ตรุษจีนเยาวราชปีนี้คนไทยเชื้อสายจีนในย่านเยาวราชถนนสายมังกรจัดได้ยิ่งใหญ่สมปีมังกร เพื่อให้ชาวไทยและนักท่องเที่ยวทั่วโลกได้ซึมซับความเป็นเยาวราช พร้อมทั้งสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ให้เข้าไปสักการะเสริมสิริมงคลรับปีมังกรทอง วัดสัมพันธวงศาราม วรวิหาร เป็นหนึ่งในวัดสำคัญของเขตสัมพันธวงศ์ และเป็นที่ตั้งของ”ตึกพุ่มเทียนประสิทธิ์” ซึ่งได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานโดยกรมศิลปากร เมื่อปี 2563
ในเทศกาลตรุษจีนเยาวราช ปี 2567 สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯสยามบรมราชกุมารี เสด็จฯ ทรงเปิดอาคาร “ตึกพุ่มเทียนประสิทธิ์” และทอดพระเนตรนิทรรศการภายในอาคารที่ถูกปรับปรุงให้เป็นพิพิธภัณฑ์เรียนรู้ประวัติศาสต์ของวัดสัมพันธวงศ์ รวมถึงเรื่องราวเกี่ยวกับเขตสัมพันธวงศ์ที่สำคัญในอดีตด้วยความสนพระทัย ก่อนที่ทรงลงพระนามาภิไธย ”สิรินธร”ที่แท่นหินอ่อน
อาคารแห่งนี้เป็นหลักฐานที่แสดงความรุ่งเรืองของการเรียนการสอนพระปริยัติธรรมมายาวนานนับแต่อดีต และเป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์อันสำคัญของวัดสัมพันธวงศ์ โดยมี นายฐาปน -นางปภัชญา สิริวัฒนภักดี ประธานจัดงาน นางวัทนีย์ วัฒนะ ปลัดกรุงเทพมหานคร นายพินิจ กาญจนชูศักดิ์ สมาชิกสภากรุงเทพมหานคร เขตสัมพันธวงศ์ นายวัลลภ เกียรติวรศรีกุล ผู้อำนวยการเขตสัมพันธ์วงศ์ และคณะกรรมการวัดสัมพันธ์วงศ์ นำโดย นายจุมพล สำเภาพล พล.ท.ธานีฉุยฉาย นายยุทธพันธุ์ มีชัย นายพงศ์ธันว์ สำเภาเงิน ผอ.กองโบราณคดี กรมศิลปากร และคณะกรรมการวัดสัมพันธ์วงศ์ และกุลทายาทของอุบาสิกา “พุ่ม เทียนประสิทธิ์” เฝ้าฯ รับเสด็จ
นายฐาปน สิริวัฒนภักดี ประธานจัดงาน กล่าวว่า รู้สึกสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ ที่สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี ทรงเปิด “ตึกพุ่มเทียนประสิทธิ์”วัดสัมพันธวงศ์ ซึ่งเป็นวัดโบราณที่มีมาแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา เดิมมีคลองคูล้อมรอบวัดเชื่อมต่อจากแม่น้ำเจ้าพระยา เป็นที่มาการเรียกอีกชื่อว่า “วัดเกาะ” ในปี พ.ศ.2339 พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช โปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระสัมพันธวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมหลวงพิทักษ์มนตรี ครั้งทรงดำรงพระอิสริยยศสมเด็จพระเจ้าหลานเธอ บูรณปฏิสังขรณ์ขึ้นใหม่ทั้งพระอาราม ทรงสถาปนาขึ้นเป็นพระอารามหลวง พระราชทานนามใหม่ว่า “วัดเกาะแก้ว ลังการาม” เป็นพระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดวรวิหาร ในรัชสมัยรัชกาลที่ 4 โปรดเกล้าฯ ให้บูรณปฏิสังขรณ์อีกครั้ง และพระราชทานนามใหม่ว่า “วัดสัมพันธวงศาราม วรวิหาร” สังกัดคณะสงฆ์ธรรมยุติกนิกาย เพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระสัมพันธวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมหลวงพิทักษ์มนตรี ให้เกิดปีติปราโมทย์แก่ผู้สืบสกุล “มนตรีกุล”สืบไป
ต่อมาปี พ.ศ. 2460 พระมหารัชชมังคลาจารย์ อดีตเจ้าอาวาส วัดสัมพันธวงศาราม รูปที่ 9 ได้พัฒนาและบูรณปฎิสังขรณ์วัดสัมพันธวงศ์ทุกด้าน โดยเฉพาะการพัฒนาด้านการศึกษาพระปริยัติธรรม ทั้งฝ่ายบาลีและนักธรรม ทำให้มีพระภิกษุสามเณรจากต่างจังหวัดเดินทางเข้ามาศึกษาเล่าเรียนเป็นจำนวนมาก จนทำให้ได้รับการกล่าวขานว่า เป็นวัดแห่งนักปราชญ์ และเป็นที่มาของการสร้าง “ตึกพุ่มเทียนประสิทธิ์” แห่งนี้ขึ้นปี พ.ศ.2469 ซึ่งอยู่ในสมัยรัชกาลที่ 7 โดยมีอุบาสิกานามว่า “พุ่ม เทียนประสิทธิ์” ซึ่งมีนิวาสสถานอยู่ใกล้วัดสัมพันธวงศ์ เป็นผู้มีจิตศรัทธามั่นคงธำรงพระพุทธศาสนา ทั้งเล็งเห็นความสำคัญการศึกษาเป็นประโยชน์ต่อพระภิกษุสามเณร และกุลบุตรกุลธิดาได้สละทรัพย์เพื่อจัดสร้างอาคารไว้เป็นโรงเรียนสำหรับเล่าเรียนพระปริยัติธรรม และเป็นสถานศึกษาวิชาอันเป็นประโยชน์แก่ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ สำหรับประเทศชาติ
“ ตึกพุ่มเทียนประสิทธิ์ขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถาน เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2563 ด้วยอาคารแห่งนี้เป็นหลักฐานที่แสดงความรุ่งเรืองของการเรียนการสอนพระปริยัติธรรมมายาวนานนับแต่อดีต และเป็นส่วนหนึ่งประวัติศาสตร์อันสำคัญยิ่ง ของวัดสัมพันธวงศ์ ทำให้กุลทายาทของอุบาสิกา “พุ่ม เทียนประสิทธิ์”พร้อมด้วยกรมศิลปากร ตลอดจนผู้มีจิตศรัทธาร่วมกันดำเนินโครงการบูรณปฎิสังขรณ์ “ตึกพุ่มเทียนประสิทธ์” ฟื้นคืนสภาพเดิม สำหรับเป็นที่ศึกษาเล่าเรียนทั้งปรับปรุงให้เป็นพิพิธภัณฑ์เรียนรู้ประวัติของวัดสัมพันธวงศ์ รวมถึงเรื่องราวเขตสัมพันธวงศ์ที่สำคัญในอดีต อาทิ ย่านวัดเกาะ ย่านสำเพ็ง ย่านเยาวราช ย่านตลาดน้อย อันเป็นชุมชนเก่าแก่ หลากเชื้อชาติ หลายศาสนา ให้จารึกสืบไป “ นายฐาปน กล่าว
ด้าน นางฐาปนี เตชะเจริญวิกุล ประธานคณะกรรมการจัดเทศกาลตรุษจีนเยาวราช 2567 กล่าวว่า การบูรณะตึกพุ่มเทียนประสิทธิ์ อาคารเก่าแก่ 100 ปี เป็นพิพิธภัณฑ์เรียนรู้ประวัติวัดสัมพันธวงศ์ และเปิดให้ประชาชนเข้าชม จะเป็นอีกสถานที่สำคัญบนถนนเยาวราช ส่งเสริมการเรียนรู้ในย่านเยาวราช เป็นจุดเช็คอินเพิ่มเติมจากพิพิธภัณฑ์วัดไตรมิตร หรือศูนย์ประวติศาสตร์เยาวราช ซึ่งเยาวราชเป็นไชน่าทาวน์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก เขตสัมพันธ์วงศ์เป็นคนไทยเชื้อสายจีนทั้งหมด ตรุษจีนเยาวราชทุกปีเป็นงานยิ่งใหญ่ ถือเป็นแลนด์มาร์คของประเทศไทย จุดเด่นมีความเป็นอัตลักษณ์ สืบสาน รักษา และต่อยอดวัฒนธรรมไทยจีน ตลอดจนกระชับความสัมพันธ์ของทั้งประเทศไทยและสาธารณรัฐประชาชนจีนอย่างแน่นแฟ้น
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
สคส.กรมสมเด็จพระเทพฯ
กรมสมเด็จพระเทพฯ พระราชทานพรปีใหม่ 2568 ปีมะเส็งงูเล็กแก่พสกนิกรไทย เพื่อความเป็นสิริมงคล ชีวิตก้าวหน้า
กรมสมเด็จพระเทพฯ ทรงเปิดงาน'สานสายใยเพื่อผลิตภัณฑ์สายใจไทย'
29 ต.ค.2567 - เวลา 09.00 น. สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี องค์ประธานมูลนิธิสายใจไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ เสด็จฯ ไปทรงเป็นประธานเปิดงาน“สานสายใยเพื่อผลิตภัณฑ์สายใจไทย ครั้งที่ 26 ” ณ ลิฟวิ่ง ฮอลล์ ชั้น 3 สยามพารากอน
กรมสมเด็จพระเทพฯ ทรงเปิดเทศกาลน้ำมันเมล็ดคามีเลีย ภัทรพัฒน์ ณ เอ็มสเฟียร์
18 ต.ค.2567 - เวลา 14.30 น.สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเปิดงาน “เทศกาลน้ำมันเมล็ดคามีเลีย ภัทรพัฒน์” โดยความร่วมมือระหว่างมูลนิธิชัยพัฒนา และบริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด ณ เอ็ม กลาส
ซุ้มประตู'มังกร' แลนด์มาร์กใหม่ไชน่าทาวน์
ซุ้มประตูจีน ถือเป็นแลนด์มาร์กแสดงอาณาเขตของไชน่าทาวน์หรือพื้นที่ของชุมชนชาวจีนทั่วโลก แน่นอนว่า ในประเทศไทยมีชุมชนชาวจีนอยู่แทบจะทุกพื้นที่ เกิดไชน่าทาวน์ขึ้นในหลายจังหวัด
กรมสมเด็จพระเทพฯ ทรงเปิดเทศกาลศิลปะร่วมสมัยนานาชาติ 'บางกอก อาร์ต เบียนนาเล่'
1 ต.ค.2567 - เวลา 9.04 น. สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินทรงเปิดงาน เทศกาลศิลปะร่วมสมัยนานาชาติ บางกอก อาร์ต เบียนนาเล่ Bangkok Art Biennale 2024 (BAB 2024) ภายใต้แนวคิด "รักษา กายา