งานศิลปกรรมรูปแบบศิลปะพม่าประดับด้วย’แก้วอังวะ’ที่ทุบให้แตกเป็นชิ้นเล็กๆ ตกแต่งลงบนชิ้นงานฝีพระหัตถ์สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงแต่งแต้มแก้วกระจกด้วยพระองค์เองในโอกาสทรงเปิดงาน”วันนักประดิษฐ์” ประจำปี 2567 และพระราชทานเกียรติบัตรรางวัลการวิจัยแห่งชาติ ซึ่งสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม จัดงานขึ้นเป็นครั้งที่ 25 ภายใต้แนวคิด “สิ่งประดิษฐ์และนวัตกรรม นำประเทศ” โดย’แก้วอังวะ’ เป็นแบบอย่างของสิ่งประดิษฐ์วัสดุศาสตร์นวัตกรรมเชิงวัฒนธรรมที่สำคัญต่อวงการบูรณะศิลปกรรมไทยจนคว้ารางวัลมาครอง
กรมสมเด็จพระเทพฯ ทรงประดับแก้วอังวะบนงานศิลปกรรม
สิ่งประดิษฐ์ที่โดดเด่นนี้คิดค้น โดย ดร.รัชพล เต๋จ๊ะยา ครูช่างศิลปหัตถกรรมกระจกเกรียบโบราณ ปัจจุบันเป็นครูโรงเรียนสตรีวิทยา ใช้ชื่อผลงาน “แก้วอังวะ : การผสมผสานทางวัฒนธรรมของกระจกแก้วกลมสู่การผลิตอย่างโบราณ เพื่อการบูรณะและต่อยอดงานศิลปกรรม “ ซึ่งครูช่างผู้นี้น้อมนำคำแนะนำพระราชทานจากกรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี สืบสานกระจกเกรียบสู่งานใหม่ เป็นนวัตกรรมแห่งความภาคภูมิใจในการสืบสานรักษาความงดงามของอารยธรรมให้คงอยู่คู่ชาติงคา
ดร.รัชพล เต๋จ๊ะยา กล่าวว่า ผลงานแก้วอังวะเป็นวัสดุศาสตร์สำหรับการบูรณะอนุรักษ์งานศิลปกรรม ควบคู่การต่อยอดเพิ่มมูลค่างานหัตถศิลป์ไทย สิ่งประดิษฐ์นี้เป็นวัสดุเชิงวัฒนธรรม เกิดจากการที่ต่อยอดพัฒนาองค์ความรู้การหุงกระจกเกรียบโบราณของไทย ตามที่สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงแนะนำให้ศึกษาต่อยอด องค์ความรู้การหุงกระจกที่ปรากฏในสมุดไทยดำ หอสมุดแห่งชาติ ซึ่งช่วงปลายรัชกาลที่ 4-ต้นรัชกาลที่ 5 ในอดีตไทยกรมหุงกระจกสำหรับผลิตแก้วกระจกขึ้นมาใช้ในราชการแผ่นดิน เพื่อฟื้นฟูและสืบสานมรดกทางภูมิปัญญาของไทยที่สูญหายไป มีการศึกษาข้อมูลและประดิษฐ์เป็นวัสดุศาสตร์นวัตกรรมเชิงวัฒนธรรมที่สำคัญต่อวงการบูรณะงานศิลปกรรมไทยที่ให้ความสำคัญกับคุณค่าทางเชิงวัสดุศาสตร์ที่ช่างไทยได้สร้างสรรค์ไว้ในอดีตให้กลับมางดงามอีกครั้งในยุคปัจจุบัน
‘แก้วอังวะ’ สิ่งประดิษฐ์ต่อยอดจากกระจกเกรียบ
จุดเด่นนวัตกรรมรางวัลนี้เป็นการบูรณาการองค์ความรู้ทางศิลปกรรมศาสตร์และวิทยาศาสตร์ร่วมกัน ดร.รัชพล กล่าวว่า จากการศึกษารูปแบบทางศิลปกรรม พบว่า สำหรับประเทศไทยพบในงานศิลปกรรมรูปแบบศิลปะพม่า สมัยรัชกาลที่ 5 ผู้วิจัยได้ทดลองผลิต”แก้วอังวะ” (Kaew Ang-wa) หรือแก้วกลม (Kugel) สำหรับ Kugel ภาษาเยอรมันแปลงว่า”ลูกกลม” เป็นชื่อของเครื่องตกแต่งคริสต์มาสที่ทำจากแก้วหนักที่ผลิตในเยอรมนีตั้งแต่ปี 1840 ถึงต้นทศวรรษ 1900
“ กระบวนการประดิษฐ์เกิดจากการฟื้นฟูองค์ความรู้ดั้งเดิมที่ผลิตขึ้นนี้เป็นสิ่งประดิษฐ์ที่เกิดจากแนวคิดการผสมผสานทางวัฒนธรรมของกระจกแก้วกลม ฟื้นฟูองค์ความรู้ทางศิลปวัฒนธรรมในอดีต โดยวิธีเป่าแก้วแบบโบราณ ผสมผสานการให้สีและการเคลือบตะกั่วพื้นผิวภายในลูกบอลแก้วเช่นเดียวกับการผลิตกระจกเกรียบโบราณของไทย จนเกิดเป็นลูกบอลกระจกสีต่างๆ ที่พบในวัฒนธรรมยุโรป ใช้ตกแต่งต้นคริสต์มาส ทั้งนี้ ยังพบการผลิตในประเทศอินเดียใช้เป็นวัสดุตกแต่งงานศิลปกรรมและงานฝีมือในท้องถิ่น “ ดร.รัชพล กล่าว
วัสดุศาสตร์ใช้งานหัตถศิลป์สร้างสรรค์
สำหรับวัฒนธรรมการใช้ลูกแก้วบอลสีในงานศิลปกรรมในประเทศไทย ครูช่างศิลปกรรมกล่าวว่า พบเห็นได้จากศิลปะการประดับแก้วสีงานศิลปกรรมศิลปะพม่าในวัดเขตภาคเหนือ เช่น วัดพระแก้วดอนเต้า จ.ลำปาง แก้วอังวะที่ประดิษฐ์ขึ้นนี้สามารถนำไปประยุกต์ใช้เป็นวัสดุศาสตร์เพื่อการบูรณะและต่อยอดงานหัตถศิลป์ไทยได้จริง โดยผู้ประกอบการสามารถรังสรรค์แปลงทุนทางวัฒนธรรมที่มีพัฒนาเป็นสินค้าหัตถศิลป์เชิงสร้างสรรค์เพื่อเพิ่มมูลค่า
แก้วอังวะนำไปประดับผ้าทิพย์พุทธบัลลังก์พระพุทธเทวปฏิมากร
จากงานวิจัยกระจกแก้วกลมนำไปบูรณะงานศิลปกรรมสำคัญของชาติ เช่น ประดับผ้าทิพย์พุทธบัลลังก์พระพุทธเทวปฏิมากร บริเวณที่ประดิษฐานพระบรมราชสรีรางคารขององค์รัชกาลที่ 1 วัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร หรือวัดโพธิ์ ซึ่งกระจกแก้วกลมที่ประดิษฐ์ขึ้นมาสำหรับการบูรณะอนุรักษ์ในครั้งนี้เทียบได้กับวัสดุศาสตร์เชิงช่างที่เกิดขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 3-4 เกิดขึ้นภายใต้หลักการ “สืบสาน รักษา และต่อยอด” ตามพระปฐมบรมราชโองการพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
“ เราคงคุณค่ารักษากระจกของเดิมไว้ บูรณาการกระบวนการทางวิทยาศาสตร์วิเคราะห์องค์ประกอบ ถอดสูตรและผลิตด้วยกรรมวิธีโบราณ ให้เหมือนทั้งองค์ประกอบภายในและให้มิติที่กลมกลืนทางกายภาพ ใช้แร่ธาตุตามธรรมชาติ หล่อหลอมด้วยมือตามอย่างโบราณ ทำให้เกิดสีที่เป็นเอกลักษณ์ เช่น เขียวปีกแมลงทับ เขียวหยก มีความกลมกลืน งดงานเป็นสุนทรีย์เช่นอดีต “ ดร.รัชพล กล่าว
นักวิจัยซ่อมบูรณะพุทธบัลลังก์พระพุทธเทวปฏิมากรด้วยแก้วอังวะ
นักประดิษฐ์ผู้นี้ได้เข้าเฝ้าฯ จัดแสดงผลงานแก้วอังวะให้ทอดพระเนตร เปิดใจด้วยความซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณว่า ทรงมีรับสั่งว่า ดีใจที่ได้เห็นวัสดุเชิงวัฒนธรรมที่นำมาใช้ในการบูรณะอย่างเป็นรูปธรรม เป็นการอนุรักษ์งานศิลปกรรมประดับกระจกเกรียบตามอย่างงานช่างโบราณในสถานที่สำคัญซึ่งเป็นมรดกทางวัฒนธรรมของชาติ อันเป็นการบูรณะอนุรักษ์อย่างยั่งยืน ที่สำคัญ คือ การธำรงไว้ซึ่งศิลปวัฒนธรรมอันเป็นเอกลักษณ์แห่งรัตนโกสินทร์ให้คงอยู่อย่างงดงามดังชื่อบ้านนามเมือง สิ่งประดิษฐ์แก้วอังวะนี้ได้นำไปใช้บูรณะปฎิสังขรณ์สถาปัตยกรรมภายในวัดพระเชตุพนฯ และยังได้รับสั่งถึงพระศรีรัตนเจดีย์ที่อยู่ภายในวัดพระแก้ว พระบรมมหาราชวัง ซึ่งประดับตกแต่งด้วยแก้วผสานกับทองคำแท้ ที่นำเข้ามาจากเมืองเวนิช ประเทศอิตาลี ในครั้งรัชกาลที่ 5 ซึ่งตนจะได้น้อมนำไปค้นคว้าวิจัยและศึกษาต่อไปให้สำเร็จ เพื่อให้นักวิจัยไทยสามารถผลิตโมเสกแก้วดังกล่าวนำมาใช้เป็นวัสดุเชิงวัฒนธรรมในการบูรณะอนุรักษ์งานศิลปกรรมของชาติให้งดงามต่อไป
สนใจชมผลงานแวะไปงานวันนักประดิษฐ์” ประจำปี 2567 ผู้ร่วมงานจะพบนิทรรศการผลงานสิ่งประดิษฐ์และนวัตกรรมมากกว่า 1,000 ผลงาน ตั้งแต่วันที่ 2-6 ก.พ. นี้ ที่ ณ Event Hall 100 – 102 ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
กรมสมเด็จพระเทพฯ ทรงเปิดงาน'ชัยพัฒนาแฟร์ สัญจร นครนายก'
สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินเป็นการส่วนพระองค์ไปยังเขื่อนขุนด่านปราการชล อำเภอเมือง จังหวัดนครนายก ทรงเปิด “ศูนย์ฝึกอบรมสุดาเดือนเพ็ญและที่พักของมูลนิธิชัยพัฒนา” และงาน “ชัยพัฒนาแฟร์ สัญจร จังหวั
กรมสมเด็จพระเทพฯ ทอดพระเนตรงานกุหลาบรวมน้ำใจ เทิดไท้องค์ราชัน
สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินเป็นการส่วนพระองค์ เพื่อทอดพระเนตรการจัดแสดงกุหลาบเพื่อเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ ในงานกุหลาบรวมน้ำใจ
กรมสมเด็จพระเทพฯ ทรงเปิดงานกาชาดปี 2567
11 ธ.ค. 2567 เวลา 17.00 น. สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา เจ้าฟ้ามหาจักรีสิรินธร มหาวชิราลงกรณวรราชภักดี สิริกิจการิณีพีรยพัฒน รัฐสีมาคุณากรปิยชาติ สยามบรมราชกุมารี อุปนายิกาผู้อำนวยการสภากาชาดไทย เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเปิดงานกาชาดประจำปี 2567 ภายใต้
กรมสมเด็จพระเทพฯ ทรงเปิดนิทรรศการภาพถ่ายฝีพระหัตถ์'ได้ออกนอกบ้าน!'
10 ธ.ค. 2567 - เวลา 8.51 น. สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินทรงเปิดงานนิทรรศการภาพถ่ายฝีพระหัตถ์ ในหัวข้อ “ได้ออกนอกบ้าน! : Free at Last!” โดยมี นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร
สคส.กรมสมเด็จพระเทพฯ
กรมสมเด็จพระเทพฯ พระราชทานพรปีใหม่ 2568 ปีมะเส็งงูเล็กแก่พสกนิกรไทย เพื่อความเป็นสิริมงคล ชีวิตก้าวหน้า
กรมสมเด็จพระเทพฯ ทรงเปิดงาน'สานสายใยเพื่อผลิตภัณฑ์สายใจไทย'
29 ต.ค.2567 - เวลา 09.00 น. สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี องค์ประธานมูลนิธิสายใจไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ เสด็จฯ ไปทรงเป็นประธานเปิดงาน“สานสายใยเพื่อผลิตภัณฑ์สายใจไทย ครั้งที่ 26 ” ณ ลิฟวิ่ง ฮอลล์ ชั้น 3 สยามพารากอน