2 ศิลปินระดับชาติวัย 90 ปี สร้างผลงานชั้นเยี่ยมอย่างสม่ำเสมอมาตลอดชีวิต ปัจจุบันยังทำงานศิลปะอย่างจริงจัง แต่ละผลงานสะท้อนถึงวิธีคิดที่ชัดเจนและเต็มไปด้วยแรงบันดาลใจผ่านการสร้างงานศิลป์รูปแบบใหม่ๆ ด้วยการค้นหาสิ่งใหม่ ดัดแปลงสิ่งเก่า ค้นหาแก่นแท้ในผลงานของตัวเอง ตลอดจนเป็นตัวแทนการตกผลึกในการทำงานและประสบการณ์ใช้ชีวิตมาอย่างเคี่ยวกรำ เป็นวิถีของอินสนธิ์ วงค์สาม และทวี รัชนีกร 2 ศิลปินแห่งชาติ สาขาทัศนศิลป์ ลูกศิษย์เอกของ ศ.ศิลป์ พีระศรี ที่นำคำสอนของอาจารย์มาใช้บนเส้นทางศิลปกรรมอย่างสม่ำเสมอ
ศิลปินทั้งคู่จัดแสดงผลงานร่วมกันครั้งยิ่งใหญ่ใน นิทรรศการจากวงโคจรสู่บทสนทนา ( From Orbit to Conversation ) ในโอกาสเชิดชูเกียรติศิลปินแห่งชาติ 90 ปี โดยมี ผศ.วุฒิกร คงคา รับหน้าที่ภัณฑารักษ์ รวบรวมผลงานล้ำค่ากว่า 100 ชิ้น ทั้งผลงานชุดใหม่ในรอบ 10 ปีที่ไม่เคยโชว์ที่ไหนมาก่อน และผลงานระดับมาสเตอร์พีซที่ทุกคนคุ้นเคย นำมาจัดแสดงภายใน 13 ห้องนิทรรศการ แสดงถึงไฟของศิลปินชั้นครูที่ไม่เคยมอดไหม้ ณ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ หอศิลป เจ้าฟ้า ถือเป็นงานที่ไม่ควรพลาดแห่งนี้ โดยเปิดให้เข้าชมตั้งแต่วันที่ 8 พฤษภาคม – 30 มิถุนายน 2567 วันพุธ – อาทิตย์ เวลา 09.00 – 16.00 น. (ปิดวันจันทร์ – อังคาร และวันหยุดนักขัตฤกษ์) สนับสนุนโดยกรมศิลปากร สำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย และกรมส่งเสริมวัฒนธรรม
ผศ.วุฒิกร คงคา ภัณฑารักษ์นิทรรศการ บอกว่า นิทรรศการรวมงานใหม่ในช่วง 10 ปีของศิลปินระดับปรมาจารย์ทั้งคู่ และมีการรวมงานเก่าเข้าไปด้วย แต่จะทำยังไงให้งานเก่าที่คุ้นตาเหล่านั้นสร้างประสบการณ์ใหม่ให้ได้มากที่สุด เกิดแนวคิดในการหวนกลับไปคิดถึงความเป็นคู่หูเพื่อนรักที่ทั้งคู่ถูกบ่มเพาะมาจากอาจารย์ศิลป์ในตอนเรียน ก่อนที่ต่างคนต่างแยกกันไปมีชีวิตที่โลดโผนของตัวเอง และแนวทางงานศิลปะที่คล้ายว่า จะเดินกันไปในทางตรงกันข้าม แต่กลับมีจุดร่วมที่เชื่อมติดกันได้อย่างน่าพิศวง นำมาสู่ชื่อนิทรรศการ “From Orbit to Conversation” ตนต้องการให้ “ลุงอินสนธิ์” นั่งคุยกับ “ลุงทวี”อย่างเป็นกันเอง ถามไถ่สารทุกข์สุขดิบ ถกเถียงความเห็นที่แตกต่างด้วยสาระหรือหัวเราะด้วยกัน ผลัดกันชม ให้กำลังใจกัน หรือต่างก็วิพากษ์กันเองด้วยผลงานที่อาจเลยไปถึงการวิพากษ์สังคม บ้านเมือง ที่มาพร้อมกับการกระตุกต่อมเตือนสติตัวเองและคนอื่นๆ ผลงานทั้งคู่คลุกเคล้า เชื่อมโยง เผชิญหน้า ด้วยความถ้อยทีถ้อยอาศัยดั่งกัลยาณมิตร
ภายในนิทรรศการครั้งนี้ผลงานนับร้อยชิ้นติดตั้งอยู่ใน 2 อาคารใหญ่ อาคารด้านหน้า 9 ห้อง ที่มีผนังห้องสีต่างกัน เต็มไปด้วยงานจิตรกรรมขนาดใหญ่ในธีม “บทสนทนาของแสงดาว” อีกอาคารหนึ่ง คือ อาคารขาว 4 ห้อง จัดแสดงงานประติมากรรม, ภาพพิมพ์, กระดาษ ที่คุมโทนไปด้วยสีน้ำตาล, ดำ ในธีม”บทสนทนาของแผ่นดิน” สองอาคารเป็นขั้วตรงกันข้ามระหว่างแผ่นดินของโลกและแสงของหมู่ดาวในจักรวาล ทุกชิ้นมีชื่อผลงานยึดโยงบทสนทนาให้เกิดกรอบในการตีความ ขึ้นอยู่กับผู้ชมที่จะต้องอ่านและดูไปพร้อมกับการตีความ
ภัณฑารักษ์ระบุวงโคจรของ อินสนธิ์ เคลื่อนคล้อยด้วยการใช้รูปทรงนามธรรม อธิบายผ่านวิธีการสร้างคล้ายเซอร์เรียล บางทีก็เลื่อนไหลอย่างอิสระ ทุกรูปทรงมีความหมาย ไม่ว่าจะวิธีเพ้นต์ด้วยสีน้ำมันบนผ้าใบหรือแกะสลักไม้ เราจะเห็นความอิ่มเอม เบิกบาน สง่างาม แข็งแรง สงบนิ่ง ส่วนชื่อผลงานจะเห็นประโยคการปลอบประโลม วิธีการดำเนินชีวิต ความสุข ทุกข์ ที่บางครั้งคล้ายแฝงปรัชญา แต่บางทีก็ตรงไปตรงมา ชวนให้ผู้ชมตีความรูปทรงไปตามความรู้สึกที่ไร้ขอบเขตได้อย่างไม่สิ้นสุด
ขณะที่วงโคจรของ ทวี รัชนีกร ที่ใช้รูปทรงในการดำเนินเรื่องเช่นกันแต่ต่างออกไปแบบขั้วตรงกันข้าม คือ รูปทรงจะใช้ figurative ของคน, สัตว์, สิ่งของ ที่แสดงพลังทางอารมณ์อย่างรุนแรง ทั้งความเจ็บปวด, กระแทกกระทั้น, ความขันสุดแสบ, การก่อกวนด้วยการเสียดสีแดกดัน, รูปทรงชัดเจนบิดเบี้ยว บอกเล่าเนื้อหาตรงไปตรงมา ถึงแม้จะใช้รูปทรงนามธรรมหลายครั้ง แต่มักจะมีที่มาอยู่เสมอ
“ ถ้าอินสนธิ์คือการเข้ามามองภายในของตัวเอง เพื่อจะเปิดประตูออกไปสื่อสาร ทวีจะเปิดประตูรับเรื่องราว ความรู้สึกจากเหตุการณ์บ้านเมืองหรือสังคมภายนอก ตลอดจนเรื่องราวของผู้คนรอบข้างให้ไหลเข้ามาคลุกเคล้าภายในใจ ก่อนจะสำแดงความรู้สึกเหล่านั้นออกไปอีกครั้ง ด้วยวิธีการของตัวเองและขั้วตรงกันข้าม อีกอย่างในผลงานทั้งคู่มองเห็นได้จากลายมือและลักษณะนิสัยในการมองวัสดุผ่านการใช้เครื่องมือต่างๆ ขณะที่ทวีโชว์ร่องรอยของทั้งฝีแปรงและการสร้างพื้นผิวหรือใช้พื้นผิวดั้งเดิม ทำให้ประติมากรรมแสดงคุณลักษณะความดิบ หยาบ ผ่านวิธีคล้ายเอ็กเพรสชั่นนิส เพื่อให้ผลงานกระชากอารมณ์อย่างรุนแรง แต่อินสนธิ์ใช้วิธีเกลี่ยสีนุ่มนวลในงานจิตรกรรมมากกว่าคล้ายการเกลาไม้กลมกลึงเนียนเรียบในงานประติมากรรมนั่นเอง จักรวาลแห่งความต่าง เดินทางด้วยวงโคจรของตัวเองมาซ้อนทับ ก่อเกิดขึ้น และกลายเป็นวงสนทนาอันเงียบเชียบที่กู่ตะโกนยินดีอยู่ภายในใจอันสงบของศิลปินทั้งคู่ “ ผศ.วุฒิกร ชวนมาชมนิทรรการครั้งประวัติศาสตร์
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
บูรณะวัดไชยวัฒนารามนำชีวิตชีวาสู่มรดกโลก
วัดไชยวัฒนาราม จ.พระนครศรีอยุธยา งดงามทรงคุณค่า เป็นหนึ่งในหลักฐานที่แสดงถึงความยิ่งใหญ่และรุ่มรวยทางวัฒนธรรมของกรุงศรีอยุธยาอดีตเมืองหลวงอันยิ่งใหญ่ วัดเก่าแก่แห่งนี้เป็นโบราณสถานสำคัญของอยุธยา และเป็นส่วนหนึ่งของอุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยาที่โดย
'4วัด1วัง'เที่ยวมรดกโลกอยุธยายามราตรี
กระแสตอบรับดีสำหรับโครงการท่องเที่ยวโบราณสถานยามค่ำคืนในพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ปีนี้กระทรวงวัฒนธรรม โดยกรมศิลปากร ยกระดับท่องเที่ยวโบราณสถานยามราตรีเปิดโบราณสถานให้นักท่องเที่ยวได้เข้าชมเพิ่มขึ้นเป็น 5 แห่ง ประกอบด้วย
ย้อนเวลา 4 วัด 1 วัง เมื่อครั้งต้นกรุงฯ
ชวนแต่งชุดไทยเดินทางย้อนเวลากลับไปสู่ช่วงต้นกรุงศรีอยุธยา ดื่มด่ำกับบรรยากาศโบราณสถานยามค่ำคืนที่งดงามในงาน “ 4 วัด 1 วัง เมื่อครั้งต้นกรุงฯ” ภายใต้แนวคิด “ย้อนเวลา ส่องวิถี ปลุกแสงสี พระนครศรีอยุธยา” โดยจะจัดกิจกรรมตามวัดและโบราณสถานที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์
'หมูเด้ง' ซุปตาร์ดันวัฒนธรรมไทยสู่ระดับโลก
“หมูเด้ง”ซุปเปอร์สตาร์ฮิปโปแคระที่โด่งดังเป็นไวรัลทั่วโลกจากความน่ารักขี้เล่น สื่อต่างประเทศนำไปลงข่าว นิตยสาร TIME พาดหัวข่าวเป็นไอคอนไลฟ์สไตล์ที่กิน นอน และแอคชั่นดราม่า สร้างปรากฎการณ์หมูเด้ง ช่วยให้ยอดนักท่องเที่ยวเข้าชมสวนสัตว์เปิดเขาเขียว จ.ชลบุรี เพิ่มทวีคูณ
โบราณสถานเวียงกุมกามเสียหายหนักจากน้ำท่วม
7 ต.ค.2567 - นายพนมบุตร จันทรโชติ อธิบดีกรมศิลปากร กล่าวว่า จากการลงพื้นที่ จ.เชียงใหม่ เพื่อติดตามผลกระทบของสถานการณ์อุทกภัยที่มีต่อโบราณสถานสำคัญของจังหวัด โดยพบว่า พื้นที่เวียงกุมกามที่เป็นเมืองโบราณสมัยพญามังรายปฐมกษัตริย์ล้านนา ที่ตั้งอยู่ในอำเภอสา
ประเพณีถือศีลกินผักภูเก็ต อัตลักษณ์แห่งศรัทธาสืบทอดมา 199 ปี
จังหวัดภูเก็ต พร้อมหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน คณะกรรมการอ๊าม (ศาลเจ้า) และองค์กรต่าง ๆ พร้อมใจกันจัดกิจกรรมเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในงานประเพณีถือศีลกินผักจังหวัดภูเก็ต ประจำปี 2567 โดยมี นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล