุร้อนที่พุงสูง 10-15 เมตร ด้วยแรงดันความร้อนอุณหภูมิสูงถึง 100-108 องศาตลอดทั้งปี และเป็นน้ำแร่เป็นสายเชื่อมไปยังอุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อน อ.เมืองปาน จ.ลำปาง  ซึ่งจุดที่นั่งท่องเที่ยวสามารถลงไปแช่เท้าได้จะมีอุณหภูมิอยู่ราวๆ 40 องศา ส่วนบ่อต้มไข่มีความร้อนประมาณ 100 องศา และยังมีห้องแช่น้ำแร่ นวดแผนไทยต่างๆ คาดว่าในปี 2568-2569 ที่นี่มีแผนที่พัฒนาปรับเปลี่ยนพื้นที่ยกระดับในเชิงสุขภาพและมีความทันสมัยมากยิ่งขึ้น แต่ยังคงยึดการมีส่วนร่วมของชุมชนเป็นหลัก .

น้ำพุร้อนพุ่งสูง 10-15เมตร
แช่น้ำสบายๆ ผ่อนคลาย

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง