เวลาคนไทยไปท่องเที่ยวที่ฮ่องกง ถ้าไม่ไปช๊อปปิ้งสิ่งแรกที่มักจะนึกถึงคือการไหว้พระ ขอพรต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่อเทพเจ้าต่างๆ ที่คนไทยชอบเรียกว่าการไป “มู” ซึ่งมีหลายวัดที่มีเสน่ห์ที่เหล่านักท่องเที่ยวต้องไปสัมผัสเพื่อช่วยเสริมสิริมงคลให้กับชีวิตต้อนรับปีมังกรทอง ซึ่งเป็นปีมงคลของชาวจีน ที่จะเวียนมาในรอบ 12ปี ทริปที่ไปฮ่องกงคราวนี้ จึงได้มัดรวมสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่เหล่า”สายมู”ต้องมาให้ได้ นำทีมโดยกูรูชื่อดัง อ.คฑา ชินบัญชร ที่จัดทริปพิเศษ ในคอนเซ็ปต์ “เที่ยวรับโชครับพร Hello Good Fortune “ในห้วงเวลาสามคืนสี่วัน มาให้”สายมู” ทั้งหลายได้อิ่มเอมไปกับการขอพรขอโชคลาภสิ่งศักดิ์สิทธิ์อันเลื่องชื่อของฮ่องกง และที่พิเศษก็คือ อ.คฑา จะเผยเคล็ดลับการไหว้ขอพร
พอไปถึงวันแรก หลังอาหารมื้อเที่ยง อ.คฑา ก็ไม่รอช้า พาไปวัดโป่หลิน (Po Lin Monastery)เป็นแห่งแรกทันที วัดแห่งนี้ตั้งอยู่บริเวณที่ราบสูงนองปิง ซึ่งตั้งห่างจากสนามบินนานาชาติฮ่องกงประมาณ 6 กม. การเดินทางไปวัดโป่หลินสามารถนั่งแท็กซี่จากสนามบินมาขึ้นกระเช้า Ngong Ping 360 ซึ่งเป็นกระเช้าที่ยาวที่สุดในโลก ใช้เวลา 25 นาที ระหว่างนั่งก็จะได้ชมทัศนียภาพวิวทิวทัศน์อ่าวตุงชุงแบบ 360 องศา เห็นธรรมชาติของเกาะลันเตาเรื่อยไปจนถึงวนอุทยานลันเตาเหนือ และสนามบินนานาชาติฮ่องกง กระเช้าคันที่นั่งเป็นรูปแบบพื้นกระจก สามารถมองเห็นพื้นดินด้านล่าง เรียกความเสียวได้ไม่น้อย โดยเฉพาะคนที่กลัวความสูง น่าจะว้าวุ่นใจระหว่างนั่ง
เมื่อมาถึงอีกฝั่ง สิ่งที่สัมผัสได้คืออากาศที่ค่อนข้างเย็น เพราะวัดตั้งอยู่บนเขา อยู่เหนือระดับน้ำทะเลประมาณ 370 เมตร บริเวณวัดคราคร่ำด้วยผู้คน โดยเฉพาะชาวต่างชาติ เพราะวัดแห่งนี้อยู่ใกล้สนามบินเดินทางไปไม่ยาก ตามประวัติวัดโป่หลินมีอายุกว่า 115 ปี เรือนอาคารต่างๆ ในวัด ถูกออกแบบอย่างถูกต้องตามหลักฮวงจุ้ย แต่ละอาคารจะสร้างให้อยู่ไม่ติดกัน เพื่อให้อากาศถ่ายเทสะดวก
ขั้นตอนการสักการะเริ่มขึ้น โดย อ.คฑา พาไปยังอุโบสถหลัก (Main Shrine Hall of Buddha) ที่ตั้งอยู่ใจกลางวัดก่อนเป็นอันดับแรก พระอุโบสถแห่งนี้ เป็นที่ประดิษฐานของพระพุทธเจ้า 3 องค์ในนิกายมหายาน นั่นก็คือ 1.พระศากยมุนี 2.พระพุทธเจ้าไภษัชยคุรุฯ และ 3.พระอมิตาภพุทธะ บริเวณด้านหลังวัด ยังมีอาคารอีกหลังหนึ่งก็คือ Grand Hall of Ten Thousand Buddhas หรือพระพุทธเจ้าพันองค์ เป็นอาคารสำหรับจัดแสดงนิทรรศการ กุฏิของเจ้าอาวาส และหอพระไตรปิฎก ซึ่งปกติไม่เปิดให้คนทั่วไปเข้าชม เพราะเป็นสถานที่เก็บรักษาพระไตรปิฎก 4 ชุดสุดท้ายแห่งราชวงศ์ฉิง แต่ถ้าขึ้นไปบริเวณชั้น 3 ก็จะมองเห็นวิวพระปางประทานพรเคล้าด้วยหมอกบนยอดเขา
หลังจากนั้นอ.คฑา พาไปสักการะขอพรจากองค์พระใหญ่นองปิง พระพุทธรูปปางประทานพรที่ใหญ่ที่สุดในโลก (Tian Tan Buddha) ด้วยความสูงรวมส่วนฐาน 34 เมตร องค์พระใหญ่ตั้งบนจุดที่สูงที่สุดของเขาแห่งนี่้ เมื่อเดินไปถึงก็สัมผัสกับอากาศที่หนาวยิ่งกว่าด้านล่าง พร้อมกับเมฆหมอกลอยอ้อยอิ่งไปทั่ว ขั้นตอนการสักการะจะเริ่มต้นจากจุดรับพลังที่ด้านล่าง ด้านหน้าองค์พระ เริ่มจากการเอ่ยชื่อของตนเอง ทำความเคารพฟ้าดิน และทิศต่างๆ โดยอ.คฑาเผยเคล็ดลับการไหว้ว่า หากมีการขอพร คำขอต้องระบุเป้าหมาย สิ่งที่อยากได้ และระยะเวลาให้ชัดเจน พร้อมกล่าวจบด้วยคำว่า “หมื่นคำอธิษฐานสมปรารถนา” คำขอจึงจะบังเกิดผล รวมทั้ง ต้องเดินขึ้นบันได 268 ขั้น ไปที่ฐานองค์พระอาคารด้านในส่วนฐานเป็นที่ประดิษฐานขององค์พระสารีริกธาตุ
วันรุ่งขึ้น พวกเราเดินทางไปที่ วัดเจ้าแม่ทับทิมย่านนัมซุง (Nam Chung Tin Hau Temple) วัดแห่งนี้เป็นวัดเล็กๆ ที่อยู่ห่างออกไปจากตัวเมืองและย่านเศรษฐกิจ จึงเงียบสงบ ตัววัดตั้งอยู่ในพื้นที่ของอุทยาน Pat Sin Leng Country Park (พัด ซิน เล้ง คันทรี พาร์ก) ริมอ่าว Starling Inlet การเดินทางนับว่าไกลกว่าที่อื่นๆ เนื่องจากเป็นพื้นที่อยู่ติดชายขอบของเขตเศรษฐกิจพิเศษฮ่องกง ฝั่งตรงข้ามคือเมืองเซินเจิ้น ซึ่งการเดินทางเข้าไป จะอนุญาติให้เฉพาะรถที่เล็กกว่ามินิบัสเท่านั้น เนื่องจากถนนแคบมาก แต่รถของทีมงานเป็นรถบัสคันใหญ่จึงเข้าไปไม่ได้ พวกเราจึงต้องลงกลางทาง และเดินต่อไปอีกประมาณ 1.2 กิโลเมตร ระหว่างทาง สามารถชมทิวทัศน์ธรรมชาติทั้งสองข้างทาง และวิวอ่าว Starling Inlet ได้อย่างชิลๆทำให้ไม่เหนื่อย
วัดแห่งนี้เป็นที่ประดิษฐานของเจ้าแม่ทับทิม และ เทพเจ้าห้ามังกร สัญลักษณ์แห่งโชคลาภ ความสุข และอายุยืนยาวในปีมหามังกร เมื่อมาถึงให้เริ่มต้นสักกระองค์พระประธาน และศาลเจ้าแม่ทับทิมก่อน แล้วจึงลงไปสักการะองค์เทพเจ้ามังกรทั้งห้าที่อยู่ด้านล่าง ด้วยธูป และผลไม้ 5 ชนิดได้แก่ แอปเปิล ส้ม ส้มโอ องุ่น และกล้วย โดย 5 เทพเจ้ามังกร ตามความเชื่อที่ว่าจะดลบันดาลให้ผู้ขอพรประสบความสำเร็จไปทั่วทุกสารทิศ นอกจากนี้ ระหว่างไหว้ก็ให้รำลึกถึงพระคุณของมารดาดังพญามังกรที่สำนึกในบุญคุณของเด็กหญิงที่เปรียบดั่งมารดาผู้ให้กำเนิด เมื่อสักการะเสร็จ พวกเราเดินเท้ากลับไปยังรถบัส จึงแนะนำว่า ผู้ที่มาสักการะควรใช้บริการรถมินิบัสจะดีกว่า
ออกจากวัดเจ้าแม่ทับทิม ช่วงบ่ายหลังจากกินข้าวเที่ยงเสร็จ อ.คฑา ก็พาไปขอพรต่อที่ ” ต้นไม้ขอพรหลัมซุน (Lam Tsuen Wishing Trees) ” หนึ่งในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่คนฮ่องกงมักจะมาขอพร ซึ่งอยู่ในหมู่บ้านเล็กๆ ที่ชื่อว่า ในไต๋โป (Tai Po) โดยวัดแห่งนี้มีชื่อเสียงในด้านการขอพรเรื่องความรัก หรือที่รู้จักกันในชื่อว่า “โยนผลส้มอธิษฐานขอพร” เมื่อไปถึงจะเห็นว่ามีชาวฮ่องกงหลายคนพยายามจะโยนส้มให้คล้องกับกิ่งไม้ โดยผลส้มที่โยน จะต้องมีกระดาษขอพรมัดด้วยเชือกสีแดงไว้ด้านหนึ่ง ส่วนอีกด้านเป็นการถ่วงน้ำหนักด้วยลูกส้ม จากนั้นให้ตั้งจิตอธิษฐาน โดยแนะนำว่าให้ขอเพียง 1 ข้อเท่านั้น จึงจะได้ผล 100% มิฉะนั้นผลลัพธ์ก็จะเฉลี่ยกันไปหากขอหลายข้อ เมื่ออธิษฐานจบ ให้โยนเชือกขึ้นไปให้กระดาษพ่วงส้มไปติดกับกิ่งไม้ให้ได้ คำอธิษฐานนั้นจึงจะเป็นจริง หากกระดาษและส้มหล่นลงมา ต้องโยนใหม่ไปเรื่อยๆ จนกว่าจะติดกับกิ่งไม้เท่านั้น ว่ากันว่าถ้าโยนได้สูงเท่าไหร่ คำอธิษฐานก็จะเป็นจริงมากเท่านั้น
วันที่สาม ซึ่งเป็นวันสุดท้ายการเดินสายไหว้สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์เกาะฮ่องกง เรามากันที่วัดที่โด่งดังที่สุดในฮ่องกงนั่นก็คือวัดแชกงหมิว (Che Kung Temple) หรือวัดกังหัน วัดเก่าแก่ที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 300 ปี โดยชาวบ้านในย่านซ่าถิ่น (Sha Tin) สร้างขึ้นเพื่ออุทิศแก่นายพลแชกง แม่ทัพฝีมือฉกาจแห่งราชวงศ์ซ่ง ใบพัดทั้งสี่ของกังหันหมายถึง 1. การปัดเป่าสิ่งไม่ดีออกจากตัว 2. การพัดสิ่งดีเข้าหาตัว 3. การพัดพาสุขภาพร่างกายแข็งแรงเข้ามา 4. การพัดโชคลาภเงินทองเข้ามา เมื่อมาถึงสิ่งที่สังเกตได้คือควันธูปที่ฟุ้งจากผู้คนจำนวนมาก ทั้งคนฮ่องกง คนไทยและชาวต่างชาติที่เข้ามาสักการะกันอย่างเนืองแน่น บางคนถือธูปขนาดใหญ่ยักษ์บูชา เรียกว่าจัดเต็มมาก
การไหว้แนะนำให้ซื้อกังหันที่เป็นไม้ราคาประมาณ 40 ดอลลาร์ฮ่องกง ก่อนไหว้ เริ่มจากการเคารพทิศ และไหว้ศาลเจ้าซึ่งตั้งอยู่ด้านหน้าวัด จากนั้นไหว้องครักษ์ทั้งสองฝั่ง ก่อนเข้าไปสักการะและขอพรต่อหน้าองค์แชกงในโถงกลาง ระหว่างไหว้ให้เอ่ยชื่อตนเอง พร้อมขอพรได้ตามที่ใจต้องการ ไม่จำกัดจำนวน แต่การขอพรต้องสบตากับองค์แชกงตลอดเวลา จากนั้นก็หมุนกังหัน 1 ครั้ง ตามเข็มนาฬิกา โดยห้ามหยุดกังหันเองเด็ดขาด จากนั้นตีกลองอีก 3 ครั้งเพื่อปิดจบ ซึ่งผู้ที่มีกังหันสามารถนำมาปะกับผงธูป โดยให้พระบริเวณนั้นทำให้ ซึ่งเชื่อกันว่าถ้าใครซื้อกังหันไม้แล้วจะต้องกลับมาคืนในปีหน้า ว่ากันว่าส่วนใหญ่คนที่นำมาคืนมักจะประสบความสำเร็จตามที่ตัวเองขอ
สถานที่สุดท้ายที่พลาดไม่ได้คือวัดหวังต้าเซียน หรือ หว่องไท่ซิน (Wong Tai Sin) ในภาษากวางตุ้ง ถือเป็นวัดที่คนไทยรู้จักกันดี จากการผูกด้ายแดงเพื่อขอเนื้อคู่จากผู้เฒ่าจันทรา หรือ เทพเจ้าหยุคโหลว (Yuelao) วันปกติจะมีคนเข้าไปสักการะจำนวนมากไม่ต่างจากวัดกังหัน แต่กว่าที่คณะพวกเราไปถึงก็เป็นช่วง 5 โมงเย็น ซึ่งเป็นเวลาที่วัดใกล้ปิดพอดี คนจึงน้อย ทำให้สะดวกต่อการไหว้ โดยเคล็ดลับการขอพรเรื่องคู่ ที่ถูกต้องจะเริ่มจากการเกี่ยวนิ้วมือเข้าด้วยกัน เพื่อให้สามารถคล้องด้ายแดงที่นิ้วมือได้ (สามารถดูขั้นตอนได้ที่ป้ายแนะนำหน้าองค์เทพ) แล้วตั้งจิตอธิษฐานที่ด้านหน้าองค์เทพเจ้าหยุคโหลว
ผู้ชายที่ชอบผู้หญิง ให้ผู้สักการะเริ่มต้นเดินจากรูปปั้นเจ้าบ่าว จากนั้นเดินหลับตาตั้งจิตอธิษฐาน เพื่อไปผูกด้ายแดงที่รูปปั้นเจ้าสาว สำหรับผู้หญิงที่ชอบผู้ชาย หลังจากเริ่มต้นตั้งจิตอธิษฐานที่องค์เทพเจ้าหยุคโหลวแล้ว ให้เริ่มเดินหลับตาจากรูปปั้นเจ้าสาว ไปผูกด้ายแดงที่ฝั่งรูปปั้นเจ้าบ่าว
เพื่อความเสมอภาค ยังมีพื้นที่สำหรับ LGBTQ+ ก็สามารถพรได้เช่นกัน ด้วยการขอพรที่ตรงกลางด้านหน้าองค์เทพเจ้าหยุคโหลว แล้วผูกที่ตรงกลางบริเวณมือขององค์ท่านเลย ระหว่างเดินต้องระวังไม่ให้นิ้วหลุดออกจากกัน และห้ามทำด้ายหลุดจากมือเด็ดขาด สำหรับคนมีคู่แล้วก็สามารถสักการะขอให้ชีวิตคู่ราบรื่นได้เช่นกัน
จบทริปสามวันไปแล้ว แต่ขอบอกว่า ฮ่องกงไม่ได้มีแค่สถานที่ท่องเที่ยวในเชิงการไหว้ขอพรเท่านั้น แต่ยังเป็นสวรรค์ของนักช้อป เป็นที่รู้กันว่าถ้าอยากช็อปกระจายละลายทรัพย์ต้องบินมาที่นี่ ไม่ว่าจะเป็นรองเท้า กระเป๋า เสื้อผ้า เครื่องสำอาง น้ำหอม แบรนด์เนมต่างๆ ทั้งย่านมงก๊ก (Mong Kok) หรือย่านจิมซาจุ่ย (Tsim Sha Tsui) มีให้เลือกช้อปได้อย่างจุใจ นอกจากนี้ ฮ่องกงยังเป็นสวรรค์ของนักกินที่ขึ้นชื่อเบอร์ 1 อาหารจีนไม่ว่าจะเป็นเป็ดย่าง หมูกรอบ หมูแดง ฯลฯ ซึ่งคอยให้นักท่องเที่ยวเข้ามาลิ้มลอง สำหรับปีมังกรทองนี้ ถ้าใครไม่รู้จะไปไหน อยากให้ฮ่องกงเป็นหนึ่งในช้อยที่ควรจะไปเป็นอย่างยิ่ง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'เรือรบไห่หนาน' เทียบท่าฮ่องกงโชว์ความยิ่งใหญ่
“เรือไห่หนาน”เทียบท่าฮ่องกง ในวาระเฉลิมฉลอง 75 ปีก่อตั้งจีน โชว์ความยิ่งใหญ่ของเรือรบกองทัพเรือสู่สายตาชาวฮ่องกง
ฮอตเกินต้าน! 'หมีพูห์' เข้าตา 'MILK X' แมกกาซีนดังฮ่องกงดึงถ่ายแฟชั่นเอเชีย
ออร่าจับตั้งแต่ยังไม่เดบิวต์ สำหรับ “MEEPOOH” หรือ “หมีพูห์-วิน สกุลแสงประภา” ที่ตอนนี้เตรียมตัวเป็นศิลปินหน้าใหม่จากค่าย WhiteFox ในสังกัด GMM MUSIC ซึ่งก่อนหน้านี้ ได้กระแสตอบรับเป็นอย่างดีจากผลงาน Pre-Debut โปรเจกต์ WhiteFox Playlist ที่ปล่อยออกมาให้ได้ชมกันไปไม่นาน
กรมอุตุฯ อัปเดตเส้นทาง พายุลูกใหม่ 'ชานชาน'
กรมอุตุนิยมวิทยา อัปเดตเส้นทางพายุโซนร้อน "ชานชาน (SHANSHAN)" คำว่า SHANSHAN หมายถึงชื่อของเด็กหญิง ตั้งชื่อโดยเขตบริหารพิเศษฮ่องกง
ข่าวดีแรงงานไทย สนใจไปทำงานมาเก๊า เกาหลีใต้ โอกาสมาแล้ว รายได้เดือนละแสน
“คารม” เผยข่าวดีแรงงานไทย สนใจไปทำงานมาเก๊า เกาหลีใต้ โอกาสมาถึงแล้ว รีบสมัครด่วน ทางเว็ปไซต์ toea.doe.go.th
เอาแล้ว! ถุงขนม 2,000 ล้านพ่นพิษ นักโทษ 112 ใช้วิธีป่วยเข้ารพ. คาด 18 มิ.ย. ไม่ไปแน่
นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ประธานที่ปรึกษาพรรคไทยภักดี โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า ด่วน ถุงขนม2,000ล้าน ประเทศสารขัณฑ์พ่นพิษ นักโทษ112 ใช้วิธีป่วย ไปนอนในโรงพยาบาลเมื่อคืน
พาณิชย์ชี้เป้าผู้ส่งออกเกาะขบวนฮ่องกงบูมขายออนไลน์ส่งสินค้าไทยขายจีน
กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) ชี้เป้าผู้ผลิต ผู้ส่งออกไทย ร่วมมือกับผู้ค้าฮ่องกง ขยายตลาดสินค้าไทยผ่านช่องทาง e-Commerce ฮ่องกงสู่ตลาดจีน หลังฮ่องกงมีแผนจัดเทศกาลช้อปปิ้งออนไลน์ หนุนสินค้าฮ่องกงส่งออกสู่ตลาดจีน