'Austrian Lifestyle Week 2024'ออสเตรีย-ไทย ฉลองครบรอบความสัมพันธ์ 155 ปี

นายวิลเฮ็ล์ม มัคซีมีลีอาน ด็องโค เอกอัครราชฑูตออสเตรีย กล่าวเปิดงาน

สถานเอกอัครราชทูตออสเตรีย กรุงเทพฯ ร่วมกับสำนักงานการท่องเที่ยวแห่งชาติออสเตรีย (Austrian National Tourist Office) และสถานเอกอัครราชทูตออสเตรียแผนกพาณิชย์ (Advantage Austria) จัดงาน ‘Austrian Lifestyle Week 2024’ โดยมี 3 ธีมที่เป็นไฮไลท์สำคัญ (ศาสตร์การทำอาหาร ไวน์ แฟชั่น) เพื่อเน้นย้ำถึงความมีชีวิตชีวาของออสเตรีย และวัฒนธรรมอันอุดมสมบูรณ์ เมื่อช่วงปลายเดือนมีนาคม ( 18-24 มีนาคม 2567) เพื่อเฉลิมฉลองวันครบรอบความสัมพันธ์ของประเทศไทยและออสเตรีย รวมถึงความสัมพันธ์อย่างเป็นทางการ 155 ปีระหว่างทั้งสองประเทศ และ 70 ปีของการมีสถานฑูตออสเตรเลียในกรุงเทพฯ และสถานฑูตไทยในเวียนนา ตามลำดับ

เพื่อแสดงถึงความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับออสเตรีย ที่มีมายาวนาน ไฮไลท์ของงาน Austrian Lifestyle Week 2024 ในวันแรก จึงมีการแข่งขันทำอาหารกระชับมิตร  ระหว่างเชฟชาวออสเตรีย Max Stiegl ซึ่งเป็นเชฟมิชลินที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ โดยเขาได้มิชลินสตาร์ ตั้งแต่อายุ 19 ปี ผู้มีจุดยืนในการทำอาหารว่าจะต้องไม่เหลือทิ้งวัตถุดิบส่วนใดก็ตาม  เพื่อให้สิ่งที่ได้มาในการทำอาหารมีความคุ้มค่า และเกิดความยั่งยืน สไตล์อาหารของเขา  เป็นออสเตรียแบบดั้งเดิมโดยการผสมผสานประเพณีการทำอาหารฝรั่งเศสควบคู่ไปกับอาหารสไตล์บูร์เกนลันด์ (Burgenland) ที่ยั่งยืน ทำให้เกิดความสร้างสรรค์ในอาหารออสเตรียแบบดั้งเดิม  และเขายังได้โชว์ฝีมือในเทศกาล Sautanz (หรือ ‘Sow Dance’) ประจำปี ซึ่งถือเป็นเรื่องในตำนาน นั่นคือการนำหมูมาประกอบอาหารในทุกส่วนเพื่อเป็นการแสดงถึงการรู้คุณของวัตถุดิบ

เมนูแรกทอดมันปูของเชฟมาโนช และViennese vegetable terrine ของเชฟแม็กซ์

ชื่อเสียงของเชฟแม็กซ์โด่งดังมาก ถึงขนาดที่ชาว Epicureans รวมถึงแอนโทนี บูร์เดน (Anthony Bourdain) ผู้ล่วงลับ ได้เดินทางจากทั่วทุกมุมโลกเพื่อลิ้มลองอาหารจานพิเศษที่เป็นนวัตกรรมใหม่ของเชฟ แม็กซ์  ซึ่งเขาให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับวัตถุดิบตามฤดูกาลของภูมิภาคในการรังสรรค์เมนูของเขา ซึ่งร้านอาหารของเชฟแม็กซ์ เสิร์ฟเมนูปลาสดจากทะเลสาบ Neusiedl ที่อยู่ใกล้เคียง เนื้อสัตว์ป่าจากเทือกเขา Leitha เนื้อแกะจากฟาร์มของเขา สัตว์ปีกจากเพื่อนบ้านใกล้เคียง และสมุนไพรจากสวนส่วนตัวของเขาเอง

ส่วนเชฟชาวไทย มาโนช พึ่งพร้อม  จากเวทีมาสเตอร์เชฟ   ที่นำเสนอความเป็นไทยในอาหาร โดยเชฟมาโนชเชื่อว่าหัวใจของอาหารไทยคือการผสมผสานที่ลงตัวระหว่างรสชาติดั้งเดิม วัตถุดิบคุณภาพ และเทคนิคการทำอาหารขั้นสูง ความหลงใหลของเขาคือการค้นหาการผสมผสานที่ลงตัวและความสมดุลของรสชาติไทยที่มีทั้งรสหวาน เผ็ด เปรี้ยว และเครื่องเทศต่าง ๆ โดยการใช้วัตถุดิบจากท้องถิ่น

ผัดไทย กุ้งแม่น้ำ ของเชฟมาโนช กับ ซุปของเชฟแม็กซ์ 

กิจกรรมของงานที่มีเรื่องของอาหาร ไวน์ และแฟชั่น ล้วนเป็นสิ่งที่สอดคล้องกับการให้ความสำคัญเรื่อง Soft Power ของประเทศไทย และแสดงให้เห็นถึงความเป็นSoft Power ของออสเตรีย ด้วยในเวลาเดียวกัน นายวิลเฮ็ล์ม มัคซีมีลีอาน ด็องโค (H.E. Mr.Wilhelm Maximilian Donko) เอกอัครราชฑูตออสเตรีย ประจำประเทศไทย กล่าวเปิดงานว่า สำหรับออสเตรีย ถือว่า Soft Power เป็นสิ่งที่ซ่อนอยู่ในการทำธุรกิจ และเป็นสิ่งที่ยั่งยืนของออสเตรีย ไม่ว่าจะเป็นวัฒนธรรมอาหารออสเตรีย ที่เป็นมรดกสั่งสมสืบทอดกันมาเป็นเวลาหลายร้อยปี หรือการทำไวน์ ที่ถ่ายทอดกันมาหลายชั่วอายุคนเช่นกัน จนปัจจุบันมาถึงมือรุ่นลูก ที่ทำให้ความรุ่งโรจน์ในอดีตของไวน์ออสเตรียกลับคืนมา ขณะที่ในด้านแฟชั่นก่อนปี1880 เวียนนาเคยเป็นเมืองแฟชั่นก่อนปารีส ปัจจุบันออสเตรียมีดีไซน์เนอร์ที่เป็นที่ยอมรับและรู้จักทั่วโลก ทั้ง3 สิ่งที่กล่าว จึงเป็นกิจกรรมที่มานำเสนอในAustrian Lifestyle Week 2024  ในประเทศไทย

เมนูอาหารที่นำเสนอมีทั้งที่เป็นของไทยและออสเตรีย สองเมนูแรกเป็นการเรียกน้ำย่อยคือ ทอดมันปู ของเชฟมาโนช แลของ เสิร์ฟพร้อมไวน์ Wiener Germuse Terrine เมนูที่สองเป็นพวกซุป อาหารไทยเป็นก๋วยเตี๋ยวสุโขทัย ส่วนออสเตรีย เป็น Cheese dumping soup เมนูที่สาม เป็นMain Course ของไทยคือ ผัดไทยกุ้งแม่น้ำ ส่วนทางออสเตรีย เป็นซุปออสเตรีย ที่มีเบคอนเป็นส่วนประกอบ เมนูที่สี่ ฝ่ายไทยเป็นมัสมั่นเนื้อแกะ ส่วนออสเตรียเป็นซุปที่รวมวัตถุดิบหลากหลายไว้ด้วยกัน  ตบท้ายด้วยของหวาน เชฟมาโนช ได้นำเสนอส้มฉุน ขนมหวานไทยตำรับโบราณตั้งแต่สมัยรัชกาลที่สอง ส่วนประกอบหลักคือส้ม ผิวส้มซ่า และหอมเจียว ที่รวมกันแล้วจะให้กลิ่นที่หอมผสมผสาน ถึงเรียกว่าส้มฉุน เสริฟมาพร้อมก้บควันของน้ำแข็งแห้ง เพื่อให้ขนมมีความเย็นสดชื่นเมื่อมาถึงผู้รับประทาน ส่วนทางฝั่งเชฟ แม็กซ์ เป็นไอศครีม ที่รสชาติกลมกล่อมอย่างมาก

ไวน์ชั่นเยี่ยม จากออสเตรียที่เสิร์ฟ พร้อมอาหาร

ตั้งแต่ต้นจนจบคอร์สทุกเมนู มีการเสิร์ฟไวน์ ออสเตรีย ที่หลากหลาย ไม่ต่ำกว่า10  ชนิด บางชนิดมีสีชมพูสวย หรือสีเหลืองอร่าม  รสชาติละมุนลิ้น  เพื่อเพิ่มรสชาติให้กับอาหารเมนูไทยและออสเตรีย

บรรยากาศการแข่งขัน มีการโหวตให้คะแนนแต่ละเมนูหลังที่แขกรับเชิญรับประทานเสร็จ โดยมีพัดติดตราธงออสเตรีย และไทย เป็นตัวให้คะแนน ใครชอบเมนูไหนก็หันพัดธงประเทศนั้น มีการผลัดกันแพ้ ผลัดกันชนะ ภาพรวมของงานนอกจากอิ่มอร่อยแล้ววจึงสนุกสนาน เป็นอย่างมาก

บรรยากาศการยกพัดให้คะแนน

เอ็มมานูเอล เลห์เนอร์-เทลิค (Emanuel Lehner-Telic) ผู้อำนวยการสำนักงานการท่องเที่ยวแห่งชาติออสเตรีย กล่าวว่า  การแข่งขันทำอาหารไทย-ออสเตรียจะเปิดโอกาสให้คนไทยได้ค้นพบประเพณีการทำอาหารอันยอดเยี่ยมของออสเตรีย  การจัดงานครั้งนี้เป็นการเชิญชวนให้ทุกคนได้เพลิดเพลินไปกับกิจกรรมหลากหลายภายในงานและสัมผัสถึงเสน่ห์ของประเทศออสเตรีย ไม่ว่าจะเป็นอาหารเลิศรส ภูมิประเทศที่น่าตื่นตาตื่นใจ ตลอดจนศิลปะและวัฒนธรรมที่มีอยู่มากมาย การท่องเที่ยวด้านอาหารของออสเตรียกำลังได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เนื่องจากความขึ้นชื่อเรื่องอาหารที่มีคุณภาพสูงและความใส่ใจด้านความยั่งยืน ซึ่งได้รับอิทธิพลจากประเทศในแถบยุโรปหลายแห่ง

สองเชฟ Max Stiegl  เชฟมิชลินสตาร์ จากออสเตรีย และเชฟมาโนช พึ่งพร้อม เชฟไทยมือระดับรางวัล

ในวันที่สองของงานAustrian Lifestyle Week 2024 ที่ผ่านมา  ยังเป็นกิจกรรมและนิทรรศการเกี่ยวไวน์ของออสเตรีย ส่วนวันที่สาม เป็นงานแสดงแฟชั่นโชว์ออสเตรียที่จะจัดขึ้น (Austrian Fashion Show) จะเน้นเทรนด์สไตล์ล่าสุดในโอต์กูตูร์ (Haute couture) โดยมีคอลเลกชันพิเศษจาก Conches, Plural และ Thang de Hoo จากออสเตรีย และคุณเอก ทองประเสริฐ (Ek Thongprasert), Wonder Anatomie และ Sirintra จากประเทศไทย การแสดงนี้จะเปิดโอกาสให้ผู้ที่มาร่วมงานได้ค้นพบการออกแบบและเนื้อผ้าที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและก่อให้เกิดความยั่งยืนจากทั้งสองประเทศ รวมไปถึงผลิตภัณฑ์แฟชั่นระดับพรีเมียมอื่น ๆ อีกมากมาย.

แฟชั่นโชว์ที่มีวันสุดท้ายของเทศกาล

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

วิธีเก็บรักษาไวน์ 5 ประเภท เก็บไวน์อย่างไรให้คงคุณภาพดีและไม่เสียรสชาติ

WINE - ไวน์ เป็นเครื่องดื่มที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่าหลายพันปี ด้วยเสน่ห์และความน่าหลงไหลของรสชาติทำให้ไวน์ถูกยกให้เป็นเครื่องดื่มที่น่าสนใจในหลายแง่มุม ตั้งแต่กระบวนการผลิต สายพันธุ์องุ่น และมิติรสชาติ

ดักจับสาวใหญ่ ขนไวน์หนีภาษี 40 ลัง

กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง นำโดย พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการสอบสวนกลาง (ผบช.ก.) พล.ต.ต.เอกราช ลิ้มสังกาศ ผู้บังคับการตำรวจทางหลวง ( ผบก.ทล.) พ.ต.ต.พร้อมพล นิตย์วิบูลย์ สว.ส.ทล.4 กก.3 (จันทบุรี) ร่วมกันจับกุม