20 'รถรับ-ส่งนักเรียนต้นแบบ' มาตรฐานปลอดภัย          

โรงเรียนทั่วประเทศเตรียมจะเปิดภาคเรียนในช่วงกลางเดือนพ.ค นี้ แต่แนวโน้มความรุนแรงจากอุบัติเหตุรถรับส่งนักเรียนยังเป็นเรื่องน่าเป็นห่วง ถ้าดูจากสถิติในรอบ 3 ปี ระหว่างปี 2565 – 2567 รถรับส่งนักเรียนเกิดอุบัติเหตุเพิ่มขึ้นกว่า  30 ครั้งและบาดเจ็บ 368 คน  และในปี 2567 ในช่วงเดือนมกราคม ถึง มีนาคม พบอุบัติเหตุและมีนักเรียนเสียชีวิต 2 คน บาดเจ็บ 153 คน

  และยังพบว่ารถนับวส่งนักเรียนส่วนใหญ่ไม่ได้ผ่านการขึ้นทะเบียนและรับรองความปลอดภัยจากกรมขนส่งทางบก โดยล่าสุดพบว่ามีรถยนต์ส่วนบุคคลและรถยนต์สาธารณะที่ได้รับการขออนุญาตให้ใช้เป็นรถรถรับส่งนักเรียนเพียง 3,342 คันเท่านั้น จากทั่วประเทศ

  สภาผู้บริโภคและเครือข่ายผู้บริโภค และสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)  ภายใต้โครงการแผนงานร่วมทุนสนับสนุนองค์กรผู้บริโภคเพื่อการพัฒนาระบบขนส่งสาธารณะที่ปลอดภัยและเป็นธรรม ได้จัดเวทีวิชาการ “สานพลัง ขับเคลื่อนโรงเรียนศูนย์การเรียนรู้รถรับส่งนักเรียนปลอดภัย”  โดยมีโรงเรียนต้นแบบ นักวิชาการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมเพื่อแลกเปลี่ยนปัญหานำไปสู่การจัดการรถโรงเรียนที่ถูกต้อง

สารี อ๋องสมหวัง เลขาธิการสำนักงานสภาผู้บริโภค กล่าวว่า การขนส่งและยานพาหนะ เป็น 1 ใน 8 ภารกิจหลักการคุ้มครองผู้บริโภค ในการทำโรงเรียนต้นแบบเพื่อเป็นโรงเรียนศูนย์เรียนรู้เพื่อขับรถรับส่งนักเรียนปลอดภัย ขณะนี้ได้ดำเนินการกว่า 148 โรงเรียน และมีโรงเรียนที่ผ่านเกณฑ์เป็นต้นแบบจำนวน 20 โรงเรียน เมื่แเทียบกับโรงเรียนในสังกัดการศึกษาขั้นพื้นฐานทั้งหมดเฉลี่ยแล้วเพียง 0.5% เท่านั้น ซึ่งทางภาครัฐทั้งในส่วนที่เกี่ยวข้องกับโรงเรียนหรือการขนคมนาคมจะต้องหาแนวทางผลักดันรถรับส่งนักเรียนให้เกิดความปลอดภัยให้เกิดรูปธรรมมากยิ่ง ทั้งนี้ 20 โรงเรียนต้นแบบจะทำหน้าที่เป็นอาสาในการให้โรงเรียนที่สนใจเข้ามาเรียนรู้และนำไปปรับใช้ในการให้บริการแก่นักเรียน เพราะความปลอดภัยของเด็กเป็นเรื่องสำคัญ

สารี อ๋องสมหวัง

สถานการณ์ที่ทำให้ต้องคำนึงถึงความปลอดภัยบนท้องถนนของการใช้รถรับส่งนักเรียน ก่องกาญจน์ ทักษ์หิรัญฤทธิ์ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ(สสส.) กล่าวว่า จากข้อมูลอุบัติเหตุทางถนนกับรถรับส่งนักเรียนในปีพ.ศ.2565-2566 เกิดอุบัติเหตุเฉลี่ย 30 ครั้งต่อปี และในปี2567 ตั้งแต่เดือนมกราคม-มีนาคมหรือใในระยะเวลา 3 เดือนเกิดอุบัติเหตุสูงถึง 15 ครั้ง มีนักเรียนเสียชีวิต 1 คน และบาดเจ็บถึง 153 คน ซึ่งทางโรงเรียนอาจจะมีส่วนร่วมในการเก็บข้อมูลของการใช้ยเดินทางานพาหนะเดินทางมาโรงเรียน ไม่ว่าจะเป็นการใช้รถจักรยานยนต์ รถยนต์ 4 ล้อ จากทั้งผู้ปกครองและรถรับส่งนักเรียน เพื่อเป็นส่วนสำคัญในการดูให้นักเรียนเกิดความปลอดภัย

คงศักดิ์ ชื่นไกลลาส ผู้ช่วยเลขานุการคณะอนุกรรมการ ด้านการขนส่งและยานพาหนะ สภาผู้บริโภค ในการจัดการระบบรถรับส่งนักเรียน กล่าวว่า ความเสี่ยงในการใช้รถรับส่งนักเรียนจะพบว่าแต่ละปีมีอุบัติเหตุหลายครั้งและมีนักเรียนเสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก ซึ่งปัญหาที่พบส่วนใหญ่คือ นักเรียนมีความจำเป็นต้องใช้รถรับส่งไปโรงเรียน หากไม่ใช้ก็จะต้องขี่จักรยานยนต์ และรถรับส่งนักเรียนส่วนใหญ่มีสภาพไม่มั่นคงปลอดภัย นอกจากนี้จำนวนหลายคันยังไม่ขึ้นทะเบียนรถรับส่งนักเรียน ย้อนกลับมาดูที่โครงสร้างกฎหมาย พบว่ายังขาดเจ้าภาพหลักในการจัดการความปลอดภัย ขาดการบูรณาการร่วมเพื่อแก้ไขปัญหา อีกทั้งยังไม่ใช่วาระสำคัญที่ภาครัฐเร่งดำเนินการและกฎหมายไม่สอดคล้องกับการใช้งานจริงในพื้นที่ และส่วนที่สำคัญคือ ความคิดและความเชื่อ หรือข้ออ้างในการไม่เอารถเข้าระบบ เพราะหากไม่นำรถเข้าระบบก็สามารถวิ่งรับส่งนักเรียนได้ ไม่คุ้มค่าที่ต้องปรับปรุงสภาพรถ และครูส่วนใหญ่มีภาระหลายอย่างที่ต้องรับผิดชอบ

“ในปัจจุบันรถรับส่งนักเรียนมีหลายรูปแบบที่ให้บริการ อีกทั้งรัฐยังไม่มีข้อมูลจำนวนรถรับส่งนักเรียนที่แท้จริง โดยในปี2566 มีรถรับส่งนักเรียนที่ขึ้นทะเบียนรถรับส่งนักเรียนเพียง 3,400 คัน ขณะที่ในปี 2565 มีรถขึ้นทะเบียนกว่า 4,500 คัน และในปีนี้ยังมีตัวเลขเผยแพร่ออกมา ซึ่งหากพบว่ามีจำนวนรถที่ขึ้นทะเบียนลดลงเรื่อยๆ อาจจะทำให้เกิดปัญหาในการลงไปกำกับดูแลเพื่อให้เกิดมาตรฐานความปลอดภัย อย่างไรก็ตามแม้ว่าจะมีหน่วยงานหลักในการกำกับดูแลแต่ข้อกำกับหรือบังคับใช้ก็แตกต่างกัน จึงเป็นอีกประเด็นสำคัญในการทำให้เกิดข้อบังขับใช้ไปในทิศทางเดียวกันได้หรือไม่”

คงศักดิ์ กล่าวต่อว่า นิยามของรถรับส่งนักเรียน คือ การเดินทางไปโรียนที่ปลอดภัย และเป็นบทบาทหน้าที่ของรัฐ ที่จะดูแลคุ้มครองเด็กตามมาตรฐานความปลอดภัยทั่วถึงเท่าเทียม ดังนั้นโครงการฯ โรงเรียนต้นแบบใน 33 จังหวัด ในการเป็นศูนย์เรียนเพื่อขับรถรับส่งนักเรียนปลอดภัย ที่มีองค์ประกอบ 9 ด้าน แบ่งเป็น กลไกการจัดการ  1.ในระดับจังหวัดหรืออำเภอ ต้องมีส่วนร่วมกับโรงเรียน 2.โรงเรียนจัดการรถรับส่งนักเรียนของโรงเรียน มีครูผู้รับผิดชอบ นักเรียน ผู้ปกครอง และกรรมการสถานศึกษา และพัฒนาระบบจัดการ 3.มีระบบข้อมูล 4.ระบบเฝ้าระวังและการสื่อสาร 5.ควบคุมดูแลภายในรถ 6.สร้างการมีส่วนร่วม 7.ระบบประกันภัย 8.จุดจอดปลอดภัย และ9.ติดตามประเมินผล ดังนั้นในการจัดการระบบความปลอดของรถรับส่งนักเรียนจะต้องการบูรณาการและร่วมมือกันจากทุกภาคส่วน

รศ.อิสสรีย์ หรรษาจรูญโรจน์ ผู้ตรวจการแผ่นดิน กล่าวว่า ได้มีการจัดทำโครงการศึกษาเชิงระบบ เรื่องมาตรการด้านความปลอดภัยของรถรับส่งนักเรียน โดยได้มีการลงพื้นที่ 6 จังหวัด ได้แก่ ภูเก็ต หนองคาย อุดรธานี สุรินทร์ ลำปาง และเชียงใหม่  ซึ่งแต่จังหวัดมีการหาแนวทางการแก้ไขและปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างเฉพาะจุด โดยได้มีการสรุปเป็นประเด็นต่างๆ คือยังขาดการบูรณาการของหน่วยงานร่วมกัน อาจจะเพราะแต่ละหน่วยงานต่างคนต่างทำหน้าที่ของตนเอง ด้านการบังคับใช้กฎหมาย ยังขากกฎหมายที่ควบคุมผู้ขับรถส่งนักเรียน โดยในพื้นที่ทั้ง 6 จังหวัด พบว่า ผู้ที่มาขับรถรับส่งนักเรียนเป็นผู้ที่สูงอายุหรือยังเป็นวัยคะนอง ทำให้มีบางส่วนอาจจะละเลยวินัยจราจร ซึ่งเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน รวมถึงสภาพรถส่วนใหญ่ที่มีอายุการใช้งานมาค่อนนานและบางคันมีการดัดแปลงตัวรถ เป็นต้น จากการพุดคุยกับกรมขนส่ง หากไม่มีการอะลุ่มอล่วยหรือยอม จะส่งผลให้ไม่มีผู้ขับรถรับส่งนักเรียน ทำให้เกิดความเดือดร้อนที่หนักขึ้น และการลงทะเบียนผู้ขับรถรับส่งนักเรียน ปัญหาดังกล่าวในบริบทของผู้ที่ต้องใช้บริการในแต่ละพื้นที่อาจจะมีการพูดคุยเพื่อหาแนวทางในการจัดการและการยอมรับของทั้ง 2 ฝ่ายอย่างเหมาะสมและคำนึงถึงความปลอดภัยของนักเรียน

ผู้ตรวจการแผ่นดิน กล่าวต่อว่า จากการลงพื้นที่ 6 จังหวัดได้มีการนำข้อเสนอแนะเสนอต่อครม. และมีมติให้ 4 หน่วยงานรับเรื่องและดำเนินการ ได้แก่ กระทรวงศึกษาธิการ นำข้อเสนอแนะไปบูรณาการ อาทิ การจัดทำระบบฐานข้อมูลรถรับส่งนักเรียน การกำหนดมาตรการให้โรงเรียนและสถานศึกษาทุกแห่งมีบทบาทและอำนาจหน้าที่ในการควบคุมตรวจสอบและการกำกับดูแลมาตรการด้านความปลอดภัยรถรับส่งนักเรียน การออกหนังสือรับรอง การจัดทำแผนงานด้านความปลอดภัยคดีและก็กำหนดให้โรงเรียนสร้างเครือข่ายรถรับส่งนักเรียน รวมถึงการพัฒนาหลักสูตรชุดความรู้เกี่ยวกับแนวทางการจัดการระบบรถรับส่งนักเรียน อีกส่วนคือการลดความเหลื่อมล้ำคือ จะต้องมีการสนับสนุนจากสำนักงบประมาณในการพิจารณาจัดสรรงบประมาณให้กับนักเรียนในระดับชั้นอนุบาล-ประถมศึกษาที่ขาดแคลน ในการรับบริการรถรับส่งนักเรียนฟรี เหมือนกับนโยบายนมโรงเรียนฟรี

 กระทรวงคมนาคม โดยกรรมขนส่งทางบก กำหนดมาตรการสร้างแรงจูงใจให้ผู้ขับรถรับส่งนักเรียนขึ้นทะเบียนขอใบอนุญาติ และการมีหนังสือรับรองจากโรงเรียนสำหรับผู้ขับรถส่งนักเรียนจาก 1 ภาคการศึกษา เป็น 1 ปีการศึกษา ทบทวนกฎหมายในปัจุบันให้สอดคล้องกับบริบทของพื้นที่ โดยกำหนดประเภทใบอนุญาติ และสำนักงานขนส่งแต่ละจังหวัด ควรมีการจัดอบรมสร้างความรู้ ความเข้าใจระหว่างผู้ขับรถรับส่งนักเรียน กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ที่ได้มีส่วนสนับสนุนการติดตั้งเทคโนดลยีบนรถรับส่งนักเรียนผ่านโครงการรถโรงเรียนรุ่นเด็กปลอดภัย โดยดำเนินการแล้วเสร็จในเฟสแรก ปีพ.ศ.2565-2566 รวมกว่า 370 โรงเรียน จำนวน 3,500 คัน ใน 69 จังหวัด ซึ่งอาจจะต้องขยายผลของโครงการให้ครอบคลุมโรงเรียนในสังกัดกระทรวงศึกษาธิการ และในส่วนขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ในการสนับสนุนงบประมาณรถรับส่งนักเรียนให้เข้าถึงเด็กด้อยโอกาส และมีมาตรการดูแลความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น เป็นต้น โดยหลังจากที่มีมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน 2566 ก็ได้กำหนดมาตรการด้านความปลอดภัยของรถรับส่งนักเรียน โดยให้กระทรวงมหาดไทยกำหนดให้เรื่องนี้เป็นอีกประเด็นหนึ่งของนโยบายระดับชาติ กำหนดให้มีแผนยุทธศาสตร์ หรือคณะทำงานด้านความปลอดภัยรถรับส่งนักเรียนในทุกจังหวัด ให้กระทรวงศึกษามอบหมายให้โรงเรียนจัดทำระบบฐานข้อมูล รถรับส่งนักเรียน กำหนดยุทธศาสตร์และแผนงานเรื่องความปลอดภัยการเดินทางของนักเรียน และจัดทำทะเบียนข้อมูลรถรับส่งนักเรียนแต่ละคัน

 กมล รอดคล้าย ประธานคณะทำงานฝ่ายอำนวยการของรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ  กล่าวว่า ในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ได้มีการกำหนดแผนยุทธศาสตร์สำหรับความปลอดภัยบนท้องถนน ได้แก่ 1.ต้องมีครูดูแลความปลอดภัยด้านหน้าโรงเรียน ประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจหรืออาสา  ดูแลนักเรียนข้ามทางม้าลาย 2.ควบคุมติดตามรถรับส่งให้เป็นไปตามมาตรฐานต่างๆ 3.จัดทำแอปพลิเคชั่นติดตามการขึ้นลงรถรับส่ง 4.ใช้เครือข่ายของทุกภาคส่วนกำหนดขอบเขตความรับผิดชอบที่ชัดเจน โดยแต่ละโรงเรียนจะต้องมีการเสนอแผนยุทธศาสตร์ย่อยรถรับส่ง และหน่วยงานในพื้นที่  ส่งเสริมเพิ่มความรู้นักเรียนเรื่องวินัยจราจร ติดตามประเมินผลทุกๆ 3 เดือน เพื่อให้อุบัติเหตุบนท้องถนนของเด็กนักเรียนลดลง 3%

 สรพงษ์ ไพฑูรย์พงษ์ รองปลัดกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า เบื้องต้นได้ดำเนินการ ตามพ.ร.บ.การขนส่งทางบก พ.ศ.2522  รถโรงเรียนและรถรับส่งนักเรียนขนาดใหญ่ เช่น รถบัส โดย 1.การกำหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขมาตรฐานรถโรงเรียนหรือสิ่งอำนวยความสะดวก เช่น เครื่องดับเพลง ค้อนทุบกระจก  คนขับต้องมีใบอนุญาต ท.1 และท.2 มีผู้ควบคุมดูแลประจำรถ  เป็นต้น ส่วนรถขนาดเล็ก  เช่น รถสองแถว หรือรถตู้ ซึ่งมีการมาลงทะเบียนเป็นรถรับส่งนักเรียนประมาณ 1,700 คันแล้วแต่ละช่วง สูงสุดคือ 3,400 คัน มี 1,700 คัน เป็นรถตู้ 1,508 คัน รถสองแถว 172 คัน รถโดยสาร 2 คัน และรถประเภทอื่นๆ  29 คัน ที่มีความถูกต้องตามมาตรฐานพ.ร.บ.รถยนต์  เช่น มีทางขึ้นลงด้านข้างและท้ายรถ มีอุปกรณ์ป้องกันนักเรียนตก   คนขับต้องมีใบอนุญาตขับรถยนต์ส่วนตัวมาแล้วไม่น้อยกว่า 5 ปี และมีผู้ดูแลประจำรถ

 “ปัญหาที่พบส่วนใหญ่คือรถรับส่งจำนวนมากอยู่นอกระบบ เพราะโรงเรียนขาดองค์ความรู้การดูแลบำรุงรักษา  การบริหารจัดการ กำกับดูแล และคนขับบางส่วนยังขาดจิตสำนึก การบริการรับส่งเด็ก  เราจึงมีแนวคิดในการให้งบประมาณในแต่ละจังหวัดเพื่อให้นำไปจัดสรร กำกับดูแลเรื่องความปลอดภัยบนท้องถนนเท่านั้น โดยปีนี้จะเป็นปีแรกที่มีการจัดสรรงบให้ทั้ง 77 จังหวัด จำนวน 280 ล้าน เพื่อลดอุบัติเหตุบนท้องถนนที่เกิดขึ้นจากรถจักรยานยนต์ เพราะยังมีผู้ปกครองที่ไปรับส่งบุตรหลานด้วยรถจักรยานยนต์ ดังนั้นจะต้องขับเคลื่อนให้เกิดรูปธรรมเพื่อให้นักเรียนมีความปลอดภัยจากการใช้บริการรถรับส่งมากยิ่งขึ้น”  สรพงษ์ กล่าว

ด้านโรงเรียนต้นแบบ บุญสร้าง เปรมยกย่อง โรงเรียนหาดใหญ่วิทยาลัย 2 จ.สงขลา กล่าวว่า โรงเรียนเป็นโรงเรียนขนาดใหญ่พิเศษมีนักเรียนกว่า 2,000-3,000 คน ปัจจุบันมีฐานข้อมูล Student Care นอกจากจะดูแลนักเรียนเรื่องต่างๆ ก็ยังมีการเก็บฐานข้อมูลการเดินทางมาโรงเรียนของนักเรียน ที่มีทั้งรถรับส่งที่มีนักเรียนใช้บริการกว่า 80.97% รถโดยสารสาธารณะ 1.23% รถจักรยานยนต์ 7.35% ผู้ปกครองมารับส่ง 10% และเดินเท้ามาโรงเรียน 0.39% ดังนั้นจะเห็นว่าจำนวนนักเรียนที่ใช้บริการรภรับส่งมีจำนวนมาก จึงต้องมีการทำข้อมูลเพื่อจัดการรถรับส่งทให้มีคุณภาพ ซึ่งมีรถรับส่งที่อยู่ในฐานข้อมูลของโรงเรียนจำนวน 103 คัน มีการเดินรถ 16 สาย  แบ่งเป็น รถบัส 2 คัน รถสองแถว 42 คัน รถตู้ 58 คัน และรถทหาร 1 คัน มีการตรวจสุขภาพของผู้ขับรถรับส่งนักเรียน และวินัยในการจราจร แต่ในอนาคตจะมีการจัดทำ Application Safety Chiil ในการเข้าถึงข้อมูลการใช้บริการรถรับส่งนักเรียนทั้งผู้บริหารโรงเรียน  ครูและบุคลากร นักเรียน ผู้ปกครอง ผู้ขับรถรับส่ง แบบเรียลไทม์ และการแจ้งเหตุกรณีฉุกเฉิน เป็นต้น

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'ธีระชัย' ชงรัฐบาลตั้ง 'องค์กรก๊าซแห่งชาติ-ติดตั้งโซล่าร์รูฟท็อป' แก้ราคาไฟฟ้าแพง

'ธีระชัย' ชงรัฐบาลตั้งองค์กรก๊าซแห่งชาติ แก้ปัญหาราคาไฟฟ้าแพง เป็นผู้มีสิทธิ์รับซื้อก๊าซที่ผลิตจากอ่าวไทยแต่ผู้เดียว พร้อมประกาศนโยบายให้ประชาชนติดตั้งโซล่าร์รูฟท็อปแบบnet metering

สภาผู้บริโภคยืนยัน “กสทช.”ต้องยุติควบรวม AIS - 3BB หลังพบราคาเน็ตแพงขึ้นถึง 22%

สภาผู้บริโภคยืนยัน กสทช. ต้องยุติการดำเนินการควบรวมบริการอินเทอร์เน็ตระหว่าง AIS และ 3BB ชี้ทำให้ราคาแพงขึ้น 9.5% - 22.9% ลั่นหาก กสทช. ยังปฏิเสธอำนาจตนเองในการยับยั้งการควบรวมครั้งนี้ ขอให้ “กสทช.” ลาออกและยุติการปฏิบัติหน้าที่ทันที 

สภาองค์กรผู้บริโภคค้าน 'ชัชชาติ' ขึ้นค่าโดยสาร สายสีเขียว59บ.

สภาองค์กรผู้บริโภคตั้งโต๊ะแถลงด่วน คัดค้าน “ชัชชาติ สิทธิพันธุ์” ผู้ว่า กทม.ขึ้นค่าโดยสารสายสีเขียว 59 บาทตลอดสาย แนะควรคงเพดานไว้ที่ 44 บาท ให้ใกล้เคียงกับทุกสาย

รับมืออย่างไรใม่เป็นเหยื่อภัยเงินออนไลน์

ในโลกยุคดิจิทัลที่ทันสมัย มือถือสมาร์ทโฟนเป็นอวัยวะที่ 33   วิถีชีวิตคนยุคใหม่เปลี่ยนไปนิยมโอนเงิน ชำระค่าสินค้าและบริการผ่านแอปมือถือ ทำง่ายๆ ไม่กี่ขั้นตอน สะดวกสบาย รวดเร็ว แค่กดยืนยันธุรกรรมออนไลน์ก็เสร็จเรียบร้อย  ไม่รวมไลฟสไตล์ซื้อของออนไลน์เพียงปลายนิ้วสัมผัสอย่างสนุกสนาน