'ฮีทสโตรก'ภัยไม่เงียบ'หน้าร้อนปีนี้' 

ช่วงหน้าร้อนปีนี้ ไม่ว่าจะไปที่ไหน จังหวัดใด ก็จะได้ยินแต่คนบ่นว่า ปีนี้ร้อนที่สุดเท่าที่เคยเจอมา แม้แต่ผู้เฒ่าผู้แก่ ที่ผ่านชีวิตมาไม่ต่ำกว่า 70-80ปี ก็พากันร้องปีนี้ร้อนจังเลย ซึ่งอากาศที่ร้อนไม่เพียงทรมานความรู้สึกของร่างกายเท่านั้น แต่อุณหภูมิที่ทะลุเกินกว่า 40 องศา ยังทำให้เกิดความเสี่ยงกับการเกิดอาการ “ฮีทสโตรก”อีกด้วย ซึ่งหน้าร้อนปี2566 ที่ถือว่าร้อนแล้ว แต่ยังรุนแรงน้อยกว่าปีนี้  ได้คร่าชีวิตผู้คนไปหลายราย เนื่องจาก เกิดอาการ”ฮีทสโตรก” ส่วนหน้าร้อนในปีนี้ ผู้คนพากันระมัดระวังตัวดูแลตัวเองมากขึ้น  ทำให้การสูญเสียจากฮีทสโตรก ดูจะเพลาๆลง    แต่ถึงกระนั้น ฮีทสโตรกก็ยังเป็นเรื่องน่ากลัว ตราบใดที่สภาพอากาศยังไม่ทุเลาจากความร้อน หรือยังไม่มีฝนตกลงมาช่วยลดอุณหภูมิ

ที่ผ่านมา”ฮีทสโตรก ” หรือโรคลมแดด  ถูกจัดว่าเป็นภัยเงียบที่มากับอากาศร้อน ผู้ที่มีความเสี่ยงที่ก็คือ คนที่ทำกิจกรรมกลางแจ้งหรือออกกำลังกายในที่ที่มีอุณหภูมิสูงเกิดอันตรายถึงแก่ชีวิตได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาวะที่อากาศร้อนเพิ่มขึ้นทุกปีคาดการณ์ว่าจะมีผู้เสียชีวิตจากฮีทสโตรกสูงขึ้นเรื่อย ๆ

อ.นพ.อรรถสิทธิ์ โคมินทร์ ฝ่ายเวชศาสตร์ฉุกเฉิน โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ เปิดเผยว่า ฮีทสโตรกหรือโรคลมแดดเป็นภาวะที่เกิดจากร่างกายมีความร้อนสูงขึ้นเรื่อย ๆส่งผลให้ระบบประสาททำงานผิดปกติผู้ป่วยส่วนใหญ่ที่มีอาการฮีทสโตรกเกิดจากการทำงาน ใช้แรงงานหรือออกกำลังกายอย่างหนักในภาวะแวดล้อมที่มีอุณหภูมิสูงมักเกิดขึ้นเมื่ออุณหภูมิร่างกายสูงถึง 40 องศาเซลเซียสหรือมากกว่าหากไม่ได้รับการรักษาที่ถูกต้องทันท่วงทีจะมีโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนที่เป็นอันตรายถึงขั้นพิการและเสียชีวิตได้

ฮีทสโตรกเกิดจากสาเหตุหลักคือความร้อน การอยู่ในที่โล่งแจ้งหรือในสถานที่ที่มีความร้อนมากเกินไปเป็นเวลานาน การถ่ายเทความร้อนที่ไม่ดีใส่เสื้อผ้าที่หนาเกินไป  ทำให้ไม่สามารถระบายอากาศได้ดี การดื่มน้ำน้อย หรือดื่มเครื่องดื่มที่กระตุ้นให้เกิดความร้อนในร่างกายเพิ่มขึ้น   การออกกำลังกายที่หนักและต่อเนื่อง  และการปรับตัวของร่างกายไม่ทันเมื่ออุณหภูมิเปลี่ยนแปลง

สัญญาณเตือนและอาการฮีทสโตรกอ.นพ.อรรถสิทธิ์เผยว่า ผู้ที่มีอาการฮีทสโตรกจะมีสัญญาณเตือนล่วงหน้าอาการที่แสดงออกมามีหลากหลายตั้งแต่อาการน้อยไปถึงอาการมากบางรายอาจจะไม่มีอาการหรือไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ มารู้ตัวอีกทีก็หมดสติไปแล้ว  

อาการส่วนใหญ่ที่พบ จะเริ่มจากรู้สึกร้อนมาก เวียนศีรษะ หน้ามืด คลื่นไส้อาเจียนต่อมเหงื่อทำงานผิดปกติ เหงื่อออกมากหรือไม่มีเหงื่อออก มีอาการชักเกร็ง  และเป็นลมหมดสติ ผู้ที่มีความเสี่ยงจะเป็นฮีทสโตรกได้ง่ายๆก็คือผู้ที่ทำงานกลางแจ้งเป็นเวลานานๆ ใส่เสื้อผ้าที่ระบายอากาศได้ไม่ดี เช่น ทหารตำรวจ เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย พนักงานทำความสะอาด นักกีฬา เป็นต้น

การรักษาอาการฮีทสโตรกในกรณีที่ผู้ป่วยมีอาการไม่มากและยังรู้สึกตัวควรนำผู้ป่วยเข้าที่ร่มถอดเสื้อผ้าเพื่อระบายความร้อน ทำให้ผู้ป่วยมีอุณหภูมิเย็นลงด้วยวิธีใดก็ได้ เช่น  เป่าพัดลม วางถุงน้ำแข็งหรือผ้าเย็นที่เปียกบนศีรษะ คอ รักแร้ และขาหนีบ   วางผู้ป่วยในอ่างน้ำเย็นหรือฝักบัวเย็น แล้วฉีดละอองน้ำ  ขณะรอรถพยาบาล  กรณีที่ไม่สามารถทำให้ความร้อนลดลงได้จริง ๆอาจต้องใช้วิธีการล้างท้องหรือการสวนปัสสาวะด้วยน้ำเกลือเย็นก็ได้

วิธีดูแลป้องกันตัวเองหลีกเลี่ยงฮีทสโตรก  อ.นพ.อรรถสิทธิ์ได้ให้คำแนะนำแก่ประชาชนในการดูแลตัวเองให้ปลอดภัยจากฮีทสโตรกหรือโรคลมแดด โดยหลีกเลี่ยงการทำงานหรือกิจกรรมในที่โล่งแจ้งที่มีอากาศร้อนเป็นเวลานาน ๆ สวมเสื้อผ้าที่หลวมหรือบางเมื่อสัมผัสกับความร้อนหรือบริเวณที่อากาศถ่ายเทไม่สะดวก จิบดื่มน้ำบ่อย ๆ และให้เพียงพอเพื่อรักษาอุณหภูมิร่างกายให้ปกติ

สำหรับผู้ที่ออกกำลังกายหากรู้สึกว่าเกิดความผิดปกติของร่างกายขณะออกกำลังกาย ควรหยุดพักทันที หลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มที่กระตุ้นให้เกิดความร้อนในร่างกาย เช่น  เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ชา กาแฟ และเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลสูง

“หากพบเห็นผู้ที่มีอาการผิดปกติทางร่างกายเนื่องจากฮีทสโตรกโดยที่ผู้ป่วยยังรู้สึกตัวอยู่ สามารถปฐมพยาบาลเบื้องต้นโดยพาผู้ป่วยเข้าที่ร่ม ถอดเสื้อผ้าเพื่อระบายความร้อน และเรียกรถพยาบาลฉุกเฉินที่หมายเลข 1669 เพื่อให้ความช่วยเหลืออย่างทันท่วงที” อ.นพ.อรรถสิทธิ์ กล่าว.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'หมอโอ๋' มองดราม่าอัญเชิญพระเกี้ยว อย่าเห็นคนรุ่นใหม่เป็นศัตรู ขอให้รู้ผู้ใหญ่จะตายก่อน

พญ.จิราภรณ์ อรุณากูร หรือ หมอโอ๋ เจ้าของเพจ "เลี้ยงลูกนอกบ้าน" ได้โพสต์ข้อความทางเฟซบุ๊กว่าด้วยเรื่องอัญเชิญพระเกี้ยว