‘เสริมศักดิ์’เป็นประธานพิธีบวงสรวงเทพยดางาน’ใต้ร่มพระบารมี 242 ปี กรุงรัตนโกสินทร์’ เตรียมจัดบำเพ็ญกุศลอุทิศถวายสมเด็จพระบูรพมหากษัตริยาธิราชที่วัดโพธิ์ 21 เมษานี้
19 เม.ย.2567 – เวลา 08.19 น.นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม (รมว.วธ.) เป็นประธานในพิธีบวงสรวงเทพยดางาน “ใต้ร่มพระบารมี 242 ปี กรุงรัตนโกสินทร์” โดยมี พระมหาราชครูพิธีศรีวิสุทธิคุณ เป็นพราหมณ์ประกอบพิธีบวงสรวง พร้อมด้วยนางยุพา ทวีวัฒนะกิจบวร ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม นายชัยพล สุขเอี่ยม อธิบดีกรมการศาสนา นายพนมบุตร จันทรโชติ อธิบดีกรมศิลปากร ผู้บริหารกระทรวงวัฒนธรรม และผู้แทนหน่วยงานต่างๆ เข้าร่วมงาน ณ ลานสังคีต พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร
นายเสริมศักดิ์ กล่าวว่า กระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) บูรณาการความร่วมกับหน่วยงานรัฐ เอกชนและเครือข่ายวัฒนธรรมกว่า 20 หน่วยงาน จัดงานใต้ร่มพระบารมี 242 ปี กรุงรัตนโกสินทร์ ระหว่างวันที่ 21 – 25 เมษายน 2567 ณ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร โรงละครแห่งชาติ หอศิลป์ร่วมสมัยราชดำเนิน บริเวณพื้นที่รอบเกาะรัตนโกสินทร์ กรุงเทพฯ และวัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร เพื่อน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณและเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ปฐมกษัตริย์แห่งพระบรมราชวงศ์จักรีและพระมหากษัตริย์ไทยทุกพระองค์ในราชวงศ์จักรี และเพื่อให้เด็ก เยาวชน และประชาชนได้เรียนรู้ประวัติศาสตร์การสถาปนากรุงรัตนโกสินทร์ รวมทั้งส่งเสริมการท่องเที่ยวทางวัฒนธรรม ต่อยอดสร้างรายได้สู่ประชาชนและชุมชน กระตุ้นเศรษฐกิจประเทศ โดยในวันนี้จัดพิธีบวงสรวงเทพยดา ณ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร และวันที่ 21 เมษายน 2567 พิธีบำเพ็ญกุศลอุทิศถวายสมเด็จพระบูรพมหากษัตริยาธิราชพิธีตักบาตรพระสงฆ์ 99 รูป ณ วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม และพิธีสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ณ ศาลหลักเมือง กรุงเทพฯ
นายเสริมศักดิ์ กล่าวต่อว่า งานใต้ร่มพระบารมี 242 ปี กรุงรัตนโกสินทร์ จัดขึ้นระหว่างวันที่ 21-25 เมษายน 2567 แบ่งเป็น 2 พื้นที่หลัก ได้แก่ พื้นที่แรกพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร และโรงละครแห่งชาติ มีกิจกรรม อาทิ ซุ้มเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จบูรพกษัตริย์ในพระบรมราชจักรีวงศ์ การแสดงเฉลิมพระเกียรติ ชมพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนครในยามค่ำคืน (Night Museum) การแสดงศิลปวัฒนธรรม เช่น โขน เรื่อง รามเกียรติ์ ตอนพระรามราชสุริยวงศ์ การบรรเลงและขับร้องดนตรีสากล ลิเก เรื่อง วีรบุรุษแห่งสยาม โนรา ลำตัด การขับร้องเพลงโดยศิลปินอนันต์ ไมค์ทองคำ งิ้วเปลี่ยนหน้ามหัศจรรย์ มนตรา มายากล จำอวดหน้าม่าน และทุกวันมีการบรรเลงดนตรีไทย ดนตรีสากล รวมทั้งจัดตลาดย้อนยุคกรุงรัตนโกสินทร์ มีการสาธิตอาหารชาววังและอาหาร 1 จังหวัด 1 เมนู เชิดชูอาหารถิ่น ตลาดผลิตภัณฑ์วัฒนธรรมไทย (CPOT)
ส่วนพื้นที่ที่สอง กิจกรรม ณ หอศิลป์ร่วมสมัยราชดำเนิน มีกิจกรรมเสวนาทางวิชาการ หัวข้อ “กรุงเทพฯในความทรงจำ:พินิจวัด เวียง วัง ผ่านภาพถ่ายและภาพยนตร์” และ “ไม่บันทึกก็นึกไม่ออก : งานสมโภชพระนคร 200 ปี” กิจกรรมส่งเสริมคุณธรรมจากโลกเสมือนต่อยอดสู่โลกความจริง การแสดงดนตรีร่วมสมัย กิจกรรมสาธิตศิลปะร่วมสมัย การแสดงมายากลร่วมสมัย นิทรรศการสงกรานต์และเทศกาลทางน้ำในอาเซียน นายเสริมศักดิ์ กล่าวต่อไปว่า สำหรับปีนี้เป็นที่น่ายินดีว่ามีพิพิธภัณฑ์แหล่งเรียนรู้ทางวัฒนธรรมรอบเกาะรัตนโกสินทร์ 5 แห่งที่เข้าร่วมการจัดงานใต้ร่มพระบารมี 242 ปี กรุงรัตนโกสินทร์ เปิดให้ประชาชนเข้าชมนิทรรศการ โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ได้แก่ 1.พิพิธภัณฑ์ศาลาว่าการกลาโหม ชมสถาปัตยกรรมศิลปะพาลลาเดียนของอาคารโรงทหารม้าที่สร้างขึ้นในรัชกาลที่ 5 ก่อนจะเป็นศาลาว่าการกลาโหม นิทรรศการและวัตถุจัดแสดงที่เกี่ยวข้องกับประวัติความเป็นมาของศาลาว่าการกลาโหม สัมผัสและถ่ายรูปกับปืนใหญ่โบราณหน้าอาคาร
2.พิพิธภัณฑ์ตำรวจ วังปารุสกวัน นำชมวังฟังเรื่องราวประวัติศาสตร์ นิทรรศการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและพระบรมวงศานุวงศ์ที่ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณต่อกิจการตำรวจไทยและชมความสวยงามของตำหนักจิตรลดายามค่ำคืน และกิจกรรม Work Shop ทางศิลปวัฒนธรรม ได้แก่ งานตัดกระดาษ ทำตุงไส้หมู (พวงมโหตร) งานสเก็ตภาพลายเส้น สถาปัตยกรรมตำหนักจิตรลดา งานเครื่องสด อบรมการร้อยมาลัย โคมชำร่วย งานเครื่องหอมไทย อบรมการทำบุหงาในพัดโบก งานประดิษฐ์ดอกมะลิขึ้นรูป พวงมาลัยกุญแจ งานช่างศิลปะไทย อบรมการออกแบบลวดลายปูนปั้น ดนตรีในสวน “ชมวัง ฟังเพลง”และการแสดงการปฏิบัติหน้าที่ของสุนัขตำรวจ
3.พิพิธภัณฑ์เหรียญกษาปณานุรักษ์ เปิดให้เข้าชมนิทรรศการ “พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระผู้ปฏิรูปเหรียญกษาปณ์ไทย” นิทรรศการพิเศษ “เหรียญแห่งศรัทธา พุทธปฏิมารัตนโกสินทร์”และนิทรรศการกว่าจะมาเป็นพิพิธภัณฑ์เหรียญกษาปณานุรักษ์ มีทั้งรอบปกติและรอบพิเศษยามค่ำคืน
4.พิพิธบางลำพู ชมนิทรรศการถาวร นิทรรศการพิเศษ “ลำพูในบาง” และนิทรรศการ “บางลำพูไม่ลำพัง” มีทั้งรอบปกติและรอบพิเศษยามค่ำคืน กิจกรรมตามหาลายแทงขุมทรัพย์บางลำพู และ5.มิวเซียมสยาม ชมมิวเซียมสยาม ณ อาคารนิทรรศการถาวร “ถอดรหัสไทย” และร่วมกิจกรรมมองกล้องส่องประวัติศาสตร์ กิจกรรมทัวร์ใต้ดินกับภัณฑรักษ์และกิจกรรมนำชม Site Museum พิพิธภัณฑ์ใต้ดิน ณ ลานปฏิมากรรมรุ้งและMRT สนามไชย
นอกจากนี้ วธ.ยังร่วมกับวัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร จัดงานวัดพัฒนาประชาคม ไหว้พระรับพรย้อนวันวาน สารพันอาหารย่านกะดีจีน-คลองสาน ซึ่งจัดขึ้นตั้งแต่วันที่ 19 – 23 เมษายน 2567 ณ วัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร กรุงเทพฯ มีกิจกรรมไหว้พระรับพร เสริมสิริมงคล การแสดงศิลปวัฒนธรรม การประกวดร้องเพลงลูกทุ่งและเพลงลูกกรุง กิจกรรมท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม “ปั่นจักรยานเที่ยววัดยามค่ำคืน” การประกวดอาหารสามศาสน์ การสาธิตภูมิปัญญาด้านอาหารและการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ทางวัฒนธรรม ทั้งนี้ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนวัฒนธรรม 1765
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
วธ.จัดมหกรรม‘ปลาร้า หมอลำอีสาน’ ยกระดับวัฒนธรรมพื้นบ้านให้ดังก้องโลก
กระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) ร่วมกับจังหวัดขอนแก่น การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และภาคเอกชนระดับประเทศ อาทิ หอการค้าไทยสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย บริษัท
สุดม่วน! วธ.จัด ‘หมอลำเฟสติวัลร้อยแก่นสารสินธุ์’ หนุนยูเนสโกขึ้นทะเบียนมรดกวัฒนธรรมจับต้องไม่ได้
กระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) ร่วมกับจังหวัดขอนแก่น การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และภาคเอกชนระดับประเทศ อาทิ หอการค้าไทยสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย บริษัท ขอนแก่น อินโนเวชั่น เซ็นเตอร์ จำกัด Sustainable Brands (SB) Thailand และ บริษัท
พิกัด 11 วัด งานอารามอร่ามประดับไฟรับปีใหม่
เพื่อส่งมอบความสุขปลายปีและเสริมสิริมงคลแก่ชีวิต กระทรวงวัฒนธรรม(วธ.) จัดกิจกรรม “อารามอร่าม 11 วัด 1 โบสถ์พราหมณ์1 พิพิธภัณฑ์ ประดับไฟฉลองต้อนรับเทศกาลปีใหม่ 2568 “ ถือเป็นอีกหมุดหมายที่ห้ามพลาดและไม่ได้จัดเป็นประจำ เพราะ
ฉลอง'ต้มยำกุ้ง' กระหึ่มโลก ชวนลองเมนูมรดกวัฒนธรรม
โด่งดังก้องโลกกับเมนูต้มยำกุ้งของดีเมืองไทย กระทรวงวัฒนธรรม โดยกรมส่งเสริมวัฒนธรรม จัดงานฉลองต้มยำกุ้งและเคบายา มรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของมนุษยชาติ ในโอกาสที่ ยูเนสโก ได้ประกาศขึ้นทะเบียน “ต้มยำกุ้ง” (Tomyum Kung) และ “เคบายา” เป็นรายการตัวแทนมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติ (Representative List
แสดง'โขน-โนรา'สานสัมพันธ์ที่เขมร
25 พ.ย.2567 - นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เปิดเผยว่า กระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) มีนโยบายนำมิติทางศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรมมาส่งเสริมความร่วมมือและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศและสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้แก่ประเทศไทยในภูมิภาคอาเซียนและเวทีนานาชาติ