นมแพลนท์เบสต์'เติบโต 5เท่าในช่วง7ปี ตอกย้ำการเป็น'อาหารอนาคตเพื่อสุขภาพ'

ตั้งแต่เกิดวิกฤติโควิด19 จนกระทั่งสถานการณ์คลี่คลายผู้คนเรียนรู้ที่จะอยู่กับมันให้ได้ โดยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมด้านสุขภาพไม่ว่าจะเป็นการออกกำลัง การกินอาหารเพื่อสุขภาพ โดยการใส่ใจในเรื่องของการ “กิน” เพราะปัจจุบันอาหารและเครื่องดื่มมีให้เราหลากหลาย แต่ในอุตสาหกรรมอาหาร ต้องยอมเลยว่าหนึ่งในกลุ่มอาหารที่มีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง คือ แพลนต์เบสด์ ซึ่งเป็นเมกะเทรนด์อาหารแห่งอนาคต (Future Food) ทั่วโลกมีแนวโน้มบริโภคแพลนต์เบสด์เพิ่มขึ้น เนื่องจากหลายคนหันมาให้ความสนใจกับการเลือกรับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ ทำให้บริษัทผู้ผลิตอาหารและเครื่องดื่มหลายแห่งเข้าสู่ตลาดแพลนต์เบสด์กันอย่างคึกคัก

หลายคนคงทราบกันดีว่าอาหารแพลนต์เบสด์จะใช้ส่วนประกอบจากพืช 100% ไม่ว่าจะเป็นผัก ผลไม้ ธัญพืช เห็ด  และถั่วชนิดต่างๆ ถูกนำมาแปรรูปหรือพัฒนาให้รสชาติและรสสัมผัสใกล้เคียงกับเนื้อสัตว์ซึ่งให้โปรตีนสูง พลังงานต่ำเมื่อเทียบเนื้อสัตว์ทั่วไป เป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับคนที่ต้องการลดการทานเนื้อสัตว์ เป็นการดูแลสุขภาพในระยะยาว

หากเดินไปในห้างสรรพสินค้าหรือร้านสะดวกซื้อ แน่นอนว่าเราจะเห็นผลิตภัณฑ์ที่เป็นแพลนต์เบสด์ ไม่เพียงแค่อาหารหลักที่ถูกแปรรูปเป็นแพลนต์เบสด์ แต่ยังมีนมและขนมที่ทำขึ้นจากผัก ธัญพืช หรือถั่วต่างๆ อีกด้วย อย่าง นมแพลนต์เบสด์ ที่มีวัตถุดิบจากถั่วต่างๆ  สายรักสุขภาพต้องเลิฟเวอร์สุดๆ เพราะไม่มีไขมันทรานส์ แคลอรี่ต่ำ และส่วนใหญ่ไม่ใส่น้ำตาล ซึ่งรสชาติก็ทำให้เข้าถึงและทานง่าย แม้คนที่ชอบทานขนมกรุบกรอบ เดี๋ยวนี้ก็มีแบบแพลนต์แบสด์เป็นตัวเลือกเหมาะกับทุกเพศทุกวัยที่สามารถกินได้เพื่อสุขภาพอีกด้วย

สอดคล้องกับทางสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ระบุว่า ปัจจุบันอุตสาหกรรมอาหารเพื่อสุขภาพมีอัตราการเติบโตขึ้น 5-10% โตมากกว่าอาหารทั่วไปที่มีอัตราการเติบโตอยู่ที่ 5-6% และอาหารเพื่อสุขภาพ นับว่าเป็นพระเอกที่กำลังมีความต้องการในขณะนี้ โดยในงาน THAIFEX – ANUGA ASIA 2024 ที่มีการจัดแสดงสินค้าอาหารและเครื่องดื่มที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ตั้งแต่วันนี้- 2 มิถุนายน 2567 ที่ผ่านมา จะเห็นว่าหลายบูธที่ไม่ว่าจะเป็นการจัดแสดงสินค้าจากผู้ประกอบการในประเทศไทยและต่างประเทศ จะมีการจัดแสดงผลิตแพลนต์เบสด์อยู่เป็นจำนวนมาก สะท้อนให้เห็นถึงทิศทางในกลุ่มธุรกิจนี้ที่มีความต้องการในตลาดสูง เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคในปัจจุบัน

หนึ่งในบูธที่น่าสนใจและมีการขับเคลื่อนอาหารและเครื่องดื่มสุขภาพมาโดยตลอด คือ  เครือเฮอริเทจ ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ ได้พัฒนาตลาดอาหารเพื่อสุขภาพเพื่อตอบรับกับกระแสความต้องการของผู้บริโภค ให้ความสำคัญตั้งแต่คุณภาพของแหล่งปลูกวัตถุดิบ ผ่านกระบวนการผลิตและบรรจุที่ทันสมัย สร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ ซึ่งปีนี้มาในคอนเซ็ปต์ “Beyond Food Experience”  นำเสนอประสบการณ์ที่มากกว่าเพียงรสชาติ สอดคล้องกับผลิตภัณฑ์ในเครือที่ได้รับการยอมรับในมาตรฐานการผลิตระดับโลก ที่ไม่เพียงแต่มีรสชาติดี แต่ยังสร้างสุขภาพที่เป็นเลิศให้แก่ผู้บริโภคทุกวัย

วศธร พลไพศาล ผู้บริหารเครือเฮอริเทจ กล่าวว่า ตลอดระยะเวลาในการผลิตอาหารและเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ ได้มีการทำวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อสร้างนวัตกรรมทางอาหารที่มีความหลากหลายและอุดมไปด้วยคุณค่าทางโภชนาการ ผ่านการนำเทคโนโลยีการผลิตที่ทันสมัย ได้รับการรับรองมาตรฐานระดับสากล เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคทุกกลุ่มและทุกไลฟ์สไตล์ อย่างผลิตภัณฑ์ที่ได้นำมาจัดแสดงในงานนี้ได้มีการนำนมอัลมอนด์ มาทำเป็นไอศกรีม plant-based soft serve เพิ่มความน่าสนใจให้กับตลาดผู้บริโภคนมทางเลือก เพื่อแสดงให้ผู้ประกอบการเห็นว่า ผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ในเครือเฮอริเทจ สามารถนำไปต่อยอดเป็นผลิตภัณฑ์ที่อร่อย ดีต่อสุขภาพ น่าสนใจได้หลากหลาย ขยายกลุ่มเป้าหมาย และสร้างโอกาสทางธุรกิจด้านอาหารเเละเครื่องดื่มสุขภาพได้

วลัยทิพย์ ซื่อตรงมั่นคง ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารองค์กร เครือเฮอริเทจ กล่าวว่า ปัจจุบันเทรนด์การรักสุขภาพมีกระแสที่ดีมากขึ้น ในฐานะที่เป็นผู้ผลิตอาหารและเครื่องดื่มสุขภาพ จึงได้มีการศึกษาพัฒนาสินค้าใหม่อยู่เสมอ อย่างในงานครั้งนี้ก็มีไดมอนด์ อัลมอนด์ บรีซ โยเกิร์ตพร้อมดื่มทำจากนมอัลมอนด์ แบรนด์แรกของไทย เป็นผลิตภัณฑ์ที่เป็นไฮไลท์ ที่ได้เปิดตัวไปช่วง Q4 ของปี 2023 ที่มีวิตามินอีและแคลเซียมสูง นำมาผสมผสานกับน้ำผลไม้แท้ ที่ให้ทั้งวิตามินและความสดชื่น มี  2 รสชาติ ได้แก่ รสทรอปิคอล ฟรุต และ รสมิกซ์เบอร์รี่เป็นการขยายทางเลือกให้กับผู้บริโภคที่หลีกเลี่ยงนมวัวด้วยสาเหตุต่าง ๆ เช่น มีภาวะย่อยแลคโตสผิดปกติ แพ้โปรตีนในนมวัว เป็นต้น ปีนี้ยังได้ เพิ่มผลิตภัณฑ์ผลไม้อบแห้ง 2 ชนิด คือ มะม่วงและแครนเบอร์รี่ เข้ามาเป็นส่วนประกอบ สร้าง texture การทานป๊อปคอร์นแบบใหม่ ๆ ซึ่งก็ได้รับการตอบรับที่ดี

วลัยทิพย์ กล่าวต่อว่า เครื่องดื่มน้ำนมอัลมอนด์ ที่มียอดขายอันดับ 1 ในสหรัฐอเมริกา ทั้ง 7 สูตร ได้แก่ สูตรไม่เติมน้ำตาล, รสออริจินอล,  รสวานิลลา, รสช็อกโกแลต, รสมัทฉะ, รสลาเต้และ สูตรบาริสตา เบลนด์ ยังได้มีการปรับโฉม packaging ใหม่ทั้งหมด เพื่อขยายตลาดให้โดนใจสายสุขภาพที่เป็นคนรุ่นใหม่ และในปีนี้ยังได้รับรางวัล Thailand’s Most Admired Brand จัดขึ้นโดยนิตยสาร BrandAge โดยทำการสำรวจความคิดเห็นของผู้บริโภคชาวไทย เกี่ยวกับแบรนด์ที่พวกเขาชื่นชอบและประทับใจมากที่สุด โดย Blue Diamond Almond Breeze ได้รับรางวัลนี้ถึง 2 ปีซ้อน คในปี  2023 และปี 2024 จากกลุ่มนมอัลมอนด์

สุริยา มูลศรี ผู้อำนวยการฝ่ายขายประจำประเทศไทย เครือเฮอริเทจ กล่าวเสริมว่า ตลาดนมในประเทศไทยมีมูลค่าประมาณ 64,000 ล้านบาท แบ่งเป็นประเภทนมเปรี้ยวที่มาจากนมวัว 100% มีมูลค่าประมาณ 13,000 ล้านบาท และนมแพลนท์เบสด์มีมูลค่าประมาณ 1,500 ล้านบาท จึงอยากที่จะเข้าไปในตลาดกลุ่มนมเปรี้ยวแต่เป็นการผลิตนมทางเลือก คือ เป็นโยเกิร์ตพร้อมดื่มจากนมอัลมอนด์ ที่เป็นแพลนท์เบสด์ ซึ่งส่วนแบ่งทางการตลาดที่คาดว่าจะได้อยู่ 1-3% ของมูลค่าทางตลาดของนมเปรี้ยวทั้งหมด มูลค่าก็จะได้ประมาณพันล้านบาท ถือว่าเป็นแนวโน้มที่ดี ทั้งนี้จากตัวเลขกลุ่มนมแพลนท์เบสต์ในไทยมีแนวโน้มเติบโตขึ้นสูงจากเดิมอยู่ที่ประมาณ 300 ล้านบาท ในช่วง 7 ปี เติบโตถึง 5 เท่า คือมีมูลค่าทางตลาด 1,500 ล้านบาท สะท้อนให้เห็นว่ากลุ่มคนหันมาให้ความสนใจในสุขภาพ แม้ว่าอัตราการดื่มนมในคนไทยจะน้อยกว่าต่างชาติ เพราะคนไทยจะดื่มนมประมาณ 20 ลิตรต่อคนต่อปี แต่คนต่างชาติจะดื่มนม 200 ลิตรต่อคนต่อปี

“ดังนั้นในกลุ่มคนที่มีความกังวลว่าปริมาณโปรตีนไม่เพียงพอจากการทานอาหารเนื้อสัตว์ ซึ่งบางทีอาจจะใช้เวลาย่อยนาน นมแพลนท์เบสต์จึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการเสริมโปรตีนที่เผาผลาญได้เร็ว  มีแคลอรี่ต่ำ อย่างไรก็ตามนมกลุ่มนี้ยังคงมีราคาที่อาจจะสูงกว่านมทั่วไป กลุ่มผู้บริโภคส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อในวัยทำงาน เป็นต้น ” สุริยา กล่าว
สำหรับ เครือเฮอริเทจ ได้รับการจดทะเบียนระดับสากล และผ่านการรับรองมาตรฐานทั้ง HACCP, GHPs, BRCGS, และ ISO 22000 ซึ่งรับรองมาตรฐานด้านการจัดการความปลอดภัยของอาหาร พร้อมด้วยมาตรฐานอาหารฮาลาลและโคเชอร์ด้วย.