มูลนิธิเพาะพันธุ์ปัญญา ด้วยการสนับสนุนของธนาคารกสิกรไทย สานต่อโครงการเพาะพันธุ์ปัญญาแคมป์ รุ่นปี 2567 ภายใต้แนวคิด ‘อัพเวลสกิลธุรกิจ เสริมทักษะชีวิต ติดปีกผู้ประกอบการ’ สร้างเสริมประสบการณ์ด้านธุรกิจให้แก่เยาวชนระดับมัธยมศึกษาของจังหวัดน่าน จำนวน 50 คน จาก 13 โรงเรียน ตลอดระยะเวลา 79 วัน ผ่านกระบวนการเรียนรู้ในการดำเนินธุรกิจที่ออกแบบตามแนวคิดเพาะพันธุ์ปัญญา เพื่อสร้างองค์ความรู้และประสบการณ์จากการลงมือปฏิบัติด้วยตนเองตามกระบวนการโครงงานฐานวิจัย แคมป์เพาะพันธุ์ปัญญาถือเป็นการเรียนรู้นอกหลักสูตรที่จัดทำในช่วงปิดเทอม ทักษะและประสบการณ์นอกห้องเรียนที่ได้นี้ จะเสริมประโยชน์ต่อการเรียนรู้ของเยาวชน พัฒนาทักษะในการทำงานร่วมกับผู้อื่น และความสามารถในการประยุกต์ความรู้ใหม่ใช้กับสถานการณ์จริงที่ตนเผชิญ
ดร.อดิศวร์ หลายชูไทย กรรมการผู้จัดการ มูลนิธิเพาะพันธุ์ปัญญา เปิดเผยว่า มูลนิธิเพาะพันธุ์ปัญญาก่อตั้งขึ้นเพื่อสานต่อแนวคิดเพาะพันธุ์ปัญญา ที่มุ่งส่งเสริมให้เกิดการเรียนรู้ตามหลักผลเกิดจากเหตุ เพื่อให้เยาวชนสามารถคิดวิเคราะห์แนวทางในการแก้ปัญหา ต่อยอดโอกาสในการพัฒนาตนเอง และสร้างโอกาสในการเรียนรู้ตลอดชีวิต อันนำไปสู่การใช้ชีวิตอย่างยั่งยืนในอนาคต
โครงการ จึงได้จัดทำโครงการเพาะพันธุ์ปัญญาแคมป์ขึ้นในช่วงปิดภาคการศึกษา ภายใต้แนวคิด ‘อัพเวลสกิลธุรกิจ เสริมทักษะชีวิต ติดปีกผู้ประกอบการ’ เพื่อให้เยาวชนสามารถเข้าถึงความรู้ใหม่ พัฒนาทักษะใหม่ๆ และเก็บเกี่ยวประสบการณ์ ที่เป็นประโยชน์ต่อการดำรงชีพ แคมป์นี้จะมีทั้งแคมป์การทำธุรกิจเชิงปฏิบัติการและการเรียนออนไลน์ รวมถึง เรียนรู้จากวิทยากรมืออาชีพในหลากหลายแขนง
การเข้าแคมป์เพาะพันธุ์ปัญญารุ่นปี 2567 มีเยาวชนระดับมัธยมศึกษาของจังหวัดน่านเข้าร่วมโครงการ จำนวน 50 คน จาก 13 โรงเรียน เข้าร่วมแคมป์ในช่วง เดือนก.พ.-มิผงยฟง รวม 79 วัน ซึ่งเยาวชนได้เรียนรู้การทำธุรกิจและลงมือปฏิบัติจริงผ่านแคมป์ต่างๆ ประกอบด้วย
“แคมป์เพาะกล้า” เป็นการฝึกฝนทักษะเบื้องต้นในการเป็นผู้ประกอบการ ซึ่งมีกิจกรรมพานักเรียนเยียมชมสถานประกอบการในจังหวัดน่าน เพื่อเตรียมความพร้อมก่อนเข้าสู่แคมป์หลักอีก 3 แคมป์ ได้แก่ 1.แคมป์กล้าเรียน เป็นการปูพื้นฐานในการสร้างสรรค์ไอเดียธุรกิจการประเมินความเป็นไปได้ และเรียนรู้สิ่งที่จำเป็นในการทำธุรกิจ เพื่อสร้างผลิตภัณฑ์และนำไปทดลองตลาด (Minimum Viable Product: MVP) 2.แคมป์ กล้าลุย เรียนรู้การบุกตลาด ลงมือขาย พบลูกค้าตัวจริง เรียนรู้จุดเด่น จุดด้อย เพื่อพัฒนาต่อยอดผลิตภัณฑ์และบริการ3.แคมป์กล้าก้าวเป็นการรายงานและนำเสนอผลประกอบการจากการทำธุรกิจจริงในระยะเวลา 2 เดือนต่อคณะกรรมการ ซึ่งเป็นผู้ทรงคุณวุฒิและนักธุรกิจตัวจริง รวมถึงผู้ถือหุ้นที่เป็นเจ้าของทุนที่ใช้ในการทำธุรกิจ นับเป็นโอกาสได้เปิดโลกทัศน์เรียนรู้ประสบการณ์จากบุคคลต้นแบบที่ประสบความสำเร็จด้านธุรกิจและผู้นำความคิดด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืนระดับประเทศตลอดช่วงเวลาของการเข้าแคมป์อีก
ผลสรุปการเข้าแคมป์ 79 วัน พบว่าเยาวชนจาก 13 โรงเรียน ทั้ง 10 ทีม มีพัฒนาการความก้าวหน้า เกิดการพัฒนาความคิดอย่างเป็นระบบมีการวิเคราะห์ ใช้ตรรกะ และเกิดการเรียนรู้ด้วยตนเอง โดยใช้กระบวนการเพาะพันธุ์ปัญญา หรือการทำโครงงานฐานวิจัยเป็นกลไกในการสร้างกระบวนการเรียนรู้ โดยเยาวชนได้ทดลองการเป็นผู้ประกอบการ และลงมือทำธุรกิจจริงด้วยตนเอง
ทั้งนี้ โรงเรียนที่มีผลการประเมินพัฒนาการโดดเด่น 3 อันดับแรก ได้แก่ 1. ทีมโรงเรียนเมืองยมวิทยาคารและโรงเรียนหนองบัวพิทยาคม 2. ทีมโรงเรียนนาหมื่นพิทยาคม และ 3. ทีมโรงเรียนแม่จริม โดยมีทีมโรงเรียนสาธุกิจประชาสรรค์ รัชมังคลาภิเษกและโรงเรียนสารทิศพิทยาคมที่ได้รับการประเมินว่าเป็นทีมที่สามารถปรับตัว แก้ปัญหา และเดินหน้าโครงการได้อย่างต่อเนื่องแม้จะเจออุปสรรคอย่างมาก
” จุดมุ่งหมายของมูลนิธิเพาะพันธุ์ปัญญา ไม่ใช่การสร้างนักธุรกิจที่เก่งที่สุดหรือหาทีมที่ขายสินค้าได้มากที่สุด แต่เป็นการให้โอกาสในการเรียนรู้ที่จะเป็นผู้ประกอบการครั้งแรกในชีวิตให้กับเยาวชนเพื่อนำไปประยุกต์ใช้ต่อไปในอนาคต และสามารถใช้ชีวิตได้อย่างสมดุล ตลอดจนการเป็นพลเมืองที่มีคุณภาพ ที่จะเป็นผู้นำในการสร้างการเปลี่ยนแปลง และสามารถเผยแพร่แบ่งปันความรู้ใหม่ ทักษะใหม่ และประสบการณ์ เพื่อทำคุณประโยชน์ให้กับบ้านเกิด ชุมชน สังคม และประเทศชาติได้อย่างยั่งยืน “ดร.อดิศวร์กล่าว
มาฟังเสียงสะท้อนจากเยาวชนในโครงการเพาะพันธุ์ปัญญาแคมป์ รุ่นปี 2567 นางสาวพิมพ์พิศุทธิ์ ปานหยวก หรือ เรโอ ตัวแทนจากทีมอำเภอท่าวังผา แบรนด์ “สปาไกตี้” (สปาเก็ตตี้เส้นไก และซอสน้ำพริกอ่อง) เล่าว่า การได้มีโอกาสเข้าร่วมโครงการเพาะพันธุ์ปัญญาแคมป์ในครั้งนี้ นอกจากได้เรียนรู้กระบวนการทำธุรกิจว่ามีขั้นตอนอย่างไรแล้ว ตนยังได้รู้จักวิธีการหากลุ่มลูกค้า ได้ฝึกฝนการนำเสนอไอเดียให้กับคณะกรรมการ เหล่านี้ล้วนเป็นประสบการณ์แปลกใหม่ที่ทำให้ตนเองและเพื่อนในทีมเปลี่ยนมุมมองเกี่ยวกับการทำธุรกิจไปเลย จากเดิมที่คิดว่าแค่ซื้อมาขายไปขอแค่มีกำไรก็พอ ไม่สนว่าจะขายที่ไหน ขายให้ใคร
“พอได้ลงมือปฏิบัติจริงทำให้หนู รู้ว่าการทำธุรกิจหนึ่งให้เติบโตได้ไม่ใช่เรื่องง่าย เราต้องจริงจังทุกขั้นตอนโดยเฉพาะเรื่องเงินและการขาย หนูไม่คิดว่าต้องมาทำอะไรแบบนี้ พอได้มาทำมาเข้าแคมป์ ถึงได้รู้ว่ากว่าจะมีคนเข้าใจสินค้าของเรา กว่าที่คนจะยอมจ่ายเงินซื้อสินค้าของเราต้องวางแผนให้รัดกุมและใช้เวลา”
นายวีรภัทร เขียวสุวรรณ หรือ วี ตัวแทนจากทีมอำเภอเวียงสา แบรนด์ “ผึ้งปิ๊กน่าน” (ขนมไวท์ช็อคโกแลตสอดไส้น้ำผึ้งเวียงสาแท้ 100% ในรูปแบบกล่องของฝากจากเมืองน่าน) บอกว่า ตนเองและเพื่อนในทีมจากเดิมเป็นคนขี้อาย ไม่กล้าพูด ไม่กล้าแสดงความคิดเห็น พอได้เข้าร่วมแคมป์เพาะพันธุ์ปัญญา ได้รู้จักเพื่อนจากโรงเรียนอื่นๆ ได้เจอพี่ๆ จากมูลนิธิฯ และคณะอาจารย์ที่คอยสนับสนุน หลังจบแคมป์รู้สึกเหมือนเป็นคนใหม่ ทุกคนเติบโตและมีความกล้ามากขึ้น ไม่ว่าจะกล้าคิด กล้าทำ กล้าตัดสินใจ นอกจากนี้ มุมมองในการทำธุรกิจก็เปลี่ยนไปหลังจากได้ลงมือปฏิบัติจริง ก็เห็นว่ามีหลายขั้นตอนที่ต้องละเอียดอย่างมาก และต้องมีการวางแผนที่ชัดเจนด้วย ไม่อย่างนั้นธุรกิจเราก็จะเดินหน้าต่อไปไม่ได้
นายภูผา ดีอุ่น หรือ ภูผา ตัวแทนจากทีมอำเภอนาหมื่น แบรนด์ “Sill Feed” (ผลิตภัณฑ์ผงโรยอาหารสุนัขและแมว) บอกเล่าความรู้สึกว่า หลังจากที่ได้เข้าร่วมโครงการเพาะพันธุ์ปัญญาแคมป์ ทำให้ได้ความรู้เกี่ยวกับการทำธุรกิจเยอะมาก อาทิ การคิดค้นผลิตภัณฑ์ การหาตลาด ซึ่งสิ่งเหล่านี้ตนคิดว่าจะสามารถนำไปต่อยอดหรือใช้ความรู้เหล่านี้ในอนาคตได้อย่างแน่นอน เผื่อในอนาคตอยากมีธุรกิจเป็นของตนเอง
ด้าน นางสาวณัฏฐธิดา ต๊ะเสน หรือ พลอย หนึ่งในทีมอำเภอนาหมื่น เสริมว่า ตนเชื่อว่าองค์ความรู้ ประสบการณ์ที่ได้จากโครงการเพาะพันธุ์ปัญญาแคมป์ในครั้งนี้จะถูกนำไปปรับใช้ในอนาคตอย่างแน่นอน อย่างน้อยมันจะเป็นพื้นฐานว่าการจะมีธุรกิจเป็นของตนเองได้จะเริ่มต้นอย่างไร ต้องมีอะไร และดำเนินการวางแผนอย่างไรถึงจะประสบผลสำเร็จ
“ค่ายเพาะพันธุ์ปัญญาทำให้ทุกคนรู้จักการทำงานเป็นทีม มีความรับผิดชอบ ไม่ทิ้งงาน ไม่ละเลยหน้าที่ของแต่ละคนที่ได้รับมอบหมาย ทุกคนจะรู้ว่าหน้าที่ของตนเองคืออะไรและทำมันให้เต็มที่ ถ้าเราอยู่ในวัยที่สูงขึ้นหรือว่าอยู่ในวัยทำงาน สิ่งเหล่านี้ที่ได้เรียนรู้มาจะทำให้ทุกคนสามารถปรับตัวได้ง่าย เพื่อทำให้งานออกมามีประสิทธิภาพมากที่สุด ที่สำคัญเราทุกคนรู้คุณค่าของเงิน ได้เรียนรู้ว่าเงินนั้นหายากค่ะ”
นางสาวงามเนตรรวี แสงคำ หรือ ยู ตัวแทนจากทีมอำเภอแม่จริม แบรนด์ “InsTAN” (ผลิตภัณฑ์ข้าวแต๋นไบท์) เล่าประสบการณ์และความประทับใจต่อการเข้าร่วมโครงการนี้ว่า ตลอด 79 วันที่ผ่านมา พวกเราทุกคนเติบโตขึ้นเยอะมากมีหลายสิ่งหลายอย่างเปลี่ยนแปลงไป ไม่ว่าจะเป็น เรื่องการรู้คุณค่าของเงิน ได้เรียนรู้ว่าเงินนั้นหามายาก นอกจากนี้ สิ่งที่ได้เรียนรู้นอกจากการทำธุรกิจอีกอย่าง คือ ได้ลองนำเสนองานให้กับฝ่ายบริหาร ขายงานต่อหน้าผู้ถือหุ้น ซึ่งถือเป็นสิ่งใหม่ที่ทุกคนไม่เคยได้ทำในห้องเรียน
สำหรับเยาวชนทั้ง 13 โรงเรียน รวม 10 ทีม สามารถนำสิ่งที่มีอยู่ในท้องถิ่นมาพัฒนาเป็นสินค้าที่มีเอกลักษณ์ สร้างแบรนด์ และเพิ่มมูลค่า จนได้ผลิตภัณฑ์ที่น่าสนใจ 10 รายการสินค้า ได้แก่
ทีมอำเภอเมือง โรงเรียนน่านคริสเตียนศึกษาและโรงเรียนสตรีศรีน่าน (แบรนด์ N-Plant) นมเม็ดมะม่วงหิมพานต์ นมทางเลือกสำหรับคนที่ต้องการทางเลือก
ทีมอำเภอท่าวังผา โรงเรียนเมืองยมวิทยาคารและโรงเรียนหนองบัวพิทยาคม (แบรนด์ สปาไกตี้) สปาเก็ตตี้เส้นไก และซอสน้ำพริกอ่อง รสชาติความอร่อยแบบน่าน ที่มาพร้อมสุขภาพที่ดี
ทีมอำเภอเวียงสา โรงเรียนสาธุกิจประชาสรรค์ รัชมังคลาภิเษกและโรงเรียนสารทิศพิทยาคม (แบรนด์ ผึ้งปิ๊กน่าน) ขนมไวท์ช็อคโกแลตสอดไส้น้ำผึ้งเวียงสาแท้ 100% ในรูปแบบกล่องของฝากจากเมืองน่าน
ทีมอำเภอบ่อเกลือ โรงเรียนบ่อเกลือ (แบรนด์ สานสไตล์) ผลิตภัณฑ์เสริมโชคชะตา และการ์ดโฮลเดอร์ สไตล์โมเดิร์นจากหญ้าสามเหลี่ยม
ทีมอำเภอภูเพียง โรงเรียนศรีนครน่าน (แบรนด์ Fresh Herb น่านเจ้า) Aroma Scent จากดอกไม้เมืองน่าน สร้างบรรยากาศกลิ่นหอมให้น่าจดจำ
ทีมอำเภอสองแคว โรงเรียนไตรเขตประชาสามัคคี รัชมัคลาภิเษก (แบรนด์ คราฟท์อุไรซ์) คราฟท์โซดา กลิ่นเหล้าอุ แอลกอฮอลล์ 0%
ทีมอำเภอนาน้อย โรงรียนนาน้อย (แบรนด์ แทมแทม) มะขามหวานเข้มข้นในหลอดบีบเพิ่มรสชาติให้ถูกใจ
ทีมอำเภอนาหมื่น โรงเรียนนาหมื่นพิทยาคม (แบรนด์ Sill Feed) ผลิตภัณฑ์ผงโรยอาหารสุนัขและแมว ทำทุกมื้อให้อร่อยและสำคัญสำหรับสุนัขและแมวของคุณ
ทีมอำเภอปัว โรงเรียนมัธยมป่ากลาง (แบรนด์ ข.แขว่น) หมูหยองมะแขว่น โรยข้าวก็ฟิน กินจากซองก็อร่อย
ทีมอำเภอแม่จริม โรงเรียนแม่จริม (แบรนด์ InsTAN) ข้าวแต๋นไบท์ กินง่ายขนาดพอดีคำ อร่อยเกินต้าน ยกระดับขนมและของฝากให้โดนใจ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'เศรษฐา' เยี่ยมให้กำลังใจผู้บำบัดยาเสพติด จ.น่าน
'เศรษฐา' เยี่ยมผู้บำบัดยาเสพติด จ.น่าน ให้กำลังใจสู้ บอกอาจลำบากหน่อย แต่ดีกว่าติดยา
สนใจไหม 'กสิกร' เอาใจสายมู เปิดตัวบัตรเดบิตและบัญชีเงินฝากลายองค์เทพ
ธนาคารกสิกรไทยเปิดตัวบัตรเดบิตใหม่ลายองค์เทพ เอาใจสายมู ให้เหมือนมีองค์เทพคอยอวยพรให้ชีวิตดีรอบด้าน ทั้งการงาน การเงิน และความรัก พร้อมรับธีม K PLUS ลายองค์เทพเพิ่ม เมื่อเปิดบัญชีเงินฝากออมทรัพย์อิเล็กทรอนิกส์ K-eSavings