'ชีวิตนี้ชะตาลิขิต'บันทึก 7 รอบนักษัตร'สุเมธ ตันติเวชกุล'

ครั้งแรกของการบอกเล่าเรื่องราวชีวิตของ ดร. สุเมธ ตันติเวชกุล กรรมการและเลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา ผู้รับใช้ใต้เบื้องพระยุคลบาทพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร  รวบรวมไว้ในหนังสือ “ชีวิตนี้ชะตาลิขิต ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล ” เพื่อให้ผู้อ่านได้ทำความรู้จักผ่านการบันทึกช่วงชีวิตตลอด 7 รอบนักษัตร  ตั้งแต่เกิด ได้รับการศึกษา ออกเดินทางสู่โลกกว้าง และกลับมารับใช้แผ่นดินด้วยการพัฒนา

เส้นทางชีวิต ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล ได้ผ่านประสบการณ์หลากหลายทั้งด้านดีและไม่ดี รวมถึงเหตุการณ์ในช่วงประวัติศาสตร์ที่สำคัญของประเทศ และการได้รับโอกาสในการถวายงานในหลวง รัชกาลที่ 9 และสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี จวบจนถึงปัจจุบัน หนังสือชวนสัมผัสความรู้สึกนึกคิด การใช้ชีวิต และมุมมองต่อเหตุการณ์ที่ผ่านเข้ามา  และพบแง่มุมชีวิตอันน่าสนใจของบุคคลผู้นำความเปลี่ยนแปลงในวัย 84 ปีผู้นี้

สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี นายกกิตติมศักดิ์และประธานกรรมการมูลนิธิชัยพัฒนา ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล กรรมการและเลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา จัดพิมพ์หนังสือ “ชีวิตนี้ชะตาลิขิต” ซึ่ง ดร.สุเมธ ได้กราบบังคมทูลขอพระราชทานพระราชานุญาตในการจัดพิมพ์ ด้วยมีเจตจำนงที่จะมอบให้เป็นลิขสิทธิ์ของมูลนิธิชัยพัฒนาและรายได้ทั้งหมดจากการจำหน่ายหนังสือมอบสมทบมูลนิธิชัยพัฒนา

งานเปิดตัวหนังสือ“ชีวิตนี้ชะตาลิขิต” ณ สำนักงานมูลนิธิชัยพัฒนา ดร.สุเมธ  ตันติเวชกุล บอกเล่าจุดเริ่มต้นการจัดทำหนังสือว่า  เกิดขึ้นจากความตั้งใจของนายฐาปน สิริวัฒนภักดี ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) ในฐานะประธานรุ่นผู้เข้าอบรมหลักสูตรผู้นำการพัฒนาอย่างยั่งยืน หรือ นพย. ซึ่งสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี มีพระราชกระแสให้มูลนิธิชัยพัฒนาจัดทำหลักสูตรการอบรมนี้ขึ้น เมื่อปี 2559 เพื่อสร้างผู้นำคลื่นลูกใหม่ที่จะเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลงนำสังคมไปสู่การพัฒนาอย่างสมดุล ในหลักสูตรตนมีฐานะเป็นครูใหญ่ ลูกศิษย์เห็นว่า ชีวิตของตนมีประสบการณ์ที่จะเป็นประโยชน์ต่อผู้อื่น

“ การจัดทำหนังสือตนมีเงื่อนไขหน้าแรกถึงหน้าสุดท้ายให้เล่าชีวิตจริง และถอดบทเรียนแต่ละช่วงเวลาจะดีจะเลวก็แล้วแต่  ไม่ใช่จะมีแต่ด้านดีด้านเดียว  อย่างน้อยประสบการณ์ของเราเป็นบทเรียนและแรงบันดาลใจให้ผ่านอุปสรรค  ด้วยความที่ตัวเองไม่เคยบันทึกอะไรไว้เลย ขออภัยความคลาดเคลื่อนเรื่องเวลาบ้าง ตัวบุคคลบ้าง มันต้องทบทวนความจำ 80 กว่าปี มาเล่าใหม่ ค้นหาภาพ กว่าจะรวบรวมภาพได้  ขอชมเชยและขอบคุณทีมงานช่วยทำงานจนสำเร็จ “ ดร.สุเมธ กล่าว

เจ้าของหนังสือบอกด้วยว่า เมื่อได้ทบทวนชีวิตแล้ว มีความพิลึกกึกกือพอสมควร พูดถึงความหลังแล้ว ชีวิตตนไม่ปกติเท่าไหร่ จนกระทั่งทุกวันนี้ก็เป็นอยู่อย่างนี้ ก็อ่านสนุกๆ อย่าไปซีเรียส ผมทำงานทุกวันนี้ เพราะขี้เกียจอยู่เฉยๆ นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณเป็นอย่างยิ่งที่กรมสมเด็จพระเทพฯ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้มูลนิธิชัยพัฒนาได้จัดพิมพ์หนังสือเล่มนี้ ตนถวายลิขสิทธิ์ให้กับมูลนิธิชัยพัฒนา เงินทุกบาททุกสตางค์ที่ได้จะเข้ามูลนิธิชัยพัฒนาทั้งหมด

ที่มาของชื่อหนังสือ“ชีวิตนี้ชะตาลิขิต” ดร.สุเมธ บอกว่า คิดอยู่นานและปรึกษาหารือกันควรจะใช้ชื่ออะไรดี ตนนั่งคิดดูชีวิตมันถูกกำหนดโดยผู้อื่น โดยฟ้า ดิน อะไรต่างๆ ความหวังของชีวิตและความปรารถนาส่วนตัวนั้นไม่เคยเกิดขึ้นเลย ถ้าให้เล่าเกิดมาเป็นเด็กต่างจังหวัด ไม่ได้เข้าเรียนเพราะร่างกายอ่อนแอ เกิดภัยสงครามต้องหลบระเบิดไปเติบโตอยู่ จ.เพชรบุรี เรียนโฮมสคูลตั้งแต่คำนี้ยังไม่เกิด คุณแม่จ้างคุณครูมาสอนที่บ้าน ถึงเวลาสอบก็ไปสอบที่โรงเรียนแถวบ้าน แล้วสอบเทียบ ม.3  เข้าเรียนที่โรงเรียนวชิราวุธวิทยาลัยได้ 3 ปีแล้วเตลิดเปิดเปิงไปเรียนต่อเมืองนอก ใครๆ เขาไปยุโรปอเมริกา แต่ตนไปเรียนมัธยมที่ประเทศเวียดนาม 6 ปี รบหนักขึ้นย้ายมาจบที่ สปป.ลาว อยู่หัวเดียวกระเทียมลีบแล้วไปเรียนต่อฝรั่งเศส จบรัฐศาสตร์การทูตหวังจะเป็นทูต  แต่ฟ้าลิขิตต้องไปรับราชการที่สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ

“ กลับมาไทยนั่งทำงานที่สภาพัฒน์ ตอนนั้นประเทศเข้าสู่ภาวะสงครามแล้ว เวียดนามล่มสลาย ลาวล่มสลาย สุดท้ายมาทำงานเลขานุการคณะกรรมการพัฒนาเพื่อความมั่นคงในระดับพื้นที่กองทัพทั้ง 4 ภาค เป็นจุดเริ่มต้นชีวิตกลางสนามรบ ต้องลุยอยู่ในสนามรบอยู่ถึง 11 ปี เหนือจรดใต้ หวิดตายหลายหน  ชีวิตก็ผ่านมาได้ และเริ่มทำงานเลขาธิการคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ หรือ กปร.  กระทั่งปี 2530 ได้รับพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าฯ ให้เป็นเลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา  จนในหลวง รัชกาล 9 เสด็จสวรรคต  40 ปีที่ถวายงานด้านการพัฒนาเป็นสิ่งที่ประทับใจที่สุด “ ดร.สุเมธเผยความประทับใจ

พลิกหนังสือบนปกหลังมีประโยคที่ ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล เขียนไว้  “ชะตาชีวิตผมถูกขีดมาอย่างนี้ บางช่วงทุกข์มาก มืดมนไปหมด ถึงเวลาก็สว่างของมันเอง บทเรียนง่ายๆ มีเท่านี้ ถึงเวลามันก็สว่าง ถึงเวลามันก็มืด ใจเรามันทุรนทุรายนึกว่ามืดไม่มีวันสว่าง จริงๆ ทุกอย่างมันเป็นเวลา จะไปเจอใคร จะเจออะไร เขาลิขิตมาหมดแล้ว” ผมเชื่อในชะตาลิขิตเพราะว่าเหตุการณ์อะไรหลายอย่างมันไม่น่าเป็นไปได้ แต่ว่าเราไม่ปล่อยตัว ยอมรับชะตาแต่ไม่ปล่อยตัว ไม่ว่าอยู่ตรงไหนเราก็ทำเต็มที่ของเรา “  เจ้าตัวบอกเชื่อในชะตาลิขิต เพราะว่าเหตุการณ์หลายอย่างมันไม่น่าเป็นไปได้ เรายอมรับชะตา แต่เราไม่ปล่อยตัว ไม่ว่าอยู่ตรงไหนเราทำเต็มที่

การจัดทำหนังสือชีวิตนี้ชะตาลิขิตแบ่งเนื้อหาออกเป็น 7 บท ตาม 7 รอบนักษัตร ซึ่งเจ้าตัวระบุชีวิตมักเกิดการเปลี่ยนแปลงหรือพลิกผันในแต่ละรอบปีนักษัตร  รอบนักษัตรที่ 1 (พ.ศ. 2482 – 2494) วัยเยาว์รสหวานปนขม , รอบนักษัตรที่ 2 (พ.ศ. 2494 – 2506) เปิดประตููสู่โลกกว้าง , รอบนักษัตรที่ 3 (พ.ศ. 2506 – 2518) กลับสู่มาตุภูมิ ,รอบนักษัตรที่ 4 (พ.ศ. 2518 – 2530) รอนแรมในสมรภูมิ , รอบนักษัตรที่ 5 (พ.ศ. 2530 – 2542) ถวายงานด้านการพัฒนา ,รอบนักษัตรที่ 6 (พ.ศ. 2542 – 2554) รางวัลแห่งชีวิต ได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ปฐมจุลจอมเกล้าวิเศษและทุติยจุลจอมเกล้าวิเศษ และการทำงานอย่างไม่มีวันเกษียณ และรอบนักษัตรที่ 7 (พ.ศ. 2554 – 2566) ฝากไว้ให้สานต่อ

“ เนื้อหาบทฝากไว้ให้สานต่อมาจากตนเข้าเฝ้าฯ ถวายรายงานโรงพยาบาลศิริราชครั้งสุดท้าย และรับสั่งว่า “สุเมธ งานยังไม่เสร็จนะ” ซ้ำคำว่า “งานยังไม่เสร็จ“ 3 หน วันสิ้นพระชนม์ ผมนั่งคิดดูคำสุดท้ายที่ทรงเปล่งมา ฝากแม้กระทั่งวาระสุดท้าย สิ่งที่อยู่ในพระราชหฤทัยมีแต่เรื่องงาน เพื่อรักษาแผ่นดิน รักษาประชาชน พระองค์ท่านฝากผ่านผมมาให้พวกคุณและประชาชนชาวไทยรักษาแผ่นดินไว้ให้ได้ ทุกวันนี้เราห่วงจะเสียแผ่นดินใช่หรือเปล่า เราเสียไปเยอะแล้ว อากาศเราเสียไปแล้ว ยิ่งพัฒนาเท่าไหร่ ยิ่งทุกข์เท่านั้น ยิ่งเจริญอากาศเต็มไปด้วยมลพิษ แม่น้ำทุกสายเน่า ต้นน้ำลำธารถูกทำลายไปสิ้น เราพูดถึงความยั่งยืน แต่ความโลภของมนุษย์ทำลายสิ้นซาก ปี 2498 ประชากรไทยมี 17 ล้านคน วันนี้กระโดดไป 70 ล้านคน บ้านเท่าเดิม คนเพิ่มมา 5 เท่า แย่งกันกินอยู่ ทศวรรษหน้าจะเป็นสงครามแย่งน้ำ คำว่า”พอเพียง” ที่ทรงเปล่งเพื่อเตือนว่า ถ้ายังไม่กลับมา สุดท้ายจะฆ่าฟันแย่งชิงกัน ต้องถอยหลังหาจุดสมดุลและต้องปฏิบัติจริง วันนี้ทำอะไร ต้องทำให้เต็มกำลังของเรา จากไปแล้วอย่างน้อยได้ทำแล้ว ถ้าไม่ได้ทำจะเสียดายชีวิตขึ้นมา “ ดร.สุเมธ ฝากในท้าย

การจัดทำหนังสือเล่มนี้สนับสนุนการจัดพิมพ์โดยบริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) และมูลนิธิสิริวัฒนภักดี โดยมีบริษัท อมรินทร์ คอร์เปอเรชั่นส์ จำกัด (มหาชน) เป็นผู้รับผิดชอบการจัดวางเนื้อหารวบรวมข้อมูลและวางรูปแบบหนังสือรวมทั้งจัดพิมพ์ หนังสือจะเริ่มจำหน่ายภายในงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ ครั้งที่ 52 และสัปดาห์หนังสือนานาชาติ ครั้งที่ 22 ระหว่างวันที่ 28 มี.ค.- 8 เม.ย. นี้ ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ซึ่งสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี จะเสด็จฯ ทรงเปิดงานและทรงซื้อหนังสือ “ชีวิตนี้ชะตาลิขิต” เล่มแรกที่วางจำหน่ายในวันที่ 28 มี.ค. นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณต่อ ดร.สุเมธ อย่างหาที่สุดมิได้

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

บางกอก อาร์ต เบียนนาเล่ 2024 เปิดรายชื่อครั้งที่ 2 กับสุดยอด 30 ศิลปินชั้นนำจากทั่วโลก

มูลนิธิ บางกอก อาร์ต เบียนนาเล่ ร่วมกับ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) ผสานความร่วมมือครั้งสำคัญกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)

เสียงเตือนของธรรมชาติ คือ สัญญาณที่โลกแสดงออกมา ถึงเวลาที่มนุษยชาติ ต้องเอาใจใส่รักษ์โลก

ปัจจุบัน “โลก” ของเราเต็มไปด้วยวิกฤตการณ์ปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมมากมาย ซึ่งเหตุการณ์เหล่านี้ไม่ใช่ ครั้งแรก และไม่ใช่ครั้งเดียว เพราะแต่ละปีที่ผ่านมาได้เกิดขึ้นบ่อยครั้งอย่างต่อเนื่อง

ฉากทัศน์สังคมไทย ตีโจทย์ดึง'คนด้อยโอกาส-สูงวัย'สร้างอนาคต

สังคมไทยเผชิญปัญหาความเหลื่อมล้ำมาโดยตลอด การส่งเสริมและสนับสนุนให้ทุกภาคส่วนในสังคม ประชาชนในชุมชนต่างๆ เข้ามามีบทบาทพัฒนาชุมชนตัวเอง เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้น ตลอดจนการให้โอกาสและสร้างความเข้มแข็งคนยากจน และคนด้อยโอกาส

ห้ามพลาด สารคดีชุด 'ก้าวเพื่อชัยชนะ' เรื่องราวการพลิกชีวิตของผู้คนจากความยากจนไปสู่ความกินดีอยู่ดี

สารคดีชุด "ก้าวเพื่อชัยชนะ" เป็นเรื่องราวการพลิกชีวิตของผู้คนทั่วประเทศ จากความยากจนไปสู่ความกินดีอยู่ดี ตามแนวทางการช่วยเหลือของมูลนิธิชัยพัฒนา ที่ในหลวงรัชกาลที่ 9

ร่วมขับเคลื่อนเพื่อเมืองที่ยั่งยืน กับ “SX TALK SERIES ครั้งที่ 2” “เมืองของทุกคน : คุณภาพชีวิตที่ดีของทุกคน”

หลายคนถามหาคุณภาพชีวิตที่ดี ไม่ว่าจะเรื่องการเมือง เศรษฐกิจ สุขภาพ การศึกษา การขนส่ง ที่อยู่อาศัย ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ซึ่งทั้งหมดจะเกิดขึ้นได้ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน