พระสงฆ์และพุทธศาสนิกชนได้เดินทางไปสัมผัสสถานที่จริงที่สังเวชนียสถาน 4 ตำบล ซึ่งเกี่ยวข้องกับพุทธประวัติ 4 แห่ง สถานที่ประสูตร สถานที่ตรัสรู้ สถานที่แสดงปฐมเทศนา และสถานที่ปรินิพพาน ในประเทศอินเดียและเนปาลอีกครั้งจากการเข้าร่วมโครงการส่งเสริมพระสงฆ์และพุทธศาสนิกชนเดินทางไปประกอบศาสนกิจ ณ สังเวชนียสถาน ประจำปี 2567 โดยกระทรวงวัฒนธรรม กรมการศาสนา (ศน.) ระหว่างวันที่ 20 – 29 มีนาคม 2567 โดยแบ่งเป็น 2 รุ่น หลังจากโครงการนี้หยุดชะงักไปหลายปี เพราะสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด-19
โอกาสนี้ นางยุพา ทวีวัฒนะกิจบวร ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม พร้อมด้วยนายชัยพล สุขเอี่ยม อธิบดีกรมการศาสนา และ ดร.ธนกร ศรีสุขใส ผู้จัดการกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ เข้าร่วมเดินทางไปประกอบศาสนกิจในรุ่นที่ 1 โดยมีพระวิเทศวัชราจารย์ เจ้าอาวาสวัดสิทธารถราชมณเฑียร สาธารณรัฐอินเดีย พระธรรมทูตสายอินเดีย-เนปาล นำประกอบศาสนกิจไปกราบไหว้บูชาพระพุทธเจ้า ณ ดินแดนพุทธภูมิ สัมผัสกับดินแดนต้นกำเนิดของพระพุทธศาสนา โอกาสนี้ผู้บริหาร วธ.ติดตามผลการดำเนินงานเผยแผ่พระพุทธศาสนาของวัดไทยในอินเดียและเนปาล โดยมีการแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็น รับฟังข้อเสนอแนะจากพระสงฆ์ ทั้งเจ้าอาวาส พระธรรมทูต ที่พำนักอยู่ในวัดไทยด้วย
นางยุพา ทวีวัฒนะกิจบวร ปลัด วธ. กล่าวว่า การส่งเสริมให้พระสงฆ์และเครือข่ายทางพระพุทธศาสนาได้เดินทางไปศึกษาพระพุทธศาสนาจากดินแดนพุทธภูมิตามปรากฏในพุทธประวัติและร่วมประกอบศาสนกิจ ณ สังเวชนียสถาน เพื่อน้อมรำลึกถึงพระกรุณาคุณ พระปัญญาคุณ และพระบริสุทธิคุณของสัมมาสัมพุทธเจ้า ก่อให้เกิดความเลื่อมใสศรัทธาในพระพุทธศาสนา และนำสิ่งที่ได้รับรู้กลับไปถ่ายทอดหรือเผยแผ่พระธรรมให้กับพุทธศาสนิกชนที่ไม่มีโอกาสเดินทางไปสังเวชนียสถาน โดยเฉพาะเด็กและเยาวชน
นางยุพา กล่าวด้วยว่า ปีนี้ ศน.เน้นพระภิกษุเมื่อกลับจากประกอบศาสนกิจฯ แล้วจะเสนอโครงการหรือกิจกรรมเกี่ยวกับการเผยแผ่พระพุทธศาสนาในพื้นที่ต่างๆ ทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาคให้แก่ ศน. ที่มุ่งปรับเปลี่ยนรูปแบบวิธีการเผยแผ่ในรูปแบบที่หลากหลายสอดคล้องกับความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย และเป็นประโยชน์ต่อการเผยแผ่พระพุทธศาสนาอย่างถูกต้องและเหมาะสม ส่วนพุทธศาสนิกชนที่เข้าร่วมก็เกิดความศรัทธาและเชื่อมั่นในความรู้เกี่ยวกับพุทธประวัติที่ได้รับมากขึ้น ที่สำคัญปีนี้เป็นปีมหามงคลเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 จะมีอีกหลายโครงการดำเนินงานในมิติศาสนา ทำให้เกิดความเข้าใจและความศรัทธาในพระพุทธศาสนามากขึ้น
“ จากโครงการครั้งนี้จะศึกษาการจัดเส้นทางประกอบศาสนกิจ 4 สังเวชนียสถาน เพื่อนำมาเป็นแนวทางจัดทำเส้นทางประกอบศาสนกิจในประเทศไทยที่ได้จำลองขึ้นเช่นเดียวกับอินเดีย มุ่งให้คนไทย และชาวต่างชาติ ได้มีโอกาสเข้าถึงพระพุทธศาสนาได้ง่ายขึ้น ซึ่งต้องผลักดันสร้างการรับรู้ให้คนทั่วโลกได้ทราบว่า นอกจากอินเดียแล้ว ยังมีเส้นทางการท่องเที่ยวประกอบศาสนกิจในประเทศไทยด้วย อีกทั้งจะขยายเส้นทางการท่องเที่ยวมิติศาสนาในจังหวัดต่างๆ ซึ่งจะทำคู่ขนานกับโครงการตามเส้นทางธรรมแห่งศรัทธา สู่การสร้างรายได้ ช่วยดึงคนต่างชาติมาเที่ยวประเทศไทยให้มากขึ้นต่อไป “ ปลัด วธ. กล่าว
ด้าน นายชัยพล สุขเอี่ยม อธิบดี ศน. กล่าวว่า ศน.ดำเนินโครงการส่งเสริมพระสงฆ์และพุทธศาสนิกชนไปประกอบศาสนกิจที่สังเวชนียสถาน 4 ตำบล มาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2558 จนถึงปัจจุบัน มุ่งให้เกิดการเรียนรู้และนำบทเรียนที่ได้สัมผัสจากประสบการณ์จริงโดยตรง เรานำพระสงฆ์ ซึ่งมีบทบาทพระธรรมวิทยากร พระสงฆ์ที่ปฏิบัติงานในศูนย์ศึกษาพระพุทธศาสนาวันอาทิตย์ พระสงฆ์ที่ขับเคลื่อนโครงการพลังบวรในมิติศาสนา และพุทธศาสนิกชน 70 รูป/คน จะได้ไปประกอบศาสนกิจในสถานที่ประสูติ ณ สวนลุมพินี เมืองกบิลพัสดุ์ รัฐลุมพินี เนปาล สถานที่ตรัสรู้ ณ บริเวณต้นพระศรีมหาโพธิ์ ตำบลอุรุเวลาเสนานิคม ปัจจุบันเรียกว่า “พุทธคยา” เมืองคยา รัฐพิหาร อินเดีย สถานที่แสดงปฐมเทศนา “ธัมมจักกัปปวัตตนสูตร” ณ ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน ปัจจุบันเรียกว่า สารนาถ เมืองพาราณสี รัฐอุตตรประเทศ อินเดีย สถานที่เสด็จดับขันธปรินิพพาน ณ สาลวโนทยาน เมืองกุสินารา ปัจจุบันเรียกว่า กุสินาคาร์ เมืองกาเซีย รัฐอุตตรประเทศ
“ พระสงฆ์และพุทธศาสนิกชนจะได้รับประสบการณ์ตรงจากการศึกษาสถานที่สำคัญๆ ที่เกี่ยวข้องกับพุทธประวัติ ทำให้เกิดความซาบซึ้งและพัฒนาต่อยอดงานด้านศาสนา นำความรู้และประสบการณ์ไปถ่ายทอดสู่เยาวชนและประชาชน ทั้งด้านการเรียนการสอนและด้านการเผยแผ่พระพุทธศาสนาอย่างมีประสิทธิภาพ ตลอดจนนำหลักธรรมมาประยุกต์และปรับให้สอดรับกับบริบทของสังคม เพื่อถ่ายทอดและอบรมให้ประชาชนมีคุณธรรมจริยธรรม
นอกจากนี้ กองทุนส่งเสริมการเผยแผ่พระพุทธศาสนาเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา ที่ ศน.จัดตั้งสนับสนุนการดำเนินการของศูนย์อำนวยความสะดวกผู้เดินทางไปประกอบศาสนกิจ ณ สังเวชนียสถาน 4 ตำบล ประเทศอินเดีย-เนปาล 9 แห่ง เพื่ออำนวยความสะดวกให้คณะพระสงฆ์และพุทธศาสนิกชนได้ปฏิบัติศาสนกิจตามหลักศาสนา และได้รับข้อมูลการเดินทางที่ถูกต้อง
อธิบดี ศน. กล่าวว่า ตอนนี้ศูนย์ดังกล่าวมีความพร้อมให้บริการคณะสงฆ์และพุทธศาสนิกชนที่เดินทางไปปฏิบัติศาสนกิจ ณ สังเวชนียสถาน 4 ตำบล อย่างเต็มที่ ประกอบด้วยวัดไทยลุมพินี เนปาล 1 แห่ง และอินเดีย อีก 8 แห่ง ได้แก่ วัดไทยกุสินาราเฉลิมราชย์, วัดไทยพุทธคยา, วัดสิทธารถราชมณเฑียร, วัดไทยสารนาถ, วัดไทยเชตวันมหาวิหาร,วัดไทยนวราชรัตนาราม, วัดไทยนวมินทร์ธัมมิกราช และวัดไทยพระรามอโยธยา ถือเป็นการส่งเสริมสนับสนุนให้คณะสงฆ์ไทยได้ไปประกอบศาสนกิจที่สังเวชนียสถาน มาพักศึกษาวัดไทย ปฏิบัติศาสนกิจ ซึ่งมีทั้งชาวไทย ชาวอินเดีย ชาวเนปาล ชาวทิเบต ชาวเกาหลีที่ศรัทธาในพุทธศาสนาเดินทางมาจากทั่วโลก ทำให้เกิดความสะดวกในการมาจาริกแสวงบุญบนแผ่นดินที่เป็นต้นกำเนิดของพระพุทธศาสนา นำหลักธรรมคำสอนไปสู่ประเทศของตนเอง จะก่อให้เกิดความมั่นคงถาวรแก่พระพุทธศาสนา
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ย้อนเวลา 4 วัด 1 วัง เมื่อครั้งต้นกรุงฯ
ชวนแต่งชุดไทยเดินทางย้อนเวลากลับไปสู่ช่วงต้นกรุงศรีอยุธยา ดื่มด่ำกับบรรยากาศโบราณสถานยามค่ำคืนที่งดงามในงาน “ 4 วัด 1 วัง เมื่อครั้งต้นกรุงฯ” ภายใต้แนวคิด “ย้อนเวลา ส่องวิถี ปลุกแสงสี พระนครศรีอยุธยา” โดยจะจัดกิจกรรมตามวัดและโบราณสถานที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์
สืบสานประเพณีถวายผ้าพระกฐินวัดหนองแวง แหล่งรวมมรดกวัฒนธรรม
5 พ.ย.2567 - นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวว่า เนื่องในเทศกาลกฐิน พุทธศักราช 2567 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม พระราชทานผ้าพระกฐินให้กระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) นำไปถวายพระสงฆ์ที่จำพรรษา
'หมูเด้ง' ซุปตาร์ดันวัฒนธรรมไทยสู่ระดับโลก
“หมูเด้ง”ซุปเปอร์สตาร์ฮิปโปแคระที่โด่งดังเป็นไวรัลทั่วโลกจากความน่ารักขี้เล่น สื่อต่างประเทศนำไปลงข่าว นิตยสาร TIME พาดหัวข่าวเป็นไอคอนไลฟ์สไตล์ที่กิน นอน และแอคชั่นดราม่า สร้างปรากฎการณ์หมูเด้ง ช่วยให้ยอดนักท่องเที่ยวเข้าชมสวนสัตว์เปิดเขาเขียว จ.ชลบุรี เพิ่มทวีคูณ
นายกฯอิ๊งค์ ควง 'เศรษฐา' สวมชุดอินเดีย เปิดงานดิวาลี 2024 ชูเป็นซอฟต์พาวเวอร์
น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี สวมชุดสไตล์อินเดีย เป็นประธานในพิธีเปิดงาน Amazing Thailand Diwali Festival Bangkok 2024
ลอยกระทงวิถีไทย สืบสานประเพณีงดงาม
วันลอยกระทงปีนี้ ตรงกับวันศุกร์ที่ 15 พฤศจิกายน 2567 จัดเป็นเทศกาลประเพณีสำคัญของคนไทยที่จะได้ร่วมกันสืบสานคุณค่าประเพณีอันดีงาม โดยการทำกระทงสวยงามหลากหลายรูปแบบ นำไปลอยตามแม่น้ำลำคลอง เพื่อเป็นการแสดงความกตัญญูกตเวทีต่อผู้มีพระคุณ