'สูงวัยไร้ฟัน'...ฝันร้ายที่รอการช่วยเหลือ เติมเต็มรอยยิ้ม

นางสาวอุบลรัตน์ สุนทรพิทักษ์กุล ผู้เข้าร่วมโครงการเพราะรอยยิ้มไม่ควรต้องรอ ความสุขก็เช่นกัน” (Smiles Can’t Wait)

ภาพจำในสายตาคนทั่วไปว่า “การไม่มีฟัน” เป็นเรื่องปกติของผู้สูงวัย แต่แท้จริงแล้วประเด็น “สูงวัยไร้ฟัน” เป็นเรื่องที่ทุกคนสามารถมีส่วนร่วมในการช่วยเหลือและบรรเทาปัญหาให้ลดลงได้ เพราะการไม่มีฟัน นอกจากลดประสิทธิภาพในการช่วยบดเคี้ยวอาหารแล้ว ยังเป็นบ่อเกิดของปัญหาด้านสุขภาพอื่นๆ ตามมา ทั้งโรคขาดสารอาหาร เบาหวาน ความดัน ท้ายที่สุดกลายเป็นปัญหาเรื้อรัง

ตั้งแต่ปี 2566 ที่ผ่านมา ประเทศไทยก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ (Aging Society) อย่างเต็มรูปแบบ โดยจากข้อมูลของกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย ระบุว่า ในปี 2566 ประเทศไทยมีประชากรที่มีอายุมากกว่า 60 ปี ประมาณ 13 ล้านคน คิดเป็น 1 ใน 5 ของจำนวนประชากรทั้งประเทศ จากจำนวนประชากรผู้สูงอายุที่เพิ่มมากขึ้น ทำให้หลายภาคส่วนหันมาให้ความสำคัญกับโรคต่างๆ ในผู้สูงอายุ อาทิ เบาหวาน ความดัน โดยหนึ่งในปัญหาสุขภาพที่มักถูกมองข้าม จนอาจเปรียบได้กับฝุ่นใต้พรมที่รอการมองเห็น นั่นก็คือ ปัญหาสุขภาพช่องปากและฟัน

รศ.ดร.ทพ.ชูชัย อนันต์มานะ

รศ.ดร.ทพ.ชูชัย อนันต์มานะ หัวหน้าภาควิชาทันตกรรมประดิษฐ์ รองคณบดีฝ่ายพัฒนาคุณภาพคณะทันตแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล  กล่าวว่า แม้วันนี้ประเทศไทยจะได้รับการยอมรับในระดับสากลว่าเป็นหนึ่งในประเทศที่ให้ความสําคัญกับเรื่องสุขภาพและระบบสาธารณสุข รวมไปถึงสุขภาพช่องปากและฟัน  โดยมีโครงการในระดับชาติหลายโครงการที่มุ่งส่งเสริมสุขภาพช่องปากในกลุ่มผู้สูงอายุชาวไทย และการดูแลด้านทันตกรรมที่รวมอยู่ในความครอบคลุมของระบบประกันสังคม แต่ก็ยังพบว่า กว่า 58% ของผู้สูงอายุในประเทศไทยที่มีอายุระหว่าง 60-74 ปี ต้องเผชิญกับปัญหาการสูญเสียฟัน ส่งผลให้มีฟันตามธรรมชาติเหลือน้อยกว่า 20 ซี่

 คุณหมอชูชัย กล่าวอีกว่า สาเหตุหลักที่ทำให้ผู้สูงอายุ สูญเสียฟันไปหลายซี่   ก็เพราะคนไทยส่วนใหญ่ยังขาดความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการรักษาสุขภาพในช่องปากและฟันอย่างถูกวิธีตั้งแต่ในวัยเด็ก ทำให้ละเลยต่อการใส่ใจในสุขภาพช่องปากและฟัน ส่งผลเป็นห่วงโซ่สำคัญที่ทำให้ต้องสูญเสียฟันอย่างถาวรเมื่อมีอายุมากขึ้น

ชุดฟันเทียม

การที่ผู้สูงอายุต้องสูญเสียฟัน ได้ส่งผลกระทบโดยตรงต่อปัญหาสุขภาพหลายมิติ อย่างคาดไม่ถึง  รศ.ดร.ทพ.ชูชัย อธิบายว่า เนื่องจากช่องปากถือเป็นปราการด่านแรกของการนำสารอาหารเข้าสู่ร่างกาย เมื่อผู้สูงอายุไม่สามารถบดเคี้ยวอาหารที่มีประโยชน์อย่างที่เคยรับประทานได้ ผู้สูงอายุก็จะเลือกบริโภคอาหารอ่อนๆ อย่าง ข้าวต้ม โจ๊ก น้ำซุป แทน ทำให้ร่างกายไม่ได้รับสารอาหารครบทั้ง 5 หมู่ รวมถึงได้อาจได้รับสารอาหารบางประเภทเกินความต้องการที่ร่างกายจะนำไปใช้ เช่น อาหารประเภทแป้งหรือคาร์โบไฮเดรต แป้งส่วนเกินจะเปลี่ยนเป็นน้ำตาลแทน ทำให้มีความเสี่ยงในการเกิดโรคเบาหวาน และโรคอื่นๆ ตามมา ตั้งแต่โรคขาดสารอาหาร โรคอ้วน นอกจากนี้ ยังมีงานวิจัยพบว่า การได้บดเคี้ยวอาหารมีส่วนช่วยทำให้สมองทำงานได้ดีขึ้น ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคสมองเสื่อมได้ ผู้สูงอายุที่สูญเสียฟัน จึงมีความเสี่ยงต่อโรคสมองเสื่อมมากกว่าคนทั่วไปด้วย

“การสูญเสียฟัน นอกจากปัญหาด้านสุขภาพกายแล้ว เราพบว่า ในผู้สูงอายุ ก็มีปัญหาด้านสุขภาพใจที่น่าเป็นห่วงไม่แพ้กัน เพราะผู้สูงอายุจะขาดความมั่นใจในการเข้าสังคม การใช้ชีวิตประจำวัน ไม่กล้าพบปะสังสรรค์กับเพื่อนฝูงหรือครอบครัวอย่างที่เคยเป็น เนื่องจากรู้สึกอายที่จะพูดหรือยิ้ม ผู้สูงอายุหลายคนจึงเลือกที่จะใช้เวลากับตัวเองและอยู่บ้านเพียงลำพัง จนอาจส่งผลให้เกิดปัญหาทางสุขภาพจิตตามมาในภายหลัง”รศ.ดร.ทพ.ชูชัยกล่าว

ในยุคนี้“ชุดฟันเทียม” น่าจะเป็นทางออกทีดีแก่ “กลุ่มผู้สูงวัยไร้ฟัน” จากแต่ก่อนที่มีความเชื่อว่า  “การใส่ฟันเทียม” เป็นเรื่องน่าอาย ใส่ก็ยุ่งยาก คุณหมอชูชัย บอกว่า ปัจจุบันไม่ได้เป็นอย่างที่เชื่อต่อๆกันมา  แต่การไม่มีฟันต่างหากเป็นปัญหาในการใช้ชีวิตอย่างมีคุณภาพ   การทำชุดฟันเทียม จึงเป็นทางออกที่ดีที่สุด แต่การทำชุดฟันเทียมแต่ละครั้ง มีค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง ขั้นต่ำคือหลักพันบาท ไม่รวมค่าเดินทางมาพบหมอ ค่าตรวจ ค่าเอ็กซเรย์ต่างๆ ยิ่งโรงพยาบาลเอกชนหรือคลินิกยิ่งมีค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้น ผู้สูงอายุส่วนใหญ่จึงเลือกที่จะไปทำกับโรงพยาบาลของรัฐแทน เนื่องจากมีค่าใช้จ่ายที่ถูกกว่า แต่ก็ต้องยอมแลกกับคิวที่ยาว ส่งผลให้มีจำนวนผู้สูงอายุรอคิวทำชุดฟันเทียมอีกหลายแสนราย

คุณหมอชูชัย กล่าวอีกว่า ด้วยความห่วงใยและความตระหนักต่อปัญหาดังกล่าว ทางโรงพยาบาล จึงร่วมมือกับ เฮลีออน ในประเทศไทย (Haleon) ผู้นำด้านผลิตภัณฑ์ดูแลสุขภาพ  ต่อยอดแคมเปญ “เพราะรอยยิ้มไม่ควรต้องรอ ความสุขก็เช่นกัน” (Smiles Can’t Wait) เพื่อเปิดรับบริจาคทุนเพื่อจัดทำฟันเทียมให้กับผู้สูงอายุที่ขาดโอกาสจริง โดยเมื่อปีที่ผ่านมาได้รับการตอบรับจากประชาชน สามารถช่วยเหลือผู้สูงอายุที่ขาดโอกาสและค่าใช้จ่ายในการทำฟันเทียมได้เป็นอย่างดี

นางสาวอุบลรัตน์ สุนทรพิทักษ์กุล หรือพี่อุบลรัตน์ วัย 67 ปี  ผู้ได้รับฟันเทียมจากโครงการนี้“เพราะรอยยิ้มไม่ควรต้องรอ ความสุขก็เช่นกัน” เล่าถึงประโยชน์จากการได้รับฟันเทียมจากแคมเปญนี้ว่า  การมีฟันช่วยคืนวิถีชีวิตในอดีตของพี่ให้กลับคืนมา สมัยเด็กไม่ค่อยได้ให้ความสำคัญกับเรื่องการแปรงฟัน คิดว่าไม่น่าเป็นอะไร ทำให้เมื่ออายุเพิ่มมากขึ้นเกิดปัญหาฟันผุเรื้อรัง  ตอนที่ไม่มีฟันเวลาทานอาหารก็ยากมาก ต้องใช้ลิ้นช่วยดุน ทำให้เลือกที่จะทานอาหารอ่อนๆ อย่างโจ๊กหรือข้าวต้ม แล้วเวลาจะออกไปข้างนอกก็ไม่มั่นใจ ไม่กล้ายิ้ม ไม่กล้าออกไปพบปะผู้คน แต่พอได้มาพบคุณหมอ คุณหมอแนะนำให้เข้าร่วมแคมเปญ ได้ใส่ชุดฟันเทียมของตัวเอง โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ทำให้การใช้ชีวิตกลับมายิ้มกว้างเหมือนเดิม ได้ทานผลไม้ที่ชอบอย่าง แอปเปิ้ล ฝรั่ง ใช้ชีวิตง่ายขึ้น มีความสุขมากขึ้น แคมเปญนี้ช่วยเติมเต็มรอยยิ้มและชีวิตที่มีความสุขแบบนี้  

ทีมแพทย์

เช่นเดียวกับ นายสุรเดช ปลื้มจิตร หรือพี่โอม ผู้มีปัญหาสุขภาพช่องปากและฟันตั้งแต่อายุ 30 ปีต้นๆ เนื่องมาจากความไม่ใส่ใจในการดูแลรักษาสุขภาพช่องปากและฟัน ทำให้มีฟันผุสะสม ส่งผลต่อรากฟัน ประกอบกับพฤติกรรมส่วนตัวในการบริโภคที่ไม่ระมัดระวังในการบดเคี้ยวอาหาร ชอบแทะของแข็งอย่างกระดูกไก่ ทำให้เกิดปัญหาฟันแตก จึงต้องเข้ารับการรักษา โดยการอุดฟัน รักษารากฟัน ครอบฟัน และถอนฟันบางส่วนออก พร้อมกับต้องใส่ฟันเทียมใหม่ 4 ซี่ เพื่อไม่ให้ฟันซี่อื่นล้ม

“โชคดีที่ได้ฟันเทียมจากแคมเปญ Smiles Can’t Wait ลำพังหากทำครบก็คงใช้เงินหลายหมื่นบาท ซึ่งเป็นเงินจำนวนมากจนส่งผลให้ชะลอการทำฟันเทียม กระทบสุขภาพ แต่พอได้เข้าแคมเปญ ช่วยลดค่าใช้จ่ายได้มาก แถมยังคืนความสุขในการใช้ชีวิตให้กลับมาเป็นเหมือนเดิมได้อีกด้วย หลังจากนี้จะให้ความสำคัญกับการดูแลรักษาสุขภาพช่องปากและฟันให้มากขึ้น เพราะการไม่มีฟันคือฝันร้ายของการใช้ชีวิต ดังนั้นจึงอยากเชิญชวนให้ผู้ที่พอมีกำลังทรัพย์ ร่วมสมทบทุนให้กับผู้สูงอายุ และผู้ขาดโอกาสเข้าถึงชุดฟันเทียม เพื่อให้กลับมามีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น มีความสุขในทุกช่วงเวลา” พี่โอม กล่าวทิ้งท้าย

ยังมี “ผู้สูงอายุไร้ฟัน” อีกหลายราย ที่รอการเติมเต็มใส่ใจในสุขภาพช่องปากและฟัน ทางโครงการ “เพราะรอยยิ้มไม่ควรต้องรอ ความสุขก็เช่นกัน” (Smiles Can’t Wait) ขอเดินหน้าเต็มกำลัง โดยปักหมุดวันผู้สูงอายุ วันที่ 13 เมษายน 2567 เป็นวันที่เปิดให้ประชาชนร่วมบริจาคสมทบทุนจัดทำฟันเทียมให้กับผู้สูงอายุเป็นวันแรก

สำหรับประชาชนที่สนใจ สามารถร่วมสมทบทุน โดยการสแกน QR CODE ของโรงพยาบาลผู้เชี่ยวชาญด้านทันตกรรมชั้นนำที่เข้าร่วมโครงการ ประกอบด้วย โรงพยาบาลทันตกรรม คณะทันตแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล, กองทันตกรรม โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า, โรงพยาบาลคณะทันตแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย หรือติดต่อมูลนิธิ โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า เพื่อสอบถามรายละเอียดได้ที่ โทร 02-354-3699

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง