ละเมิดทางเพศออนไลน์ ภัยร้ายกระทบชีวิตเด็ก

เด็กและเยาวชนไทยจำนวนมากตกเป็นผู้เสียหายจากการแสวงหาประโยชน์ทางเพศผ่านระบบออนไลน์ ความเสียหายนอกจากสร้างบาดแผลลึกทางใจให้แก่เด็ก บางรายถูกกระทำอย่างรุนแรง วิปริต ชั่วร้าย ร่างกายบอบช้ำถึงขั้นพิการ แต่อาชาญากรก็ยังมีอยู่มากมาย ที่น่าสะเทือนใจผู้ก่อเหตุส่วนใหญ่มักเป็นคนที่เด็กรู้จักหรือคุ้นเคย  ไม่รวมผู้กระทำผิดในต่างประเทศ ขาดกฎหมายคุ้มครองเด็กและเยาวชนที่มีประสิทธิภาพ

ตัวเลขของเหยื่อตัวน้อยที่ถูกละเมิดเพิ่มขึ้นทุกปีและมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดดในช่วง 2 ปีมานี้ โดยชายไทยขึ้นแท่นอันดับ 1 ในการละเมิดเด็กและเยาวชนของตนเอง ขณะที่เด็กผู้หญิงยังคงเป้าหลักในการถูกละเมิดทางเพศ แม้จะมีมาตรการป้องกัน การจัดการ รวมถึงความช่วยเหลืออย่างเข้มข้นจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ รัฐบาล เจ้าหน้าที่รัฐ ผู้ให้บริการด้านต่างๆ รวมถึงผู้ปกครองแล้วก็ตาม ถือเป็นเรื่องสำคัญเร่งด่วนในการคุ้มครองเด็กบนโลกออนไลน์และการรวมพลังส่งเสริมพฤติกรรมการใช้อินเทอร์เน็ตอย่างปลอดภัยแก่เด็กไทย เพื่อลดความเสี่ยงและอันตรายที่จะเกิดขึ้นจากการขู่กรรโชกทางเพศเด็กทางโซเชียล

มูลนิธิพิทักษ์และคุ้มครองเด็ก (Safeguardkids Foundation) องค์กรไม่แสวงหากำไร หนึ่งในหน่วยงานพิทักษ์และต่อต้านการล่วงละ เมิดสิทธิเด็กและเยาวชนทั้งทางร่างกายและจิตใจ โดยเฉพาะเรื่องการล่วงละเมิดทางเพศต่อเด็กในประเทศไทย ภายใต้มูลนิธิเด็กโลก (World Childhood Foundation) ในสมเด็จพระราชินีซิลเวีย เรนาเทอซอมแมร์ลัธ แห่งราชอาณาจักรสวีเดน เล็งเห็นถึงความสำคัญในการเป็นอีกหนึ่งพลังภาคี ช่วยภาครัฐและภาคประชาสังคมขับเคลื่อนแก้ไขปัญหาดังกล่าวมากว่าทศวรรษ

จากสถิติที่มูลนิธิ Safeguardkids ได้รวบรวมคดีค้ามนุษย์เด็กและการแสวงประโยชน์ทางเพศผ่านระบบออนไลน์ในประเทศไทยในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ( ปี 2559 – เดือนตุลาคม 2566) โดยอ้างอิงฐานข้อมูลจากชุดปฏิบัติการปราบปรามการล่วงละเมิดทางเพศต่อเด็กทางอินเทอร์เน็ต (Thailand Internet Crimes Against Children -TICAC Task Force) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พบเด็กและเยาวชนไทยถูกทำร้ายจากการละเมิดผ่านช่องทางออนไลน์จนเป็นคดีความเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญ โดยระหว่างปี 2559 – 2564 พบเด็กและเยาวชนไทยถูกละเมิดไม่ถึง100 คดีต่อปี ต่ำสุดในปี 2559 จำนวน 20 คดี 

แต่ที่น่าวิตกเด็กไทยกลับถูกล่วงละเมิด ทั้งการค้ามนุษย์ ล่วงละเมิดทางเพศ ถูกครอบครองสื่อลามกอนาจารเด็กและเยาวชน และนำข้อมูลอนาจารของเด็กและเยาวชนเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์เพิ่มมากขึ้นแบบก้าวกระโดดตั้งแต่ปี 2565  พบเด็กและเยาวชนไทยถูกล่วงละเมิดสูงสุดในปีดังกล่าวถึง 476 คดี เพิ่มขึ้นจากปี 2559 ราว 24 เท่า หากคำนวณจากปี 2559 มีเด็กและเยาวชนไทยถูกล่วงละเมิดจนถึงเดือนตุลาคม 2566 เป็นคดีความแล้วทั้งสิ้น 1,192 คดี

หากแบ่งตามลักษณะการถูกละเมิด พบว่า ตลอดระยะเวลา 8 ปี การครอบครองสื่อลามกอนาจารเด็กและเยาวชนมีจำนวนคดีความมากที่สุดรวม 593 คดี อันดับ2 การถูกล่วงละเมิดทางเพศ 374 คดี อันดับ 3 การค้ามนุษย์ 210 คดี และอันดับสุดท้ายการนำข้อมูลอนาจารของเด็กและเยาวชนเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์มี 15 คดี จากสถิติยังพบด้วยว่า เริ่มมีคดีความประเภทสุดท้ายนี้ในปี 2563 

​ส่วนสถิติผู้กระทำความผิดฐานแสวงหาประโยชน์ทางเพศจากเด็กทางออนไลน์ จากฐานข้อมูลชุดเดียวกัน พบผู้กระทำผิดมากถึง 1,404 คน แบ่งเป็นผู้กระทำผิดเพศชาย 1,221 คดี คิดเป็น 86.97%  และผู้กระทำผิดเพศหญิง 183 คดี  คิดเป็น 13.03% โดยในปี 2565 พบผู้กระทำผิดมากที่สุดจำนวน 525 คดี เพิ่มขึ้นเป็น 56 เท่า เมื่อเทียบกับปี 2559 ที่พบผู้กระทำผิดน้อยที่สุด 25 คดี โดยผู้กระทำผิดเป็นเพศชายทั้งหมด เมื่อแบ่งตามสัญชาติพบว่า คนไทยล่วงละเมิดเด็กและเยาวชนในประเทศของตนเองสูงเป็นอันดับ 1 จำนวน 1,309 คดี รองลงมา อเมริกัน 17 คดี อังกฤษ 8 คดี และออสเตรเลีย 8 คดี และสัญชาติอื่น ๆ รวม 53 คดี

ตลอด 8 ปีที่ผ่านมา มีเด็กและเยาวชนไทยกลายเป็นเหยื่อและได้รับผลกระทบ 985 คน ในจำนวนนี้เป็นเด็กผู้หญิง 695 คน  และเด็กผู้ชาย 290 คน  โดยถูกละเมิดสูงสุดในปี 2565 จำนวน 432 คน เป็นเด็กผู้หญิง 280 คน เด็กผู้ชาย 152 คน เพิ่มขึ้นจากปี 2559 ที่ถูกละเมิดรวมน้อยที่สุด 14 คนถึง 31 เท่า แบ่งตามช่วงอายุของเด็กที่ถูกละเมิด พบว่ากลุ่มที่ถูกล่วงละเมิดมากที่สุดคือช่วงอายุ 8 – 14 ปี มีเด็กตกเป็นเหยื่อมากถึง 473 คน รองลงมาคือกลุ่มอายุ 15-17 ปี และอายุมากกว่า 18 ปี ส่วนกลุ่มอายุต่ำกว่า 8 ปี ถูกละเมิดน้อยที่สุด ข้อมูลเชิงสถิติเหล่านี้รายงานมาจากฝ่ายปราบปราม

ขณะที่ตัวเลขจากกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษญ์พบเด็กกว่า 4 แสนคน ถูกล่วงละเมิดทางออนไลน์  แต่ในความเป็นจริงมีเด็กหญิงและเด็กชายอีกจำนวนมากที่ตกเป็นเหยื่อถูกล่วงละเมิดทางเพศออนไลน์ แต่ไม่ได้เป็นคดี และพวกเขาไม่ทราบว่า จะต้องแจ้งเหตุ หรือขอความช่วยเหลือได้ที่ไหน รูปแบบการล่วงละเมิดที่มักเกิดขึ้นบ่อยๆ คือ การที่ภาพหรือคลิปวิดีโอที่มีเนื้อหาทางเพศของเด็กถูกนำไปเผยแพร่ส่งต่อโดยที่เจ้าตัวไม่ยินยอม และมีการแบล็กเมล หรือข่มขู่ให้เด็กมีสัมพันธ์ทางเพศ เด็กหวาดกลัวไม่กล้าเล่าให้ใครฟัง

สถานการณ์วันนี้เข้าสู่วิกฤต เพื่อปกป้องเด็กและเยาวชนจากประสบการณ์เลวร้ายและเพิ่มความเข้มข้นในการดำเนินงานพิทักษ์และต่อต้านการล่วงละเมิดสิทธิเด็กและเยาวชนทั้งทางร่างกายและจิตใจ โดยเฉพาะการล่วงละเมิดทางเพศต่อเด็กไทย

เป็นที่มาประเทศไทยเตรียมจัดสัมมนาระดับประเทศ “ Child Protection Summit 2024 “  โดยสมเด็จพระราชินีซิลเวียแห่งสวีเดน  เป็นองค์ปาฐกบอกกล่าวถึงภัยร้ายแรงและการแก้ปัญหาการล่วงละเมิดทางเพศในนามของมูลนิธิ World Childhood Foundation  ซึ่งก่อตั้งขึ้นโดยพระองค์เอง ภายในงานจะมีพิธีลงนามความเข้าใจ (MOU) ระหว่างกระทรวงมหาดไทย กระทรวงยุติธรรม กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และมูลนิธิ Safeguard Kids ในการผนึกกำลังปกป้อง คุ้มครองและเยียวยาเด็กและเยาวชนไม่ให้ถูกล่วงละเมิด ตลอดจนการเปิดเวทีเสวนาสถานการณ์การล่วงละเมิดทางเพศต่อเด็กในประเทศไทยและกรณีการล่วงละเมิดทางเพศในเด็กและเยาวชนไทยที่ควรระวัง ซึ่งจะจัดขึ้นวันที่ 16 พฤษภาคม 2567 ณ องค์การสหประชาชาติกรุงเทพฯ  โอกาสนี้ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จฯ มาร่วมการประชุมในการนี้ด้วย

ชเล วุทธานันท์ ประธานกรรมการและเลขาธิการ มูลนิธิ Safeguardkids กล่าวว่า การจัดงานประชุมสุดยอดการคุ้มครองเด็ก Child Protection Summit 2024 เพื่อให้การดำเนินงานด้านการคุ้มครองเด็กและเยาวชนไทยให้ปลอดภัยจากการถูกล่วงละเมิดทางเพศเดินหน้า  หลังจากหยุดชะงักในช่วงสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019

และสร้างความตระหนักให้แก่สังคมไทยต่อประเด็นดังกล่าว หลังสถิติคดีค้ามนุษย์ในเด็กและการแสวงประโยชน์ทางเพศผ่านระบบออนไลน์ในประเทศไทยในช่วงเกือบ 10 ปีที่ผ่านมา เพิ่มขึ้นอย่างน่าวิตก สวนทางกับการจัดอันดับสถานการณ์การค้ามนุษย์ประจำปี 2566 (Trafficking in Persons Report: 2023 TIPReport) ที่กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ จัดให้ประเทศไทยอยู่ในระดับเทียร์ 2 (Tier 2) เช่นเดียวกับปี 2565 สะท้อนถึงพัฒนาการสำคัญที่รัฐบาลไทยและภาคส่วนต่างๆ ร่วมกันดำเนินการเพื่อป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ โดยถูกปรับสถานะดีขึ้นจากเทียร์ 2 ที่ต้องถูกจับตามอง(Tier 2 Watch List) ในปี 2564

“ ทางมูลนิธิฯ ต้องการจุดประเด็นนี้ให้เกิดแรงกระเพื่อมใหญ่ในสังคมอีกครั้ง เพื่อให้คนไทยร่วมกันขบคิดอย่างจริงจังว่า ทำไมประเทศไทยที่ถูกจัดอันดับอยู่ในเทียร์ 2 แล้ว แต่เด็กและเยาวชนกลับถูกล่วงละเมิดทางเพศมากขึ้น โดยผู้กระทำผิดก็เป็นผู้ใหญ่ในประเทศเสียส่วนใหญ่ ส่วนผู้กระทำผิดจากต่างประเทศก็มีไม่น้อย เหตุเพราะประเทศร่ำรวยอย่างสหรัฐฯ และยุโรป มีกฎหมายเข้มงวด ผู้กระทำความผิดส่วนหนึ่งหันมากระทำผิดต่อเด็กและเยาวชนในประเทศยากจน หรือในประเทศที่กฎหมายคุ้มครองเด็กไม่แข็งแรงพอ ส่งผลให้วงจรการทำผิดแบบวิตถารต่อเด็กไม่จบสิ้น ขณะที่ผู้คนทั่วไปเข้าใจว่า สาเหตุของปัญหามาจากความยากจน  แต่แท้จริงแล้วมาจากความวิปริตทางจิตใจของผู้กระทำผิด” ชเล  กล่าว

ประธานกรรมการ มูลนิธิ Safeguardkids  ระบุถึงเวลาที่ต้องร่วมมือกันติดสัญญาณเตือนภัยให้กับประเทศ หากพบเห็นความไม่ปกติเกิดขึ้นกับเด็กและเยาวชน โดยเฉพาะกรณีถูกล่วงละเมิดทางเพศทั้งทางออนไลน์และออฟไลน์ ผู้พบเห็นต้องแจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทันที หรือให้ความช่วยเหลือไม่เพิกเฉยปล่อยผ่าน คิดว่าเป็นเรื่องธรรมดาในสังคมอีกต่อไป เพราะถ้าไม่จัดการปัญหานี้ไทยอาจถูกลดละดับเทียร์ ซึ่งมีผลกระทบต่อประเทศในหลายมิติ เช่น การถูกกีดกันทางการค้า การถูกปฏิเสธจากนักท่องเที่ยวทั่วโลก การเสียภาษีส่งออกมากกว่า เป็นต้น ที่สำคัญคือเด็กและเยาวชนที่เปรียบได้กับอนาคตของชาติ หากยังปล่อยให้อนาคตของชาติต้องเผชิญกับความไม่ปลอดภัยในชีวิตคงไม่ใช่เรื่องดีแน่ การลงนาม MOUจะส่งผลให้นโยบายและแนวทางการดำเนินงานเพื่อหยุดยั้งการละเมิดทางเพศในเด็ก การเสริมสร้างกฎหมายที่เข้มแข็งเพื่อปกป้องเด็กและการป้องปรามผู้กระทำผิดให้เกรงกลัวต่อโทษทัณฑ์ การผลักดันให้สังคมปฏิเสธการดำรงอยู่ของปัญหานี้เป็นรูปธรรมมากขึ้น ซึ่งได้รับความร่วมมือจากภาคเอกชน อาทิ ซีพี และ MQDC ร่วมแก้ไขปัญหาอย่างจริงจังด้วย

การดำเนินภารกิจที่ผ่านมา มูลนิธิ Safeguardkids  ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากสมเด็จพระราชินีซิลเวียแห่งสวีเดน และ World Childhood Foundation องค์กรไม่แสวงหากำไรระดับนานาชาติในการช่วยเหลือปกป้องเด็กและสตรีทั่วโลกจากความรุนแรง โดยพระองค์พระราชทานความรู้ นวัตกรรมต่างๆ และทุนทรัพย์ในการดำเนินงาน ซึ่งมูลนิธิ Safeguardkids เป็นหนึ่งใน 15 องค์กรในประเทศไทยที่ได้รับทุนสนับสนุนปีละ 10 ล้านบาท ทั้งนี้ ทรงพระราชทานทุนสนับสนุนให้กับองค์กรที่ทำงานเกี่ยวกับเด็กในประเทศไทยตั้งแต่ปี 2549 จนถึงปัจจุบัน รวมทั้งสิ้น 183,055,663.80 บาท

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

โรงงาน’พาซาญ่า’ ลดปล่อยก๊าซ-สร้างป่า เดินหน้า Net Zero

ภาวะโลกร้อนกำลังเป็นมหันตภัยคุกคามการดำรงชีวิตของสิ่งมีชีวิตบนโลก หากยังไม่มีการแก้ไขสร้างสมดุล โลกใบนี้จะสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพ สัตว์ป่าและพรรณพืชจะสูญพันธุ์แบบเรียกกลับคืนมาไม่ได้ เวลานี้ภาครัฐและภาคเอกชนเดินหน้าโครงการ