กลุ่มบุคคลที่มีความต้องการพิเศษ ผู้พิการตาบอด หูหนวก ผู้ใช้รถเข็นแทนขา หรือแม้แต่คนที่อ่านไม่ออกเขียนไม่ได้กว่า 70 ชีวิต จากประเทศต่างๆ ทั้งไทย ลาว เวียดนาม กัมพูชา มาเลเซีย จีน และอินเดีย ร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้และปลุกศักยภาพของตัวเองในการประชุมสภาคนพิเศษแห่งเอเชีย เมื่อวันที่ 22-25 กุมภาพันธ์ 2567 ที่กรุงเทพมหานคร ประเทศไทย กิจกรรม เวิร์คช็อป และการเล่นกีฬาใช้พื้นที่คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นอกจากนี้ ได้ออกไปทัศนศึกษาสัมผัสกรุงเทพฯ ที่มิวเซียมสยามและวัดพระเชตุพนฯ เปิดโลกใบใหม่ๆ เปิดประสาทสัมผัสรับรู้แก่คนพิเศษ
ประชุมปีนี้ชูแนวคิดหลัก”ฉันทำได้” หรือ “I am able ” เป้าหมายสร้างคุณภาพชีวิตและการงานอาชีพของคนพิเศษ รวมถึงเปิดพื้นที่ทางสังคมให้กับกลุ่มคนพิเศษได้แสดงออกทางความคิด อารมณ์ ความรู้สึก ส่งเสียงออกมาให้สังคมรับรู้ความต้องการในฐานะคนที่มีสิทธิและความเท่าเทียมกัน โปรเจ็กต์นี้ขับเคลื่อนโดยคณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และเครือข่ายก้าวไปด้วยกัน
โทมัส เคราส์ นักสังคมบำบัดชาวเยอรมันและผู้ริเริ่มการประชุมสภาคนพิเศษ กล่าวว่า การประชุมสภาคนพิเศษเริ่มขึ้นครั้งแรกเมื่อปี 2541 ต้องฝ่าฟันอุปสรรคมากมาย เพราะยุคนั้นไม่มีใครเชื่อว่า คนพิเศษจะสามารถเผชิญความวุ่นวายในกรุงเบอร์ลิน เยอรมนี มีคนพิเศษเข้าร่วม 500 คน เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่กับคนพิเศษและทัศนคติสังคมต่อคนพิเศษ จากนั้นได้ขยายไปยังนานาประเทศ ทั้งยุโรป อเมริกาใต้ และเอเชีย สำหรับประเทศไทยจัดต่อเนื่องเป็นครั้งที่ 5 และเติบโตขึ้น ปีนี้ได้ยกระดับเป็นการประชุมสภาคนพิเศษแห่งเอเชียครั้งแรก
” 25 ปีของการจัดประชุมสภาคนพิเศษเห็นความเปลี่ยนแปลงทีละเล็กทีละน้อยของคนพิเศษ พวกเขายอมรับความพิการและความพิเศษของตัวเอง แต่ก็อยากให้สังคมยอมรับความสามารถของคนพิเศษด้วย พวกเขามีความฝัน ความปรารถนา ความต้องการไม่แตกต่างจากเรา ” นักสังคมบำบัดเยอรมัน กล่าว
รศ.ดร.ศศิลักษณ์ ขยันกิจ คณะครุศาสตร์ จุฬาฯ กล่าวว่า ทุก 2 ปี จัดประชุมสภาคนพิเศษในไทย แต่ละครั้งธีมต่างกันไป ครั้งแรกเมื่อปี 2555 ธีม”หนึ่งเสียงหนึ่งความหมาย” ขอให้สังคมฟังเสียงของคนพิเศษ สร้างความตระหนักให้สังคม สมัยนั้นภาพคนพิเศษเป็นคนน่ากลัว เชื่อมโยงสู่ครั้งที่ 2 ธีม”หนึ่งคนหนึ่งความหมาย” เน้นมิติความเป็นมนุษย์เท่าเทียมกัน ครั้งที่ 3 เข้าไปจัดพื้นที่มหาวิทยาลัยขอนแก่น ธีม”ความรัก” ครั้งที่ 4 ธีม”วงกลมนี้มีเราทุกคน” สื่อบนโลกใบนี้ทุกคนมีศักดิ์ศรีเท่ากัน ก่อนว่างเว้นไป เพราะสถานการณ์โควิด กลับมาใหม่ครั้งนี้เลือกธีม “ฉันทำได้” สื่อสารคนพิเศษมีการงานอาชีพได้ นอกจากการงานที่ได้เงิน รวมถึงการงานที่เติมเต็มจิตใจด้วย
“ คนพิเศษที่ร่วมประชุมไม่ใช่เด็กพิเศษ คุณสมบัติมีอายุ 15 ปีขึ้นไป เราสร้างพื้นที่ให้คนพิเศษได้เติบโตตามศักยภาพ ไม่ใช่พ่อแม่ ผู้ปกครอง ดูแลแบบประคบประหงม รวมถึงปรับแนวคิดผู้ดูแล แนะเส้นทางการเป็นพ่อแม่ที่ปลุกศักยภาพให้เขาทำได้ เราเชื่อว่า คนพิเศษมิติทางจิตวิญญาณสมบูรณ์ เพียงแต่เขามาอยู่ในร่างที่บกพร่อง ไม่สามารถพูดออกมา มองเห็น หรือได้ยิน การเปิดพื้นที่สังคมให้พวกเขาจะช่วยให้คนพิเศษแสดงออกทางความคิด ที่นี่ไม่ใช่ค่าย แต่ละกิจกรรมร้อยเรียงขึ้นมา ปลุกให้เขาตื่นขึ้น เติบโตมากขึ้น ได้ไอเดียใช้ชีวิต “ รศ.ดร.ศศิลักษณ์ กล่าว
ส่วนอุปสรรคสำคัญต่อการพัฒนาศักยภาพแก่คนพิเศษและคนพิการในสังคมไทย รศ.ดร.ศศิลักษณ์ ระบุสังคมขาดความรู้ มีเพียงความสงสาร งานวิจัยหลายชิ้นชี้คนพิเศษต้องการความเข้าใจ คนในสังคมต้องรู้ว่าบุคคลที่มีความบกพร่องแต่ละด้าน สิ่งใดคือความจำเป็นและจะสนับสนุนพวกเขาอย่างไร ความกลัวเป็นอีกปัจจัยทำให้ผลักคนพิเศษออกจากสังคมหรือถอยห่างไม่ยุ่งเกี่ยว การประชุมสภาคนพิเศษเป้าหมายการอยู่ร่วมกันในสังคม ทุกคนมีพื้นที่ยืน พื้นที่ชีวิต สังคมอย่าคาดหวังทุกคนต้องเหมือนกัน
นอกจากนี้ บ้านเราส่งเสริมการออกแบบเพื่อทุกคน ( Universal Design) ซึ่งมี 2 มิติ ด้านกายภาพไทยพยายามขับเคลื่อนแล้ว แต่มิติทางสังคมบ้านเรายังขาดการให้ความสำคัญพื้นที่กิจกรรมที่เหมาะกับคนพิเศษ ศูนย์การค้าไม่เหมาะ เพราะมีสิ่งเร้าเยอะ สวนสาธารณะมีเรื่องความปลอดภัย การจัดประชุมครั้งนี้ออกแบบให้คนพิเศษฝึกใช้ชีวิตในสถานการณ์จริงและเปิดเผยความสามารถ เป็นอีกรูปแบบการสร้างพื้นที่และโมเดลตัวอย่างขยายให้เกิดชุมชนแห่งการเรียนรู้ตามแนวมนุษยปรัชญาในการดูแลพัฒนาคนพิเศษ นอกจากคนพิเศษเติบโต มีผู้ปกครอง ผู้ดูแลนำแนวคิดการดูแลแนวนี้ไปขยายผลในชุมชนตัวเองแล้ว
สร้างคุณภาพชีวิตและการงานอาชีพของคนพิเศษและคนพิการเป็นหัวใจของงาน ผศ.ดร.ชนิดา ตันติเฉลิม คณะครุศาสตร์ จุฬาฯ ผู้เชี่ยวชาญด้านคนพิเศษ กล่าวว่า การส่งเสริมให้คนพิเศษมีงานทำ จำเป็นต้องมีความพร้อมที่ทำให้คนพิเศษเข้าสู่กระบวนการทำงานได้ สถานการณ์ปัจจุบันดีขึ้นคนพิเศษไม่โดดเดี่ยวเมื่อเทียบกับ 5 ปีก่อน เราพบคนพิเศษมีศักยภาพสูง และมีโอกาสทำงานในสถานประกอบการ ซึ่งปัจจุบันผู้ประกอบการทั้งภาคอุตสาหกรรมและภาคบริการ ไม่เพียงเปิดรับ แต่เปิดกว้างและเปิดใจ รวมถึงเปิดอบรมหลักสูตรระยะสั้น การขาย การเกษตร การออกแบบผลิตภัณฑ์ คนพิเศษมีโอกาสตั้งแต่อยู่ในกระบวนการเรียนการสอน ได้เห็นภาพการทำงานในสถานประกอบการจริงๆ หลายบริษัทระดับโลกมองที่ศักยภาพการทำงานให้กับองค์กร เราเตรียมคนพิเศษให้พร้อมทั้งกายและใจ พัฒนาศักยภาพตามความชอบ ความถนัด คนพิเศษจะมีโอกาสเข้าสู่กระบวนการทำงานมากขึ้น
“ การมีงานทำของคนพิเศษและคนพิการมีหลายรูปแบบ ส่วนใหญ่จบสายอาชีพ ที่เหลือจบสายสามัญ มีการสมัครงานด้วยวุฒิการศึกษาหลายแบบ ปัจจุบันทั้งภาครัฐและเอกชนปรับเปลี่ยนนโยบายจ้างงานคนพิการมากขึ้น ไม่ต้องมีวุฒิการศึกษา อาจมีเพียงใบประกาศนียบัตร ทำอาหาร ทำผม แต่งหน้า ตัดเสื้อผ้า ก็มีโอกาสได้งานมากขึ้น รวมถึงงานอิสระ สร้างรายได้ดูแลตัวเอง ไม่จำเป็นต้องถูกจ้างงานโดยบริษัทใหญ่ๆ “ ผศ.ดร.ชนิดา กล่าว
รฐนนท์ ภูวจรูญกุล คนพิเศษวัย 31 ปี จบการศึกษาทางเลือก ผ่านศูนย์ฝึกอาชีพต่างๆ มามากมาย มีประสบการณ์เข้าร่วมประชุมสภาคนพิเศษที่ไทยทั้ง 5 ครั้ง เผยความรู้สึกว่า มีความสุขทุกครั้งได้ร่วมประชุมสภาคนพิเศษ และภูมิใจได้เป็นตัวแทนไทยไปประชุมสภาคนพิเศษระดับนานาชาติ ครั้งนี้เป็นทีมจิตอาสาดูแลเพื่อนๆ โอกาสมาแล้วก็คว้าเอาไว้ สังคมเปิดโอกาสแล้วต้องทำให้ได้ ตนสั่งสมคำสอนและพัฒนาให้ตัวเองเป็นผู้ใหญ่ที่ดี อยากให้ทุกคนที่ร่วมประชุมแบ่งปันกัน มีรอยยิ้ม มีความสุข กับกิจกรรม บอกให้โลกรู้การประชุมสภาพคนพิเศษ พิเศษจริงๆ พวกเราได้พบเพื่อนๆ คนพิเศษจากจีน มาเลเซีย ลาว ชวนเขารับรู้วัฒนธรรมไทย
“ ตอนนี้มีโอกาสการทำงานมากขึ้น เคยทำงานบรรจุเครื่องมือพยาบาล ก่อนจะมาทำงานฝ่ายธุรการ เดินส่งเอกสารในบริษัท ตั้งใจทำงานให้ดีที่สุด ปรับความคิด ปรับอารมณ์ความรู้สึก ไม่หงุดหงิดกับเพื่อนร่วมงาน เรียนรู้งาน มีความเกื้อกูลกัน “ รฐนนท์ กล่าว
เสียงจาก จาย่า วัสสันต์ โกพินาธาน คนพิเศษเมืองมุมไบ ประเทศอินเดีย เผยประสบการณ์ร่วมประชุมสภาคนพิเศษ กล่าวว่า ปี 2561 เป็นครั้งแรกที่ตนพ้นออกจากประตูบ้าน ใช้วีลแชร์เดินทางไปประชุมสภาคนพิเศษ คนที่บ้านกังวลจะไปได้เหรอ แต่ก็ทำได้ จากนั้นตนเดินทางโดยลำพังเสมอ เจ้าหน้าที่สนามบินถามมาคนเดียวหรือ ตนตอบว่า ไม่จำเป็นต้องมีผู้ดูแล ฉันสามารถเดินทางคนเดียวได้ ทุกครั้งที่มามีความสุข ได้รับประสบการณ์มากมาย และได้เรียนรู้จากทุกคน แม้คนพิเศษที่เข้าร่วมประชุมมีปัญหามากมาย แต่ทุกคนกลับกระตือรือร้น พัฒนาศักยภาพตัวเอง เชื่อว่า ทุกคนทำได้ ตรงกับแนวคิดปีนี้ I am able
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ทักษิณ..ริ อุ๊งอิ๊ง..ทำ ‘ยำ’ ครบสูตร! | ห้องข่าวไทยโพสต์สุดสัปดาห์
ห้องข่าวไทยโพสต์สุดสัปดาห์ : วันเสาร์ที่ 14 ธันวาคม 2567
‘อภิสิทธิ์’ ชี้วิกฤติ รัฐฯหลอมขั้วเหลว ระบอบทักษิณฟื้น!!
‘อภิสิทธิ์’ ชี้วิกฤติ รัฐฯหลอมขั้วเหลว ระบอบทักษิณฟื้น!! วันเสาร์ที่ 14 ธันวาคม 2567 เวลา 09.00 น.
ลัคนาธนูกับเค้าโครงชีวิตปี 2568
ยังอยู่ในช่วงเจ็ดปีของการเปลี่ยนแปลงใหญ่สุขภาพอนามัย-หนี้สิน-ลูกน้องบริวาร และเกือบตลอดปีผู้หลักผู้ใหญ่อวยสถานะ-ยศ-เงินทองให้ แต่มีช่วงซ้อมรับทุกข์และการได้ความผิดที่ไม่ได้ก่อ
อภินิหารทักษิณ คัมแบ็ก 'นายกฯ' | ห้องข่าวไทยโพสต์
ห้องข่าวไทยโพสต์ : วันศุกร์ที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2567
กรมสมเด็จพระเทพฯ ทรงเปิดงาน'ชัยพัฒนาแฟร์ สัญจร นครนายก'
สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินเป็นการส่วนพระองค์ไปยังเขื่อนขุนด่านปราการชล อำเภอเมือง จังหวัดนครนายก ทรงเปิด “ศูนย์ฝึกอบรมสุดาเดือนเพ็ญและที่พักของมูลนิธิชัยพัฒนา” และงาน “ชัยพัฒนาแฟร์ สัญจร จังหวั